Home>>รีวิว>>รีวิว Samsung Galaxy Z Fold 5 หลังใช้ได้ 5 วัน จากใจคนใช้ Samsung Galaxy Z Fold 2 มาก่อน
สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 เมื่อกางหน้าจอออกแล้วเห็นหน้าจอใหญ่ด้านใน
รีวิว

รีวิว Samsung Galaxy Z Fold 5 หลังใช้ได้ 5 วัน จากใจคนใช้ Samsung Galaxy Z Fold 2 มาก่อน

สำหรับคนที่ซื้อ Samsung Galaxy Z Fold 5 กับร้านค้าต่างๆ ก็จะได้เริ่มรับมอบเครื่องตั้งแต่วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ และผมก็เชื่อว่าหลายๆ คนคงได้อ่านหรือชมรีวิวเจ้าสมาร์ทโฟนจอพับ เรือธง ราคาเกินครึ่งแสนตัวนี้ไปแล้ว แต่รีวิวของผม จะมาในอารมณ์ของซื้อเองใช้เอง ไม่ต้องเน้น Keyword หรือ Key message ของแบรนด์ (เผลอๆ เอามาแซะได้ด้วย) และขอบอกเล่าความรู้สึกจากใจคนใช้ Samsung Galaxy Z Fold 2 กระโดดมา Z Fold 5 ด้วยครับ

ออกตัวล้อฟรีก่อน…

Samsung Galaxy Z Fold 5 เครื่องนี้ ซื้อมาใช้เองครับ แต่ว่าไม่ได้ซื้อมาราคาเต็มนะ ผมก็ไปหาช่องทางซื้อในราคาที่ถูกกว่าราคาหน้าร้านแหละ เพราะแบรนด์นี้มีกิตติศัพท์ในเรื่องรุ่นเด่นราคาดิ่งจริงๆ เดี๋ยวเรื่องการซื้อราคาถูกกว่าราคาหน้าร้านนี่จะค่อยพูดถึงกันตอนท้ายนะ

แกะกล่อง Samsung Galaxy Z Fold 5

ในฐานะคนที่ใช้ Samsung Galaxy Z Fold 2 แล้วกระโดดมาที่ Z Fold 5 จะไม่พูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่ได้เห็นตั้งแต่ตอนแกะกล่องคงไม่ได้ครับ ย้อนกลับไป 3-4 ปีก่อน สมาร์ทโฟนจอพับนี่คือ พรีเมียมของเรือธงที่แท้ทรูครับ มันต้องทำให้กล่องออกมาดูดี หรูหราหมาเห่ามากครับ ของ Z Fold 2 นี่คือ ทำเป็นกล่องสองชั้น มีการฉลุตัวกล่องด้านนอกเป็นรูปตัว Z เพื่อให้เห็นลวดลายของกล่องด้านใน แกะกล่องด้านในออกมา การเปิดกล่องจะเป็นการ กาง ออก เพื่อให้ได้ประสบการณ์ของการใช้สมาร์ทโฟนแบบ Fold ที่สามารถ กาง หน้าจอให้ใหญ่ขึ้นได้

แต่พอมาเป็น Samsung Galaxy Z Fold 5 (และเอาจริงๆ ผมว่า Z Fold รุ่นก่อนๆ ด้วยแหละ ผมแค่ไม่ได้ซื้อ และไม่ได้มีใครส่งมาให้รีวิว 🤣🤣) ที่กล่องมันบางลงตามสมัยนิยม เรียกว่าหนาเหลือไม่ถึงครึ่งครับ และไม่ทำแล้วกล่องสองชั้น มีชั้นเดียวนี่แหละ อยากให้ดูสวยหรูหน่อย ก็จะมีภาพพิมพ์รูปตัวสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 แบบสีตรงกับของที่อยู่ข้างใน … ใช่ครับ ผมเลือกสี Icy blue ที่ผมก็รู้สึกว่าหลายๆ คนก็เลือกสีนี้นะ

(ซ้าย) กล่อง Samsung Galaxy Z Fold 2 ที่มีลักษณะเป็นกล่องซ้อนกล่อง มีการฉลุกล่องด้านนอกเป็นตัวอักษร Z เอาไว้ทำให้เห็นลวดลวยด้านในที่เป็นสีชมพู (ขวา) กล่องของ Samsung Galaxy Z Fold 5 มีรูปของตัวสมาร์ทโฟนที่กางหน้าจอแล้วอยู่ ตัวกล่องค่อนข้างบางเมื่อเทียบกับกล่องของ Samsung Galaxy Z Fold 2 ทั้งคู่เป็นกล่องสีดำ

