11.11 ที่ผ่านมา แกดเจ็ตนึงที่อดใจซื้อไม่ได้คือนี่เลยครับ ไมโครโฟนไร้สาย ความถี่ 2.4GHz ของ BOYA รุ่น BOYALINK สนนราคาเต็มจริงๆ คือประมาณ 3,700 บาท แต่พอกดโค้ดส่วนลดนั่นนี่ ผมได้มาในราคาประมาณ 2,500 บาทนิดๆ จุดเด่นของเจ้านี่คือ ตัวเดียวจบ สำหรับคนที่ต้องการไมค์ไร้สายไว้บันทึกเสียงครับ มันคือเซ็ตไมโครโฟนไร้สายในกล่อง ประกอบด้วยตัว Receiver 1 ตัว และไมค์ไร้สาย 2 อันที่มีขอเฟอร์สำหรับกันลมมาให้ด้วย และที่เจ๋งสุดคือมันมีหัวให้เปลี่ยน 3 แบบ คือ USB-C Lightning และ 3.5 มม. (TRS) ทำให้สามารถเชื่อมต่อใช้งานกับอุปกรณ์ได้แทบจะทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน Android หรือ iPhone รุ่นเก่าและใหม่ กับกล้องดิจิทัลต่างๆ
ออกตัวล้อฟรี…
ไมโครโฟน BOYALINK ตัวนี้ ซื้อมากะว่าจะเอาไว้ใช้เอง เพื่อใช้ทำงาน หรือกะว่าอีกหน่อยจะทำพวกคลิปรีวิว ก็จะได้มีไมโครโฟนไร้สายไว้อัดเสียงด้วย แล้วก็ถือโอกาสมารีวิวให้ได้อ่านกันครับ
ไมโครโฟน BOYA นี่ถือว่าเป็นแบรนด์ไมโครโฟนที่ผมชอบตัวนึงเลย คือ มันราคาไม่แพงมาก และมีฟีเจอร์ที่เรียกว่าคุ้มค่า เอามาใช้ทำงานแบบไม่ซีเรียสมากได้สบายๆ โดยที่ยังได้คุณภาพดีไม่เลวเลยครับ ตัว BOYALINK เนี่ย กล่องดูดีทีเดียวนะครับ ภายในกล่อง สิ่งที่เราจะได้ก็จะมีชุดไมโครโฟนไร้สายที่อยู่ในกล่องอย่างเป็นระเบียบ คู่มือการใช้งานภาษาอังกฤษและภาษีจีน บัตรรับประกัน สายชาร์จ USB-A to USB-C เส้นสั้นๆ ถุงผ้าสำหรับใช้ใส่กล่องไมโครโฟนไว้พกพา และซองกันชื้น

กล่องไมโครโฟนไรสาย BOYALINK ดีไซน์มาดูดีมาก วัสดุทำจากพลาสติก มีฝาปิดแบบใส ด้านใต้มีการติดแผ่นยางกันลื่นทั้ง 4 มุมซึ่งทำให้ตัวกล่องยกขึ้นสูงเล็กน้อยให้เอาไว้วางบนพื้นผิวใดๆ ก็สะดวก ด้านขวาของตัวกล่องมีพอร์ต USB-C เอาไว้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ และด้านหน้ามีปุ่มปลดล็อกฝาปิดของตัวกล่อง และมีไฟ LED 4 ดวงไว้แสดงสถานะของการชาร์จแบตเตอรี่

เปิดฝากล่องออกมา อุปกรณ์ต่างๆ จะถูกเก็บไว้ในสล็อตของมันเองอย่างเป็นระเบียบ ประกอบไปด้วยไมโครโฟน 2 ตัว (หรือเรียกว่า Tx) ขนเฟอร์กันลม ตัวรับสัญญาณ (Receiver หรือ Rx) อีก 1 ตัว และหัว Connector สำหรับเปลี่ยนอีก 2 แบบ (จริงๆ มี 3 แต่ตัวนึงจะถูกติดตั้งกับตัวรับสัญญาณแล้ว) อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ จะถูกดูดติดกับตัวกล่องด้วยแรงแม่เหล็ก ที่แรงดีพอที่จะดูดให้ติดสนิท ไม่ได้หลุดออกมาได้ง่าย แต่ก็ยังสามารถหยิบออกมาใช้งานได้สะดวก นอกจากนี้ตัวกล่องจะทำหน้าที่เป็นแท่นชาร์จอุปกรณ์ทุกตัวไปในตัวนะครับ มีแบตเตอรี่ขนาด 1,000mAh ในตัวอีกด้วย

