เชื่อว่าหลายคนคงได้อ่านรีวิวกันไปเยอะแล้วสำหรับการเปรียบเทียบ DJI Osmo Action กับ GoPro Hero 7 Black ว่าอันไหนดีกว่าอันไหน อย่างไรบ้าง และส่วนตัวผมเองก็ได้มีโอกาสรีวิว DJI Osmo Action ไปแล้ว และในฐานะที่ซื้อ GoPro Hero 7 Black มาใช้ด้วย ก็สมควรแล้วที่จะขอเขียนถึงการเปรียบเทียบ Action camera สองรุ่นนี้ ด้วยความเห็นของตัวผมเองบ้าง ในฐานะผู้ใช้งานมือสมัครเล่น เผื่อจะได้เป็นแนวทางสำหรับมือสมัครเล่นทั้่งหลายกันครับ (ส่วนใครมือโปรแล้ว ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองอยากได้อะไร … เนอะ)
ก่อนอื่น เปรียบเทียบกันที่สเปกก่อน
เมื่อต้องเปรียบเทียบ Action camera 2 ตัว วิธีง่ายที่สุดก็หนีไม่พ้นการเปรียบเทียบสเปกครับ ว่าแต่ละรุ่นมันทำอะไรได้บ้าง
สเปกที่เปรียบเทียบ | DJI Osmo ACtion | GoPro Hero 7 Black |
เซ็นเซอร์ภาพ และ เลนส์ | Sony IMX377 CMOS 1/2.3″ 12 ล้านพิกเซล f/2.8 FOV 145 องศา | Sony IMX377 CMOS 1/2.3″ 12 ล้านพิกเซล f/2.8 FOV 170 องศา |
หน้าจอแสดงผล | ด้านหลัง 2.25 นิ้ว 640×360 พิกเซล 325dpi จอสัมผัส ด้านหน้า 1.4 นิ้ว 300dpi สำหรับเซลฟี่ | ด้านหลัง 2 นิ้ว จอสัมผัส ด้านหน้า 0.92 นิ้ว จอขาว-ดำ สำหรับแสดงสถานะ |
การกันสั่น | ก้นสั่น 3 แกน (Mechanic) กันสั่นแบบ Electronics Image Stabilization (EIS) | กันสั่นแบบ Electronics Image Stabilization (EIS) |
โหมดการถ่ายภาพ | ภาพนิ่ง 12 ล้านพิกเซล ตั้งเวลาถ่ายภาพ 1/2/3/5/10 วินาที ถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Burst ถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ AEB บันทึกภาพเป็น JPEG/JPEG + RAW | ภาพนิ่ง 12 ล้านพิกเซล ตั้งเวลาถ่ายภาพ ถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Burst ถ่ายภาพในเวลากลางคืน บันทึกภาพเป็น JPEG/JPEG + RAW |
โหมดการถ่ายวิดีโอ | 720p: 200/240fps 1080p: 24/25/30/48/50/60/100/120/200/240fps 2.7k: 24/25/30/48/50/60fps 4k: 24/25/30/48/50/60fps ตัวเลือกของเฟรมเรตจะแตกต่างไปขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการแสดงผลของภาพด้วย | 720p: 60/240fps 1080p: 24/30/60/120/240fps 2.7k: 24/30/60/120fps 4k: 24/30/60fps ตัวเลือกของเฟรมเรตจะแตกต่างไปขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการแสดงผลของภาพด้วย |
ฟีเจอร์อื่นๆ | ถ่ายวิดีโอ Slow motion, timelapse, HDR WiFi 802.11a/b/g/n/ac Bluetooth 4.2 | ถ่ายวิดีโอ Slow motion, timelapse WiFi dual-band (2.4GHz/5.0GHz) Bluetooth มี GPS module |
แบตเตอรี่ | ลิเธียมโพลิเมอร์ 1,300mAh | ลิเธียมไอออน 1,220mAh |
ขนาดและน้ำหนัก | 65×42×35 มม. 134 กรัม | 62.3×44.9×33 มม. 116 กรัม |