ในขณะที่ Samsung Galaxy Z Fold 2 มันยังอยู่ในยุค ทำให้ดูพรีเมียม ดูแพง ด้านในกล่องเลยมีทั้งกระดาษที่เขียนข้อความทักทาย มีสายชาร์จแบบ USB-C to USB-C มาให้เส้นบะเริ่ม พร้อมอะแดปเตอร์ Super Fast Charge 27 วัตต์ หูฟังแบบ USB-C ของ AKG พร้อมจุกยางหลายขนาด

กล่อง Samsung Galaxy Z Fold 5 และของที่อยู่ด้านใน ได้แก่คู่มือ เข็มจิ้มซิม และสายชาร์จ

พอมาถึงยุค รักษ์โลก ของแถมมันก็น้อยลง เพราะ Apple ผู้บุกเบิกเทรนด์เริ่มก่อนเลย ตั้งกะสมัย iPhone 12 แบรนด์อื่นๆ ก็เลยเอาอย่างบ้าง เหตุผลคือ ก็มันเป็นของที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เขามีอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้ผมเถียงไม่ออก 🤣🤣 เพราะทั้งหูฟัง สายชาร์จ และอะแดปเตอร์ของ Samsung Galaxy Z Fold 2 มันก็ยังอยู่ในกล่อง ในสภาพไม่เคยถูกใช้งานครับ และด้วยเหตุนี้ Samsung Galaxy Z Fold 5 ก็เลยมีแค่สายชาร์จ USB-C to USB-C มาให้เส้นเดียว ซึ่งยาวประมาณ 1 เมตรครับ แน่นอน ผมคาดว่าผมจะไม่ได้ใช้แหละ เพราะโดยส่วนตัว สายพวกนี้มีเยอะแล้ว 🤣🤣

แต่การที่กล่องมีขนาดเล็กลง บางลง มันก็มีข้อดีของมันนะ คือ ไม่เปลืองที่เก็บครับ หลังๆ พวกแบรนด์ต่างๆ เขามีโปรแกรมเทรดเครื่อง ซื้อเครื่องใหม่ เอาเครื่องเก่าไปแลก ได้ส่วนลดเพิ่ม ถ้าเครื่องสภาพดี มีกล่องครบ อุปกรณ์ครบ มันก็ได้ราคาดีกว่าปกติอีกประมาณนึง ภรรยาผมซื้อ OPPO Find N2 Flip เอา OPPO Reno 5Z ไปเทรด เขาประเมินให้ตั้ง 7,000 บาท (รวมกล่อง) ดีงามจะตาย

วิจารณ์การออกแบบตัวเครื่อง Samsung Galaxy Z Fold 5

มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้างครับ Samsung Galaxy Z Fold 5 ยังคงเป็นดีไซน์แบบที่มี 2 จอ คือ เมื่อพับตัวเครื่องไว้ ก็จะเห็นจอเล็กด้านนอกเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปและเมื่อกางตัวเครื่องออกมา เราก็จะเห็นจอใหญ่ด้านใน แม้ว่าคู่แข่งอย่าง HUAWEI Xiaomi หรือ OPPO เขาจะทำดีไซน์ให้หน้าจอด้านนอกออกแนว อ้วนป้อมหน่อย อัตราส่วนการแสดงผลแถวๆ 18:9 ที่นิยมใช้กันในสมาร์ทโฟนปกติ แต่ Samsung ยังคงเน้นดีไซน์เป็นผอมสูงอยู่ ขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้ว แต่ก็ปรับลดลงมาเป็น 23.1:9 (จากเดิมตอน Galaxy Z Fold 2 คือ 25:9) ทำให้หน้าจอมันดูกว้างขึ้นอีกนิดนึง กระจกด้านหน้าเป็น Gorilla Glass Victus ที่ค่อนข้างทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีทีเดียว ด้านบนมีกล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบเจาะรูบนหน้าจอ ความละเอียดเซ็นเซอร์ 10 ล้านพิกเซล

แต่ความพีคคือ ผมเพิ่งสังเกตหลังใช้งานเครื่องไป 4 วัน ว่างวดนี้ Samsung เขาไม่ติดฟิล์มกันรอยด้านหน้ามาให้แล้ว (ตอน Galaxy Z Fold 2 จะมีฟิล์มกันรอยด้านหน้าติดมาให้เลย) ลองเช็กกับเพื่อนๆ ดู เหมือนว่า Samsung เขาจะเลิกติดมาให้ตั้งกะรุ่น 3 แล้วมั้ง (มีคนบอกว่าติดมาให้ แต่ก็มีคนบอกว่าไม่ได้ติดมาให้แล้ว) แต่ที่แน่ๆ Galaxy Z Fold 4 มันไม่ติดมาให้แล้วแน่นอน