มาดูอุปกรณ์แต่ละชิ้นกันครับ ตัวไมโครโฟนจะเป็นดีไซน์แบบคลิปไว้หนีบกับเสื้อได้สะดวก มีขนาดค่อนข้างกะทัดรัด ตัวไมโครโฟนจะเป็นแบบ Built-in เลย ไม่สามารถต่อไมโครโฟนเสริมได้ เวลาใช้งานก็เอาชุดขนเฟอร์กันลมมาติดเพิ่มเป็นหัวไมโครโฟน อีกด้านนึงมีพอร์ต USB-C เผื่อจำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่โดยไม่ต้องผ่านกล่องเก็บ ตัวไมโครโฟนมีแบตเตอรี่ 95mAh มาให้ในตัว และมีไฟ LED แสดงสถานะของการชาร์จแบตเตอรี่ และการเชื่อมต่อด้วย น้ำหนักของไมโครโฟนอยู่ที่ 12 กรัม เบามาก เอาไปติดเสื้อคือแทบไม่รู้สึก และไม่ถ่วงน้ำหนักจนเสื้อย่นอะ ดีงาม

บนตัวไมโครโฟนมีปุ่ม 2 ปุ่ม คือ NR (มีแยกเป็น + และ -) เอาไว้สำหรับเปิดฟีเจอร์ Noise reduction เวลาจะเปิดใช้งานก็กดปุ่ม NR + และ – พร้อมๆ กันเพื่อเปิดใช้งานโหมดลดเสียงรบกวนเวลาที่เราจะบันทึกเสียงในสถานที่ที่ค่อนข้างมีเสียงรบกวนเยอะ ถ้าเราไม่เปิด Noise reduction ปุ่ม +/- นี่ก็เอาไว้เพิ่มหรือลดระดับเสียงของไมโครโฟนครับ กดจนสุดไม่ว่าจะดังหรือเบา เราจะเห็นไฟ LED กระพริบ เพื่อบอกว่าสุดแล้วจ้า นอกจากนี้ก็จะมีปุ่ม Mute เอาไว้ปิดไมโครโฟนชั่วคราว และมันก็ทำหน้าที่เป็นปุ่ม Power ในตัว กดค้างเพื่อเปิดหรือปิดได้

ส่วนตัวรับสัญญาณจะมีขนาดพอๆ กับตัวไมโครโฟน แต่ว่ามันจะมีตัว Connector โผล่ออกมาในลักษณะตั้งฉากกับตัวรับสัญญาณ มันจะถอดออกได้ก็ต้องเลื่อนสลักพลาสติกสีฟ้าๆ ก่อน แล้วก็จะสามารถแกะ Connector ออกเพื่อเปลี่ยนได้ โดยมี Connector ให้เลือกใช้ 3 แบบ คือ
1️⃣ แบบ 3.5 มม. เอาไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์หรือพวกกล้องดิจิทัลที่มีช่องเสียบไมโครโฟน 3.5 มม. แบบ TRS
2️⃣ แบบ Lightning เป็น MFi (Made for iPhone) เอาไว้เสียบกับพวก iPhone หรือ iPad รุ่นเก่าที่ยังใช้พอร์ตแบบนี้อยู่
3️⃣ แบบ USB-C เอาไว้ใช้กับพวกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบนี้แล้ว
นั่นจึงทำให้ไมโครโฟนไร้สาย BOYALINK นี่เจ๋งมาก เป็นตัวจบสำหรับหลายๆ คนที่มีอุปกรณ์หลากหลายเลย (เช่น ผมมีทั้ง Samsung Galaxy Z Fold 5 และ iPhone 14 Pro) แม้กระทั่งกล้องดิจิทัล DSLR ที่ต่อไมโครโฟนผ่านช่องเสียบ 3.5 มม. อะไรแบบนี้
แน่นอนว่าตัวรับสัญญาณเองก็มีพอร์ต USB-C ที่ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ และมีปุ่มอีกสองปุ่ม คือ M/S เป็นสวิตช์เลื่อนเอาไว้ปรับโหมดการบันทึกเสียงว่าจะเป็นแบบ Mono หรือ Stereo กับปุ่ม Power เอาไว้เปิดปิดตัวรับสัญญาณ