ราคา | 12,000 บาท | 14,500 บาท สำหรับรุ่นปกติ 15,990 บาท สำหรับรุ่น Limited edition (Dusk white) |
ถ้าว่ากันด้วยสเปกแล้ว จะเห็นว่าแม้ในส่วของเซ็นเซอร์ภาพจะเรียกว่าเป็นตัวเดียวกัน มีรูรับแสงเท่ากัน (แต่ GoPro Hero 7 Black จะมี FOV กว้างกว่าพอสมควร) แต่สเปกอื่นๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้ว DJI Osmo Action จะกินขาดครับ นี่คือความได้เปรียบของกล้องที่ออกมาทีหลังนั่นแหละ สเปกมันก็ใส่มาได้ดีกว่า และสเปกที่ดีกว่า ก็เป็นอะไรที่เราๆ ท่านๆ จะได้ประโยชน์จากการใช้งานด้วย เช่น กันสั่น 3 แกน แบบ Mechanic หรือ จอแสดงผลด้านหน้า เอาไว้เวลาถ่ายเซลฟี่ แถม DJI Osmo Action นี่ก็มีราคาถูกกว่าแบบเห็นได้ชัดด้วยนะเออ (โดยส่วนตัวผม ได้เปรียบ เพราะได้ GoPro Hero 7 Black Limited Edition มาในราคา 12,340 บาท ซึ่งมันมี Shorty ที่เป็นไม้เซลฟี่พร้อม Tripod ในตัวแถมมาให้ด้วย ถือว่าคุ้มค่า)
อย่างไรก็ดี สำหรับบางคน (รวมถึงผม) GoPro Hero 7 Black ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า เพราะการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอที่ได้สีสันสดสวย ไม่ต้องไปปรับอะไรให้มากมาย และมี GPS module ที่ช่วยบันทึกพิกัดภาพที่ถ่ายมาให้ด้วย ซึ่งมันเป็นอะไรที่ DJI Osmo Action ยังไม่มีให้
แลัวประสบการณ์ในการใช้งานจริงเป็นยังไงบ้าง?
ในส่วนของ GoPro Hero 7 Black นั้น มีผู้ใช้งานจำนวนมากที่บ่นๆ ในเรื่องของอาการเครื่องค้าง ซึ่งผมยังไม่เคยเจอ แต่เคยเจอความน่ารำคาญตรงที่ Accelerometer มันตะแคงหน้าจอแล้ว มันไม่ค่อยตะแคงภาพกลับมาให้ ต้องเสียเวลารออยู่นิดหน่อย และในส่วนของแอป GoPro นั้น ผมพบว่าใช้เชื่อมต่อกับกล้อง GoPro Hero 7 Black ได้ค่อนข้างง่าย แต่น่ารำคาญตรงวิธีการเซฟภาพจากกล้องมาที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแบบใหม่ ที่จะเซฟลงไปในแอป ไม่เซฟลงไปใน Camera roll (หรือก็คือ ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต) ถ้าจะเอาลงเครื่อง ต้องเลือกจากแอปมาเซฟลงเครื่องอีกที วุ่นไปอีกสเต็ป แต่ GoPro เขาบอกว่า วิธีนี้จะช่วยให้บริหารจัดการไฟล์ภาพได้ง่ายกว่า ตรงนี้ผมเข้าใจว่าอันนี้สำหรับกรณีมืออาชีพ ถ้าเป็นมือสมัครเล่นแบบผม ผมก็ยังรู้สึกว่าเซฟลงเครื่องเลยจะง่ายกว่านะ

ในส่วนของ DJI Osmo Action นั้น ผมรู้สึกว่าการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นครั้งแรกแอบทำได้ยากกว่านิดนึง เมื่อเทียบกับ GoPro Hero 7 Black แต่หลังจากนั้นก็ชิลๆ แล้ว และตัวแอปเองก็มี User Interface ที่ใช้งานได้ง่ายดี การใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นตัวควบคุมกล้องและมองภาพ ก็ได้ภาพที่ค่อนข้างจะ Real-time มากกว่า GoPro Hero 7 Black เป็นอะไรที่ผมชอบ และการมีจอด้านหน้าที่ช่วยให้เราได้เห็นภาพตอนเซลฟี่นี่คือประเสริฐมากจริงๆ ครับ ตรงนี้ผมว่า DJI อาจจะเซ็ตมาตรฐานสำหรับ Action camera ขึ้นมาแล้วล่ะ