ด้านหลังของ Samsung Galaxy Z Fold 5 ก็จะเป็นแผ่นกระจก แล้วก็จะมีสีตามที่เราเลือกซื้อมาครับ ของผม Icy blue ที่ภรรยาผมถามว่า มันฟ้าตรงไหน มันดูเทาๆ มากกว่า 🤣🤣🤣 แต่ผมมองเป็นสีฟ้าตุ่นๆ นะ ในรูปจะตุ่นกว่าความเป็นจริงครับ ของจริงจะสีดูสว่างกว่านี้ แต่ผมก็ยังมองว่า เวลาพูดถึง Icy blue นี่ผมจะนึกถึง ฟ้าใสๆ สว่างๆ กว่านี้อยู่ดี

โมดูลกล้องของ Samsung Galaxy Z Fold 5 ยังคงเป็นกล้องแบบ 3 เซ็นเซอร์อยู่ และจากที่ผมเช็กกับสเปก และดูรีวิวของหลายสื่อแล้ว Samsung ยังกั๊กสเปกกล้องอยู่เช่นเคยครับ คือให้กล้องหลักมาเป็น 50 ล้านพิกเซล ตามด้วยกล้องซูม 3x แบบ Optical ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล และปิดท้ายด้วยเลนส์ Ultrawide 123 องศา 12 ล้านพิกเซล ถ้าใครใช้ Z Fold 4 อยู่ คุณจะไม่เห็นความแตกต่างเลย แต่ถ้าใช้ Z Fold 2 แบบผม หรือ Z Fold 3 ก็จะเห็นพัฒนาการขึ้นมาครับ (แต่เซ็นเซอร์ของตัวเลนส์ที่เป็น Optical zoom มีความละเอียดลดลงเหลือ 10 ล้านพิกเซล จาก 12 ล้านพิกเซลนะ) มองโลกในแง่ดีคือ ในยุคที่สมาร์ทโฟนแข่งกันกล้องเจ๋งๆ ความละเอียดสูงๆ โมดูลกล้องใหญ่บะเริ่ม แต่ Samsung Galaxy Z Fold 5 นี่ยังถือว่ามีโมดูลกล้องขนาดไม่ใหญ่มากไป

ด้านบนของตัวสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 เราจะเห็นตัวลำโพงสเตริโอของตัวเครื่องข้างนึง พร้อมรูไมโครโฟนอีก 3 ตัว อันนี้เอาไว้บันทึกเสียงทั้งตอนใช้แอปบันทึกเสียง ถ่ายวิดีโอ ประชุมออนไลน์ ส่วนด้านล่างเนี่ยก็จะมีลำโพงสเตริโอของตัวเครื่องอีกข้าง และมีรูไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนาโทรศัพท์เป็นหลัก และน่าจะใช้ตอนช่วยบันทึกเสียงผ่านแอป ถ่ายวิดีโอ หรือประชุมออนไลน์ด้วยแหละ และมีพอร์ต USB-C เอาไว้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์อีกพอร์ตนึง

ด้านข้างของตัวสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 เมื่อตอนพับอยู่ เราจะเห็นว่ามีถาดใส่ซิม ที่ใส่ Nano SIM ได้ 2 อัน มีปุ่ม Power ที่ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว และปุ่ม Volume ส่วนอีกด้านก็เป็นบานพับของตัวสมาร์ทโฟน ซึ่งมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเยอะมาก ด้วยการออกแบบใหม่ที่ตั้งใจให้สมาร์ทโฟนพับปิดสนิท

มือข้างขวากำลังถือสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 ส่องกับท้องฟ้าเพื่อดูว่าหน้าจอประกับกันสนิทดีหรือไม่

แต่ถ้าว่าปิดสนิทจริงไหม? ก็ไม่นะครับ ถ้าเราลองเอามาส่องกับแสงดูเราจะเห็นว่าแสงยังลอดผ่านได้ครับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตำหนิ เพราะผมลองไปเทียบกับ OPPO Find N2 Flip ดู มันก็ปิดไม่ได้สนิทเช่นกัน ส่องกับแสงก็ยังเห็นแสงลอดได้อยู่ ตัวที่ปิดสนิทจริงๆ น่าจะเป็น HUAWEI P50 Pocket ครับ (ไม่แน่ใจว่า HUAWEI Mate X2 หรือ X3 นี่พับปิดสนิทไหม เพราะไม่เคยได้มาลอง)

