รีวิว Samsung Galaxy Watch Active 2 รุ่น Bluetooth สมาร์ทวอทช์ที่เชื่อมต่อชีวิตประจำวันของคุณ

หายหน้าหายตาไปนานทีเดียว กับการรีวิวแกดเจ็ตสาย Wearable ครับ เลยกลับมาประเดิมด้วย Samsung Galaxy Watch Active 2 รุ่น Bluetooth ซะเลย ซึ่งค่ายนี้ถือว่าเป็นผู้ที่ทำ Wearable มาค่อนข้างนานทีเดียว ผมยังจำ Galaxy Gear 1, Gear 2 และ Gear Fit ได้อยู่เลย (สามรุ่นนี้ ผมมีใช้ แต่ปัจจุบันผมส่งต่อให้คนอื่นไปดูแลแล้ว) เลยน่าสนใจว่าผ่านมาหลายปีแล้ว Samsung เขาพัฒนา Galaxy Watch ไปถึงขนาดไหนแล้ว มาดูกันดีกว่า

จริงๆ แอบเสียดายว่าการรีวิว Samsung Galaxy Watch Active 2 รุ่น Bluetooth นี้มันมาจังหวะไม่เหมาะเท่าไหร่ คือ มาช่วงการระบาดของโรคดโควิด-19 เลยไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยว แล้วถ่ายรูปสวยๆ มาประกอบบล็อกเลย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้การรีวิวด้อยลงไปหรอกนะครับ

ถ้าเราจะแบ่งตัวเลือกของ Samsung Galaxy Watch Active 2 แล้ว มันแบ่งได้เยอะมาก แต่หลักๆ จะเป็นแบบนี้ครับ มันจะมีรุ่น Bluetooth (แบบที่ผมได้มารีวิว) กับรุ่น eSIM (สามารถใช้ eSIM เพื่อโทรเข้าโทรออก และเชื่อมกับอินเทอร์เน็ตได้) ทั้งสองรุ่น รองรับ WiFi 802.11b/g/n และ NFC ด้วย และแต่ละรุ่น ก็มีสองขนาด คือ 44 มม. และ 40 มม. ตัวที่ผมได้มาลอง เป็นรุ่นขนาด 40 มม. ครับ ที่เหลือก็จะแยกไปตามสี และวัสดุตัวเรือนซึ่งแบ่งเป็นสแตนเลส กับอลูมิเนียม ราคาก็จะแตกต่างกันออกไป

แกะกล่องออกมา เราจะเห็นว่าทุกอย่างถูกบรรจุไว้ในแพ็กเกจภายในกล่องอีกที เราจะไม่ได้เห็นตัวผลิตภัณฑ์เลย ซึ่งแตกต่างจากแกดเจ็ตอื่นๆ ที่ปกติเปิดกล่องมาก็จะเจอตัวผลิตภัณฑ์เลย ซึ่งข้างในก็จะมีตัวเรือนของ Galaxy Watch Active 2 กับสายนาฬิกาขนาด 20 มม. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน ที่สามารถหาซื้อเปลี่ยนได้ไม่ยาก และมีแท่นชาร์จแบบไร้สาย ขนาดกะทัดรัดมาให้ด้วย

การเริ่มใช้งานไม่ยุ่งยาก สายก็ประกอบใส่เข้าไปกับตัวเรือนได้ง่าย ตัวสายเป็นหนังหุ้มเมมโมรีโฟม นุ่มทีเดียว แต่จากประสบการณ์ในการใช้งานของผมคือ สายประเภทนี้ ต้องหมั่นใส่บ่อยๆ นะครับ อย่าทิ้งไว้ เดี๋ยวมันเปื่อยยุ่ย (นี่พูดจริงๆ นะ) แต่สำหรับคนซื้อสมาร์ทวอทช์มา คงไม่น่าห่วงว่าจะซื้อมาเก็บไว้เฉยๆ ละมั้ง เนอะ