ในส่วนของการถ่ายภาพนิ่ง ผมยังชอบแนวทางภาพของ GoPro Hero 7 Black มากกว่า มันสามารถถ่ายภาพได้สีสดถูกใจกว่า DJI Osmo Action ครับ แต่นั่นมันก็คือกรณีของภาพถ่ายกลางแจ้ง ตอนแสงแดดดีๆ นะครับ แต่ถ้าเกิดไปเจอการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย ผมพบว่าตัว GoPro นั้นจะพยายามเน้นไปที่การใช้ชัตเตอร์เร็ว และอัด ISO ไปเยอะๆ เพื่อให้ภาพไม่เบลอ และสว่าง แต่ก็แลกมาด้วย Noise บานเอาเรื่อง แต่ DJI นั้น ภาพที่ได้จะคมชัดกว่า แต่จะมีความเบลอหากวัตถุในภาพมันเคลื่อนไหว ตรงนี้เป็นเพราะ DJI เขาเลือกที่จะใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่า และไม่อัด ISO ไปสูงมากไป … ผมลองถ่ายภาพนึงแบบออโต้ GoPro ใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/125 วินาที แต่อัด ISO ไป 3300 ส่วน DJI ใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/30 วินาที แล้วใช้ ISO แค่ 1600

ภาพที่ออกมา จะเห็นว่าของ DJI Osmo Action นั้น แสงและบรรยากาศนี่โอเคลยครับ แต่ว่ารถตุ๊กตุ๊กที่กำลังแล่นอยู่ตรงด้านซ้ายมือ มันออกอาการเบลอแบบเห็นได้ชัดเลย เพราะความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่า แต่ในส่วนของ GoPro Hero 7 Black นั้น จะเห็นว่าภาพมันสว่างกว่า (ก็แหงล่ะ อัด ISO ไปซะสูง) และวัตถุต่างๆ ในภาพดูเหมือนจะหยุดนิ่ง เพราะใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงกว่า แต่ถ้าซูมรูป จะเห็นครับว่า Noise เยอะ และภาพก็ดูสว่างฟุ้งๆ ด้วย
ในส่วนของวิดีโอ ด้วยความที่อุปกรณ์ทดสอบผมไม่ครบ ผมได้ไปลองใช้เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบ แต่ว่าไม่มีปัญญาตัดต่อวิดีโอเปรียบเทียบมาให้ดูกัน (ฮา) เอาเป็นว่า ดูคลิปจาก AuthenTech นี่ไปแล้วกัน เราจะได้เห็นการทดสอบเปรียบเทียบที่จริงจังแบบที่ผมลองเลย แต่ถ้าจะให้สรุปสิ่งที่ผมเจอ จากการทดสอบการถ่ายวิดีโอเทียบระหว่าง Osmo Action กับ Hero 7 Black ก็น่าจะเป็นดังนี้ครับ
- เรื่องกันสั่น Osmo Action ทำได้ดีกว่าในภาพรวม แต่ถ้าเราไม่ได้เน้นขยับเขยื้อนจนสั่นมากเกินไปนั้น ฟีเจอร์ RockSteady ของ Osmo Action กับ Hypersmooth ของ Hero 7 Black ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ต้องทำใจนิดนึงว่า Osmo Action จะ Crop ภาพออกไปเยอะกว่า Hero 7 Black นิดหน่อย
- ในพื้นที่สว่าง Hero 7 Black นี่ให้ภาพที่รายละเอียดดูดีกว่า สีสันดูสดกว่า พร้อมนำไปใช้ได้มากกว่า แต่ด้วยความที่ Osmo Action มีฟีเจอร์ D-Cinelike ที่ช่วยให้เอามาทำ Color grading ภายหลังได้ ก็น่าจะทำให้การเอาภาพวิดีโอมาตัดต่อ ทำได้ดีกว่าครับ (แต่เสียดาย ตรงนี้ยังไม่เห็นใครทำวิดีโอเปรียบเทียบนะ)