แต่การที่พับได้สนิทขึ้นแบบนี้ก็ทำให้มันดูดีขึ้นจริงๆ นะ จับแล้วไม่รู้สึกเหมือนสมาร์ทโฟนมันบวมๆ ป่องๆ ในมือเหมือนตอนใช้ Z Fold 2

น้ำหนักตามสเปก 253 กรัม แต่ผมติดฟิล์มกันรอยด้านหน้าแล้ว ใส่ Nano SIM ไปแล้ว 1 อัน (อีกอันผมใช้เป็น eSIM) น้ำหนักเพิ่มมานิดหน่อยเป็น 256 กรัม แต่พอใส่เคสเข้าไปอีก กลายเป็น 276 กรัมเลย ถามว่ารู้สึกหนักไหม? สำหรับคนใช้ Z Fold 2 มา 3 ปีก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วละครับ ชิน 🤣

สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 เมื่อกางหน้าจอออกแล้วเห็นหน้าจอใหญ่ด้านใน

มาดู Samsung Galaxy Z Fold 5 เมื่อกางหน้าจอออกมาบ้าง สิ่งที่เราจะได้คือ หน้าจอแสดงผลขนาด 7.6 นิ้ว ดูแล้วไม่ได้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากตอน Z Fold 2 เท่าไหร่ ยกเว้นตรงที่เขาออกแบบให้กล้องดิติทัลถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งกะตอน Z Fold 3 แต่นั่นก็ทำให้เซ็นเซอร์ถูกลดความละเอียดลงเหลือ 4 ล้านพิกเซล (จากเดิม 10 ล้านพิกเซล ของ Z Fold 2)

โดยรวมก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่ดีไซน์ดี แต่ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรมากนัก หากเอาไปเทียบกับ Z Fold 4 แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปประมาณนึง เมื่อเทียบกับ Z Fold 2 เพราะนอกจากจะได้กล้องที่ดีขึ้น หน้าจอด้านนอกที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นอีกนิด (นิดเดียวจริงๆ แต่มันรู้สึกได้ว่าดีขึ้น เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังทีหลัง) และมีหน่วยประมวลผลที่ประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย

สเปกและประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Z Fold 5

มาดูกันหน่อยว่า จ่ายเงินไปเกินครึ่งแสน นอกจากจะได้สมาร์ทโฟนจอพับได้แล้ว เราได้อะไรมาอีกบ้าง

สเปกรายละเอียด
หน่วยประมวลผลQualcomm SM8550-AC Snapdragon 8 Gen 2 (4 nm)
Octa-core (1×3.36 GHz Cortex-X3 & 2×2.8 GHz Cortex-A715 & 2×2.8 GHz Cortex-A710 & 3×2.0 GHz Cortex-A510)
Adreno 740
หน้าจอแสดงผลด้านนอก: 6.2 นิ้ว 23.1:9 904×2,316 พิกเซล Dynamic AMOLED 2X 120Hz 1,750 nits
ด้านใน: 7.6 นิ้ว 1,812×2,176 พิกเซล Dynamic AMOLED 2X 120Hz HDR10+ 1,750 nits
หน่วยความจำ12GB
เนื้อที่เก็บข้อมูล256GB/512GB/1TB
การเชื่อมต่อมือถือGSM/LTE/5G
การเชื่อมต่อไร้สายอื่นๆWi-Fi 6E 802.11 a/b/g/n/ac/ax
Bluetooth 5.3, A2DP, LE, aptX HD
NFC
กล้องหน้าจอนอก: 10 ล้านพิกเซล f/2.2 24mm 1.22μm
จอใน: 4 ล้านพิกเซล f/1.8 26mm 2.0μm
กล้องหลังกล้องหลัก: 50 ล้านพิกเซล f/1.8 23mm 1.0μm Dual pixel PDAF, OIS
กล้องซูม: 10 ล้านพิกเซล f/2.4 PDAF OIS 3x optical zoom
กล้อง Ultrawide: 12 ล้านพิกเซล f/2.2 123 องศา 12mm 1.12μm
ระบบเสียงจูนโดย AKG
มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นIPX8
ขนาดและน้ำหนักพับ: 154.9 × 67.1 × 13.4 มิลลิเมตร
กางออก: 154.9 × 129.9 × 6.1 มิลลิเมตร
หนัก 253 กรัม (ตามสเปก)
แบตเตอรี่4,400mAh
ระบบปฏิบัติการAndroid 13 One UI 5.1.1