ตัวเรือนรุ่น Bluetooth ขนาด 40 มม. จะมีให้เลือกสามสี คือ สี Rose gold, สีดำ และ สีเงิน ซึ่งตัวที่ผมได้มาลองคือสีเงิน ดูแวววาวสวยทีเดียว แต่ผมละห่วงเรื่องรอยขนแมวจัง (ฮา) จริงๆ ถ้าให้ผมแนะนำ ผมแนะนำสีดำนะ น่าจะสวยกว่า แต่เรื่องสี มันแล้วแต่คนชอบละเนอะ หน้าปัดนาฬิกา มีส่วนของการแสดงผลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2 นิ้ว หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ Super AMOLED ให้สีสันสวยงามแน่นอน

ด้านหลังเห็นเขาว่ามีดีไซน์แบบ 3D Dome Glass มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ Photodiode 8 ตัว เพื่อความแม่นยำในการวัด และมีบารอมิเตอร์วัดความกดอากาศด้วย คงยัดอะไรไว้เยอะอยู่ ตัวเรือนเลยแอบหนานิดนึง

ตัวนาฬิกามีปุ่มสองปุ่ม อยู่ด้านขวาของตัวเรือน อันล่างคือปุ่มเปิดปิด และทำหน้าที่เป็นปุ่ม Home ไปในตัว ส่วนอันบนจะเป็นปุ่ม Back ฝั่งที่มีปุ่มก็จะมีรูไมโครโฟนอยู่ด้วย ส่วนอีกด้านเป็นลำโพง ภายในตัวเรือนมีมอเตอร์สำหรับสั่นอีกต่างหาก

การเชื่อมต่อกับตัว Samsung Galaxy Watch Active 2 นั้นทำได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนที่เป็นระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ครับ โดย Android จะต้องดาวน์โหลดแอป Galaxy Wearable และ Watch Active 2 Plugin มาติดตั้ง (และระหว่างการเชื่อมต่อ จะต้องลงบริการของ Samsung อีกอัน เพื่อจะได้สามารถโอนข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟนกับตัวนาฬิกาได้) ส่วน iOS นั้น ดาวน์โหลดแอป Galaxy Watch ตัวเดียวจบ

ความแตกต่างของการใช้งาน Samsung Galaxy Watch Active 2 กับสมาร์ทโฟน iOS กับ Android ในความเห็นส่วนตัวของผมก็เป็นแบบนี้ครับ

>> บน iOS เชื่อมต่อไม่ยุ่งยาก ติดตั้งแอปเดียวจบ แต่มันมีข้อจำกัดในฐานะระบบปฏิบัติการที่มีข้อจำกัดเยอะ แต่ฟังก์ชันพื้นที่เกือบทั้งหมดสามารถใช้ได้ตามปกติ (มันจะวุ่นๆ ตอนที่เราอยากจะเอาเพลงมาใส่ใน Galaxy Watch Active 2 เพราะส่งตรงจากสมาร์ทโฟนไม่ได้) แต่ความน่ารำคาญคือ เหมือน iOS มันจะพยายามตัดการเชื่อมต่อบลูทูธระหว่าง iPhone กับ Galaxy Watch Active 2

>> บน Android จะวุ่นๆ หน่อย เพราะต้องติดตั้งแอป ลงปลั๊กอิน ติดตั้งเซอร์วิสอีก และจะให้ดีควรใช้สมาร์ทโฟนของ Samsung จะชัวร์สุด เพราะผมพบว่าสมาร์ทโฟน Android บางตัว มีปัญหาในเรื่องการเชื่อมต่อ ทั้งกับตัว Galaxy Watch Active 2 เอง (ZTE Axon M ของผม เชื่อมต่อกับตัวนาฬิกาไม่ได้เลย) กับการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของ Samsung เอง (ซึ่งปัญหานี้ไม่เจอตอนที่ผมเชื่อมต่อกับ iPhone 8 Plus)

เนื่องจากผมใช้ iPhone 8 Plus เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเน็ตเป็นหลัก พวกอีเมล โซเชียลมีเดียทั้งหลายของผมอยู่บนนี้ การรีวิวของผมจึงขอทำในฐานะผู้ใช้ iPhone ก็แล้วกันนะ ซึ่งในแง่ของประสบการณ์ในการใช้งานในภาพรวมผมถือว่าโอเค