- เชื่อว่าหลายคนคงคาดหวังเอาไว้เยอะมาก กับ HDR Video บน Osmo Action ซึ่งมันก็ได้ภาพที่ออกมาเป็น HDR นั่นแหละ เพียงแต่ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็น HDR จริงหรือเปล่า เพราะมีการลองเอาภาพถ่ายปกติไปปรับดูแล้ว มันก็ได้ออกมาเหมือนกับตอนถ่ายด้วย HDR เลย อันนี้ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ไม่กล้าฟันธง (ไปดูคลิปที่มีคนทดสอบได้ในบล็อกที่ผมรีวิว Osmo Action) แต่ที่แน่ๆ ตอนที่เปิดโหมด HDR แล้ว ระบบกันสั่นจะไม่ทำงานนะครับ ดังนั้น การถ่ายแบบ HDR จึงเหมาะสำหรับการใช้งานแบบตั้งขาตั้งกล้องเอาไว้มากกว่า เช่น พวกถ่ายสัมภาษณ์ อะไรแบบนี้ ถ้าจะเอาไปออกแอ็คชัน ทำใจไว้เลยว่าภาพจะสั่น
- ภาพที่เห็นบนจอของ Osmo Action จะมีอาการหน่วงครับ หน่วงแบบเห็นได้ชัดด้วย ในขณะที่ Hero 7 Black นี่ไม่มีอาการนั้น ภาพที่ปรากฏบนจอไม่มีอาการหน่วงใดๆ เลย ตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่า DJI ยังต้องนำกลับไปปรับปรุงก่อนนะ
ทั้ง Osmo Action กับ Hero 7 Black ต่างก็จะต้องแยกวิดีโอออกเป็นไฟล์ๆ เมื่อถ่ายวิดีโอแล้วขนาดของไฟล์เกิน 4GB ครับ เวลาที่ดูผ่านแอป วิดีโอมันจะดูเหมือนต่อเนื่อง แต่ถ้าเกิดเอาไฟล์ออกมาแล้ว วิดีโอมันจะแยกออกเป็นไฟล์ๆ ครับ เป็นข้อจำกัดของระบบไฟล์ ทำใจๆ ถ้าใครอยากได้วิดีโอที่มีความต่อเนื่องจริงๆ ต้องไปหาโปรแกรมต่อวิดีโอเอาเองนะครับ
สิ่งนึงที่ GoPro Hero 7 Black ยังได้เปรียบเหนือ DJI Osmo Action ก็น่าจะเป็นพวกอุปกรณ์เสริมครับ แม้ว่าพวกไม้เซลฟี่ หรือ Tripod หรือตัวจับต่างๆ มันจะใช้ด้วยกันได้ซธเป็นส่วนใหญ่ เพราะตัวยึด Action camera มันคล้ายๆ กัน แต่อุปกรณ์เฉพาะ เช่น ไมโครโฟน อะไรพวกเนี้ย GoPro ได้เปรียบ เพราะว่าอยู่ในตลาดมานาน มีออกมาแล้วหลายรุ่น คนใช้เยอะ แต่หากอดใจรอได้ อีกซักพักก็คงจะเห็นของ DJI ออกมาบ้างล่ะ
แล้วถ้าให้ฟันธงว่าจะเลือกตัวไหนดี ผมจะเลือก…?!?
แหม่ ก็ผมซื้อ GoPro Hero 7 Black มาแล้ว ยังต้องให้ผมตอบอีกเหรอว่าผมจะเลือกอะไร (ฮา) แต่เอาเข้าจริงๆ นะครับ ผมว่ามันก็น่าจะคล้ายๆ กับ Canon vs Nikon vs Sony นั่นแหละ ผู้ใช้งานแต่ละคนก็จะมีความชอบแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันออกไป ถ้าถามผมว่าจะเลือกอะไรดี ผมคงต้องแนะนำว่าให้ดูความจำเป็น หรือ ความต้องการของเราเป็นหลักมากกว่า ว่าอยากได้ฟีเจอร์อะไร แล้วก็เลือกซื้ออันที่มีฟีเจอร์ที่เราต้องการนั่นแหละ เช่น ผมเน้นภาพสีสันสด และต้องการฝังพิกัด GPS ลงในรูปด้วย ผมก็เลือก GoPro Hero 7 Black ครับ แต่ถ้าใครต้องการถ่ายเซลฟี่บ่อยๆ เป็น Vlogger อะไรพวกนี้ DJI Osmo Action ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เป็นต้น