สเปกก็เรียกได้ว่าเป็นเรือธงแหละ แต่ที่อยากรู้เพิ่มเติมคือ คะแนนการทดสอบครับ ผมไม่ขอทดสอบเยอะ เน้นไปที่ 2 ตัวละกัน คือ ความเร็วของตัว Storage อยากรู้ว่ามันสมกับเป็นเรือธงไหม และคะแนน AnTuTu เป็นเท่าไหร่ เพราะคนชอบใช้เจ้านี่เป็นตัววัดกัน ซึ่งผมโชคดีตรงที่เคยรีวิว ASUS ROG Phone 7 ที่ใช้หน่วยประมวลผลเป็น Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 SM8550 พอดีเลย

หน้าจอแอปแสดงผลการทดสอบความเร็วในการอ่านและเขียนของ Storage ของ Samsung Galaxy Z Fold 5

ความเร็วในการอ่านและเขียนของ Storage ในส่วนของ Sequential ถือว่าเร็วครับ อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 1GB/s แต่ผมแอบตกใจกับความเร็วของ Random read ที่ได้ถึง 140.53MB/s เลยนะ ถือว่าไม่เลว และดีกว่า ASUS ROG Phone 7 ซะอีก แต่ Random write แอบช้ากว่าพอสมควรเช่นกัน (ดูคะแนนทดสอบจากบล็อกรีวิว ASUS ROG Phone 7 ได้นะครับ)

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Z Fold 5 ด้วยแอป AnTuTu

คะแนนจากการทดสอบด้วย AnTuTu นี่ คะแนนโดยรวมของ Samsung Galaxy Z Fold 5 อยู่ที่ 1,291,395 คะแนน ต่ำกว่า ASUS ROG Phone 7 อยู่ประมาณ 19% ซึ่งเมื่อลองเปรียบเทียบกันดูแล้ว คะแนนของ Samsung Galaxy Z Fold 5 ก็ด้อยกว่า ASUS ROG Phone 7 ในทุกด้านแหละ โดยเฉพาะในส่วนของ GPU ที่เกือบ 38% เลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ ASUS ROG Phone 7 มันคือสมาร์ทโฟนเกมมิ่งนะ ต้องเน้นประสิทธิภาพ ส่วน Samsung Galaxy Z Fold 5 เป็นเรือธงเน้นฟังก์ชัน ประสิทธิภาพถือว่าไม่แย่แล้ว แต่ก็ไม่ได้รีดมาจนสุดเหมือนกัน เพราะต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่และความร้อน

เล่าประสบการณ์การใช้งาน Samsung Galaxy Z Fold 5

เช่นเดียวกับตอนซื้อ Samsung Galaxy Z Fold 2 มาครับ ผมก็คาดหวังเจ้านี่เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหลักในการใช้งาน (ยกเว้นเรื่องแอปธนาคาร ที่ผมใช้บน iPhone 14 Pro) โดยผมใช้เบอร์หลักเป็น eSIM และอีกเบอร์ที่เป็นซิมเน็ต เป็น Nano SIM ครับ การซื้อในช่วงที่มันวางจำหน่ายใหม่ๆ ข้อดีคือ ได้อัปเกรดความจุของตัวเครื่องจาก 256GB เป็น 512GB ฟรี ก็เท่ากับเราซื้อรุ่นราคา 65,990 บาท ในราคา 59,990 บาท สำหรับคนส่วนใหญ่นะ แต่ผมซื้อได้ถูกกว่านั้นอีกนิดนึง และตอนนี้ก็เห็นบางร้านเอามือหนึ่งแกะซีลมาถ่ายภาพขาย ในราคาที่ถูกกว่าที่ผมซื้ออีกประมาณเกือบ 3,000 บาท 😭😭😭 สมาร์ทโฟน Samsung นี่โดดเด่นเรื่องรุ่นเด่นราคาดิ่งที่แท้ทรู ซื้อทีไรจี๊ดทุกรอบ ตอน Samsung Galaxy Z Fold 2 ก็ทีนึงแล้ว

แต่ก็ต้องยอมรับว่า Samsung ได้พัฒนาบานพับของตระกูล Galaxy Z Fold มาเรื่อยๆ จริงๆ ตอนที่ Z Fold 2 ออกมานี่ผมก็มองว่าในที่สุด ดีไซน์ของสมาร์ทโฟนจอพับของ Samsung ก็ลงตัวซะที แต่สำหรับ Z Fold 5 ก็ต้องถือว่าลงตัวที่สุดแล้ว เมื่อจอมันพับปิดได้สนิทดีแล้ว