อย่างแรกเลย ตัวนาฬิกา Samsung Galaxy Watch Active 2 สวยมากครับ และด้วยความที่อยู่ในวงการ Wearable มานาน มีผู้ใช้งานมากพอสมควร ก็เลยมีคนทำพวก Watchface หรือหน้าปัดนาฬิกามาให้เลือกเยอะ รวมถึง LINE Friends ด้วย ขอบอกว่าหน้าปัดหมีบราวน์น่ารักสดใสมาก (ความชอบส่วนตัว) เลือกหน้าปัดนาฬิกาที่ชอบได้เลย ซึ่งมันก็จะมีทั้งแบบเรียบง่าย สำหรับคนไม่ได้อยากเห็นข้อมูลอะไรมากนัก ไปจนถึงข้อมูลเพียบ ตัวเลขเยอะไปหมด

ในการใช้งานนั้นไม่ยาก เราสามารถใช้หน้าจอสัมผัสร่วมกับปุ่มบนตัวเรือนได้ และแม้ว่า Samsung จะตัดการหมุนหน้าปัดเพื่อเลื่อน Cursor ออกไปแล้ว แต่จริงๆ แล้ว เรายังสามารถสัมผัสตรงขอบหน้าจอตัวเรือนเพื่อเลื่อน Cursor ได้อยู่ แต่ถ้าให้วิจารณ์แล้ว ผมว่าตัว User Interface ของ Samsung Galaxy Watch Active 2 นี่ยังงงๆ อยู่บ้าง ส่วนนึงเพราะพื้นที่การแสดงผลมันจำกัด ทำให้เราต้องจำให้ได้ว่าไอคอนต่างๆ มันหมายถึงฟังก์ชันหรือแอปอะไรบ้าง

อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy Watch Active 2 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีหากเราต้องการสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ได้ทั้งกับ Android และ iOS มีความสามารถในการปรับแต่งสูง สามารถเพิ่ม Widgets เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันหรือแอปต่างๆ ได้ง่ายๆ และเลือกดาวน์โหลดมาเสริมได้อีก รองรับการแสดงผลภาษาไทย และมี Ecosystem ที่ค่อนข้างดีประมาณนึง เพราะอยู่มานาน

สเปกฮาร์ดแวร์ของ Samsung Galaxy Watch Active 2 คือ หน่วยประมวลผล 1.15GHz หน่วยความจำ 750MB ที่เหลือใช้จริงราวๆ 200-300MB และเนื้อที่เก็บข้อมูล 4GB สำหรับใช้ติดตั้งแอป หน้าปัดนาฬิกา เพลง และรูปต่างๆ โดยใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ที่เป็นของ Samsung เอง มีหน้าจอสัมผัส การใช้งานเท่าที่ผมลองดู ลื่นไหลดี ไม่มีปัญหา

ในแง่ของการใช้งานในฐานะ Activity tracker และ Health tracker ถ้าอยากจะจริงจังแนะนำว่าซื้อเป็นรุ่นสปอร์ต หรือเปลี่ยนสายจากสายหนังมาเป็นสายซิลิโคนจะดีกว่า เพราะมันจะทนเหงื่อได้มากกว่า แต่ในส่วนของตัวเรือนเอง มันกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 และสามารถใส่ดำน้ำลึกได้ถึง 50 เมตรเลยทีเดียว และมันมี Water mode ที่จะตัดการทำงานของหน้าจอสัมผัส เพื่อไว้ใช้ตอนใส่ลงน้ำ มันจะได้ไม่กดหน้าจอมั่วซั่วไปหมด และเราสามารถกดปิดโหมดนี้ได้ด้วยการกดปุ่ม Home ค้างไว้

ตัวเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ สามารถเลือกได้หลายโหมด ได้แก่ วัดแบบ Manual คือ อยากวัดก็กด, วัดแบบเป็นระยะๆ ทุกๆ ช่วงเวลาที่กำหนด ตอนที่เราอยู่นิ่งๆ ซึ่งจะค่อนข้างได้ผลที่แม่นยำ และแบบสุดท้ายคือ วัดต่อเนื่อง ซึ่งจะเปลืองแบตเตอรี่ที่สุด