การใช้งานไม่ยุ่งยากเลยครับ แค่หยิบออกมาจากกล่อง ทั้งไมโครโฟนและตัวรับสัญญาณก็จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติและทำการจับคู่เลย สะดวกมากๆ แต่ถ้าเกิดระหว่างที่เอาออกมาใช้งาน มีจังหวะที่จะไม่ได้ใช้ ก็สามารถกดปิดก่อนได้ แล้วเมื่อจะใช้ก็ค่อยเปิดใหม่ มันก็จะจับคู่ให้เองเช่นเคย จะใช้งานกับอุปกรณ์อะไร ก็เลือก Connector ให้เหมาะสมกับงานก็เท่านั้นเอง ขนเฟอร์กันลม จะติดหรือไม่ติดก็ได้ครับ
การที่อุปกรณ์ทุกชิ้นถูกออกแบบให้เก็บไว้ในกล่องเลย ทำให้การพกพาสะดวกมาก น้ำหนักของทุกอย่างรวมกัน แค่ 145 กรัมเท่านั้น หนักพอๆ กับสมาร์ทโฟนเครื่องนึงเอง มีถุงผ้ามาไว้ให้ใส่กันรอยเก๋ๆ (เพราะฝากล่องมันเป็นพลาสติกใส โอกาสที่จะเกิดเป็นรอยมันง่าย)
เอามาลองใช้งานดูครับ ถือโอกาสทำ TikTok รีวิวไมโครโฟนตัวนี้ไปด้วยเลย แบบไวๆ 60 วินาที อัดเสียงด้วยไมโครโฟนไร้สาย BOYALINK นี่แหละ ต่อผ่าน USB-C กับ Samsung Galaxy Z Fold 5 ตอนที่อัดนี่คือ ในระยะ 3 เมตร ภรรยาก็เปิดทีวีดูซีรีส์อยู่ด้วย โดยที่ผมก็ไม่ได้เปิดใช้งาน Noise reduction เลย ก็เรียกว่า คุณภาพดีเพียงพอสำหรับการใช้งานจริงๆ นะเออ ตามสเปกแล้ว ตัวไมโครโฟนจะสามารถใช้งานได้ราวๆ 10 ชั่วโมง และตัวรับสัญญาณก็ใช้งานได้ราวๆ 6 ชั่วโมง ก็ต้องบอกว่า น่าจะเหลือเฟือสำหรับการใช้งานโดยทั่วไปครับ เพราะเอาจริงๆ ไม่น่าจะได้ใช้ต่อเนื่องยาวหลายชั่วโมงขนาดนั้นอะ น่าจะต้องได้เอากลับมาใส่เข้ากล่องเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ก่อนแน่นอน ตัวกล้องมีแบตเตอรี่ในตัว 1,000mAh เมื่อพิจารณาความจุของทั้งไมโครโฟนและตัวรับสัญญาณที่รวมๆ กันประมาณ 300mAh แล้ว ก็พอจะใช้ชาร์จให้เต็มได้ร่วมๆ 2-3 หนเลยทีเดียว
บทสรุปการรีวิวไมโครโฟนไร้สาย BOYA รุ่น BOYALINK
แน่นอนว่าคุณภาพและฟีเจอร์ของ BOYALINK อาจจะไม่เทียบเท่ากับไมโครโฟนแบรนด์ดังๆ อย่าง Røde หรือ Saramonic แต่ถ้าเราต้องการโซลูชันที่งบประมาณไม่สูง แต่พร้อมใช้งานกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย ผมว่า BOYALINK นี่ก็เรียกว่าเป็นตัวจบเกมที่ดีมากทีเดียวนะครับสำหรับมือสมัครเล่นแบบผมเนี่ย
ผมอาจจะไม่ได้ทดสอบด้วยการไปใช้งานนอกสถานที่ซักเท่าไหร่ เพราะขี้เกียจ 🤣🤣 แต่ถ้ามีโอกาสได้เอาไปใช้ ไว้ค่อยหาโอกาสมารีวิวอีกรอบ แต่จากที่ผมดูการรีวิวนี่คือ เสียงค่อนข้างโอเคเลยนะ และระยะรับสัญญาณคือ 20 เมตรสบายๆ ครับ ผมว่าเกินพอสำหรับผมใช้งานแหละ แต่สำหรับท่านอื่นๆ นี่ผมไม่แน่ใจนะ 🤣🤣 ใครสนใจก็กดลิงก์ซื้อด้านล่างได้ครับ ราคาปกติมันคือ 3,999 บาท แต่ว่าถ้ารอจังหวะโปรโมชันของแอปฟ้าแอปส้มเนี่ย เผลอๆ หาได้ไม่ถึงสามพันครับ อย่างผมเนี่ย ตอน 11.11 จัดมาแค่ 2,5xx เอง