หน้าจอด้านในเป็น Ultra thin glass มีความแข็งแรงดีเพื่อรองรับการใช้งาน S Pen แต่ด้วยความที่มันเป็นหน้าจอพับ การติดฟิล์มกันรอยมันก็ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ทั่วไป ทาง Samsung เขาก็เลยติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รุ่นแรกแล้ว แต่ที่หายไปคือ ฟิล์มกันรอยด้านนอกครับ ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม ผมไม่เรื่องเยอะ ไปติดที่ Samsung Shop by TG Fone เป็นฟิล์มแบบไฮโดรเจล โดนไป 290 บาท

เทียบการแสดงผลจอนอกของ Samsung Galaxy Z Fold 2 (ซ้าย) กับ Samsung Galaxy Z Fold 5 (ขวา)

จอด้านนอกขนาด 6.2 นิ้ว อัตราส่วนการแสดงผล 23.1:9 ยังดูแคบและสูงอยู่ แต่ความรู้สึกแรกที่ผมได้สัมผัสใช้งานหลายๆ แอป ผมรู้สึกว่ามันใช้ถนัดมือกว่า Z Fold 2 ก็แอบเอะใจว่าเป็นเพราะอะไร พอได้เอามาวางเทียบกัน ถึงได้บางอ้อครับ คือ Samsung ออกแบบให้ Default UI บน Z Fold 5 มันอยู่ในโหมด Zoom out ครับ ทั้งไอคอนต่างๆ และตัวอักษร มันเลยทำให้อะไรๆ ก็สามารถอยู่ภายใต้จอแคบๆ นี่ได้

เทียบจอด้านในของ Samsung Galaxy Z Fold 2 (ซ้าย) กับ Samsung Galaxy Z Fold 5 (ขวา) เมื่อเปิดเว็บไซต์ kafaak.blog

ในขณะที่จอด้านในของ Samsung Galaxy Z Fold 5 นี่แตกต่างจาก Z Fold 2 ค่อนข้างน้อย (จำนวนพิกเซลในแนวนอนมีมากกว่านิดหน่อย แต่จำนวนพิกเซลในแนวตั้งมีน้อยกว่านิดนึง) แต่ด้วยความที่ Samsung เขาปรับ UI ให้มีขนาดเล็กลงหน่อยนึง ก็ส่งผลให้พวกไอคอนและตัวอักษรที่แสดงบนจอด้านในมันก็เล็กลงด้วยเช่นกัน และ Microsoft Edge เลือกที่จะให้แสดงผลเว็บไซต์แบบ Desktop site เป็นค่า Default ครับ ส่งผลให้เวลาเราดูเว็บ มันก็จะดูเล็กๆ อ่านยาก วิธีแก้คือ เราต้องไปตั้งค่าใน Settings ของ Microsoft Edge เพื่อให้การแสดงผลแบบ Mobile site เป็น Default แทน

แต่ถ้าอยากให้แสดงผลแบบใหญ่ขึ้นทั้ง UI และตัวอักษรเลย ให้ไปที่ Settings > Display > Screen layout and zoom แล้วเลือกที่จะซูมเข้ามา หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็น Standard view มันก็จะบังคับให้แอปมองการใช้งานเป็นแบบสมาร์ทโฟน ไม่ใช่แท็บเล็ต แต่ใครอยากจะขยายแค่ตัวอักษร ก็ไปปรับใน Font size เฉยๆ ก็ได้ครับ

ภาพระยะใกล้ของหน้าจอด้านในของ Samsung Galaxy Z Fold 5 ที่แสดงให้เห็นว่ามีจุดกลมๆ ตรงด้านบนของหน้าจอ ที่มีความละเอียดของเม็ดพิกเซลหน้าจอต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ เพราะมีกล้องซ่อนอยู่ข้างใต้

กล้องเซลฟี่สำหรับจอด้านใน เป็นแบบซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ ซึ่งก็ต้องบอกว่าถ้ามองแบบไม่ได้ตั้งใจมาก ก็จะไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในตอนนี้ ถ้าตั้งใจมองหน่อยก็จะเห็นชัดแหละว่าบริเวณเลนส์กล้อง มันจะมีความละเอียดของพิกเซลน้อยกว่าปกติ เราก็จะเห็นเป็นรูกลมๆ ของเลนส์กล้องได้อยู่ และการที่ซ่อนกล้องไว้ใต้จอ ก็ทำให้ความละเอียดของกล้องเซลฟี่ของจอด้านในมันลดลงเหลือ 4 ล้านพิกเซล