ในการเก็บข้อมูล Samsung มีแอป Samsung Health ให้ใช้เป็นศูนย์กลางในการเก็บข้อมูล ซึ่งสามารถขอการเข้าถึงแอปอย่าง Google Fit หรือ Health ของ Apple ได้แบบไม่มีปัญหา สามารถเก็บข้อมูลจำนวนก้าว ระยะเดิน หรือแม้แต่การเดินขึ้นลงบันไดก็ได้ เอามาเก็บข้อมูลเวลานอนหลับก็ได้ (แต่ตัวเรือนแอบใหญ่ไปหน่อย หากจะใส่นอนนะ ผมว่า)

สำหรับการออกกำลังกาย Samsung Galaxy Watch Active 2 มีเซ็นเซอร์อย่าง การวัดอัตราการเต้นหัวใจ และ Gyro ที่ช่วยให้สามารถจับการเคลื่อนไหวแบบต่างๆ ได้ดี ฉะนั้นแม้จะต้องเล่นเวท ก็สามารถตรวจจับได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นยกน้ำหนักแบบ Arm curl หรือ Bench press หรือท่าอื่นๆ และสำหรับสายวิ่ง มันมีแอป Strava รองรับแล้ว (ส่วน Nike+ คงต้องไป Apple Watch)

น้ำหนักของตัวเรือนแค่ 37 กรัม ค่อนข้างเบา ใช้ใส่ในยามปกติหรือออกกำลังกาย ไม่รู้สึกว่าหนักอะไร มีแบตเตอรี่ 247mAh แต่ยอมรับว่าค่อนข้างอึด คือ สามารถใช้งานอยู่รอดได้ข้ามวันสบายๆ เท่าที่ลองใช้คือ อาจจะทู่ซี้ใช้ได้เกือบวันครึ่ง และหากจะใช้ยาวๆ จริงๆ โดยตัดฟังก์ชันสมาร์ทวอทช์ออกหมด ก็จะอยู่ได้นานกว่านั้นอีก แต่ผมแนะนำว่าให้ชาร์จทุกคืนน่าจะดีกว่า

การออกแบบให้ชาร์จแบบไร้สาย แค่วางเอาไว้ เดี๋ยวมันเข้าที่เอง เพราะมันมีแม่เหล็กไว้ช่วยดูดให้เข้าที่ด้วย แต่ว่าเท่าที่ลองดูเหมือนจะไม่ใช่มาตรฐาน Qi เพราะผมลองเอาไปชาร์จด้วย Qi wireless charger อื่นๆ แล้ว มันชาร์จไม่เข้านะ … การชาร์จดูจะใช้เวลานานอยู่ครับ

บทสรุปการรีวิว Samsung Galaxy Watch Active 2

เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ฟีเจอร์ค่อนข้างครบเครื่อง แต่ถ้าจะให้ติเพื่อก่อแก่ Samsung ละก็ อยากให้ปรับปรุง User Interface ให้เข้าใจง่ายกว่านี้อีกหน่อย และพัฒนาตัว Galaxy Store ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากกว่านี้ และมีเสถียรภาพดีกว่านี้ การเซ็ตอัพบน Android smartphone ง่ายกว่านี้หน่อย (คือ สงสัยจริงๆ ว่าทำไมต้องลงเป็นปลั๊กอิน เพื่อให้มันรองรับสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ๆ ด้วย)

ราคาค่าตัวแอบแรงนิดนึง คือ 11,900 บาท สำหรับรุ่น Bluetooth สแตนเลส ขนาด 40 มม. แต่ ณ ตอนที่เขียนบล็อกนี้อยู่ รุ่น eSIM สแตนเลส ขนาด 40 มม. ราคาเหลือ 8,990-9,790 บาท (แล้วแต่สี) ซะงั้น ฉะนั้น ผมแนะนำให้ไปซื้อรุ่น eSIM ก่อนนะครับ (ฮา) อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะปรับราคาอ่ะ ถ้ายังไง ผมแปะลิงก์ให้ทั้งสองรุ่นแล้วกัน