แต่ถามว่า 4 ล้านพิกเซลพอไหม สำหรับผมก็ต้องบอกว่าเหลือเฟือครับ เพราะเวลาเราอยากจะเซลฟี่ตัวเอง ถ้าไม่อยากวุ่นวาย การพับจอแล้วใช้กล้องเซลฟี่ของจอด้านนอกมันสะดวกกว่า และนั่นก็ 10 ล้านพิกเซล เพียงพอแล้ว ส่วนกล้องเซลฟี่ด้านใน ผมไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ยกเว้นตอนกำลังทำวิดีโอคอล หรือ ประชุมออนไลน์แบบเปิดกล้อง ที่ผมใช้ Flex mode ซึ่งความละเอียด 4 ล้านพิกเซล คือเหลือพอสำหรับงานประเภทนี้

ภาพถ่ายของ Samsung Galaxy Z Fold 5 ที่กางหน้าจออยู่ โดยพยายามทำมุมเพื่อให้แสงกระทบบนหน้าจอด้านในแล้วเห็นรอยพับของจอ

รอยพับเป็นยังไงบ้าง? ตอบสั้นๆ เลย ก็ยังมีอยู่แหละ แต่มันก็บางอยู่นะ แต่ก็เช่นเคย ถ้าไม่ได้ตั้งใจมองแบบจับผิด ก็ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ หรอก โดยเฉพาะถ้าไม่มีแสงมากระทบกับหน้าจอซึ่งจะทำให้แสงสะท้อนจนเราเห็นรอยพับชัดเจน ลองเอานิ้วลากผ่านแล้ว ก็รู้สึกได้ถึงร่องของรอยพับ แต่ไม่ได้หนามากเท่ากับ Samsung Galaxy Z Fold 5

แน่นอนว่าพอหน้าจอแสดงผลใหญ่ ถ้าเราใช้งานในแบบ Multi view เราก็ทำอะไรได้มากขึ้นมาก และแม้ว่าเราจะใช้งานแบบแนวตั้ง แต่ด้วยความที่ความละเอียดในการแสดงผลมันเพิ่มขึ้น แอปบางแอปที่รองรับการใช้งานบนแท็บเล็ตก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่การแสดงผลที่เพิ่มขึ้นมานี้ได้

แต่ในบางแอป เช่น Gmail มันก็ยังมองเป็นการใช้งานในโหมดแนวตั้งอยู่ ถ้าอยากจะใช้งานด้วย UI แบบแท็บเล็ต ก็ต้องตะแคงตัวเครื่องเป็นโหมดใช้งานแนวนอนก่อนครับ

ด้วยความเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ Flex mode ก็จะเป็นอะไรที่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อให้เราสามารถใช้งานได้คล้ายๆ กับการใช้งานโน้ตบุ๊ก แบบว่าครึ่งบนแสดงผลข้อมูล ครึ่งล่างเป็นคีย์บอร์ด หรือ ตอนประชุมออนไลน์นอกสถานที่ ที่เราก็อาจจะไม่มีขาตั้งสมาร์ทโฟนให้ดูได้สะดวกๆ ก็ใช้ Flex mode นี่ช่วยได้ หรือแม้แต่ตอนถ่ายภาพก็เช่นกัน ใช้ Flex mode เพื่อจะได้วางสมาร์ทโฟนถ่ายภาพได้ โดยไม่ต้องง้อขาตั้งกล้องมาก

มือซ้ายถือสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 ที่กางหน้าจอและเปิดแอปพร้อมกัน 3 แอป คือ Microsoft Edge, YouTube Music และ LINE

หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก็ทำงานเชิง Multitasking ได้ เปิดแอป 2-3 ตัวพร้อมกันได้ ใช้ร่วมกับคีย์บอร์ดแยก (Physical keyboard) แบบพกพา และเมาส์ ก็เท่ากับเราได้แท็บเล็ตย่อมๆ ไว้ทำงาน ก็ถือว่าโอเคอยู่ ถ้าจอยังใหญ่ไม่พอ หาจอพกพาที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C ก็เปิดใช้ Samsung Dex ได้ครับ คราวนี้ UI นี่คล้ายๆ กับคอมพิวเตอร์เลย และใช้งานแบบ Multitasking ได้แบบจริงจังมากขึ้น

แต่ข้อจำกัดเท่าที่ผมเจอคือ เราต้องใช้ Samsung Keyboard นะครับ ถึงจะใช้งานคีย์บอร์ดแยกแบบสลับภาษาเป็น อังกฤษ-ไทย ได้ ผมลองใช้ Gboard แล้ว มันสลับภาษาไม่ได้ และต่อให้เราติดตั้งแอป Extra Physical Keyboard Layout เพื่อให้มีตัวเลือกภาษาไทยแล้ว มันก็ทำได้แค่เลือกเป็น อังกฤษ หรือ ไทย อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถสลับภาษาได้อยู่ดี สำหรับคนใช้ Gboard เป็นหลักแล้ว นี่คือยุ่งยากมาก

ด้วยความที่ถ้าพับจอไว้ ตัวเครื่องจะมีความหนามากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่ถ้ากางจอออก แม้ว่าตัวเครื่องจะบางลง แต่ขนาดของหน้าจอก็จะใหญ่ขึ้นมาก ก็ส่งผลให้การนำไปใช้นำทางในรถยนต์ แบบที่จะใช้กับ Car holder มันก็จะไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่จะไม่มีปัญหา หากรถยนต์ของคุณรองรับ Android Auto นะ … แต่ผมดันใช้ Nissan Kicks รุ่นแรก ปี 2020 นะสิ มันรองรับแต่ Apple Car Play 😭😭

ในการรีวิวรอบนี้ ไม่ได้ลองเล่นเกมนะครับ เพราะผมไม่ได้เล่นเกมบนสมาร์ทโฟนซักเท่าไหร่แล้ว เดี๋ยวเก็บไว้รีวิวงวดหน้าละกัน

เออ แต่สิ่งนึงที่ผมต้องพูดถึงในการรีวิวครั้งนี้คือ รอบนี้ Samsung ยอมให้เราสามารถใช้นิ้วมือข้างนึงแตะไอคอนบน Home screen ค้างไว้ แล้วเวลาเราจะย้ายข้ามหน้าจอ ก็เอานิ้วอีกข้างมาปัดเลื่อนหน้าจอได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องใช้นิ้วลากเอาไอคอนไปชิดติดขอบจอ มันถึงจะย้ายหน้าจอ ซึ่งยุ่งยากมาก แต่ในที่สุดก็ทำได้ซะที เฮ่อ! แต่ที่ฮาคือ Samsung Galaxy Z Fold 2 ของผม ยังทำไม่ได้เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ก็อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดตลอด ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ทำแบบนี้ไม่ได้นะ

การถ่ายรูปด้วย Samsung Galaxy Z Fold 5

ผมไม่ใช่ช่างถ่ายภาพ แต่ผมก็ให้ความสำคัญเรื่องความสามารถของกล้องดิจิทัลของสมาร์ทโฟนที่ผมซื้อประมาณนึง คือ ภาพถ่ายก็ต้องออกมาสวยสมกับการเป็นเรือธงแหละ ลูกเล่นก็ต้องพอมีบ้าง แต่ไม่ได้ต้องเยอะมากมาย เพราะผมไม่ใช่พวก Content creator ดังนั้นผมก็อาจจะไม่ได้รีวิวลูกเล่นอะไรในสมาร์ทโฟนเครื่องนี้มากนัก นอกจากฟีเจอร์ที่คนทั่วไปน่าจะใช้กันนะครับ

มือข้างขวากำลังถือสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 ที่พับหน้าจออยู่ เพื่อถ่ายภาพของท้องฟ้าและต้นไม้

จริงๆ แล้ว Samsung ให้โหมดถ่ายภาพและวิดีโอมาเยอะมาก นอกเหนือจากโหมดถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ และโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่ใครต่อใครเขาก็มีกันแล้ว ก็มีโหมด Pro ทั้งถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ โหมดถ่ายอาหาร โหมดถ่ายกลางคืน โหมดพาโนรามา โหมดถ่ายภาพแบบ RAW โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Slow motion และ Super slow motion โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse โหมดวิดีโอ Portrait โหทมด Single take ที่ถ่ายทีเดียวได้ภาพหลายๆ แบบเลย หรือ Director view ที่ถ่ายวิดีโอทีเดียว บันทึกวิดีโอทุกกล้องพร้อมกันยันกล้องเซลฟี่ โหมดถ่ายเยอะชนิดที่เรียกว่าเอามาเขียนแนะนำเป็นบล็อกแต่ละตอนได้เลยแหละ และคิดว่ามีผู้ใช้งานไม่กี่คนแหละ ที่จะใช้ครบทุกโหมดขนาดนั้น … ผมคนนึงละไม่ใช่ 🤣🤣

ตอนผมซื้อ iPhone 14 Pro มา ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้ Samsung Galaxy Z Fold 2 ถ่ายรูปซักเท่าไหร่อีก เพราะเซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซลของกล้องหลัก iPhone 14 Pro มันใหม่กว่าอะ ภาพของ iPhone 14 Pro ก็เลยดูดีกว่า Z Fold 2 (แม้ว่า Z Fold 2 ก็จะไม่ได้แย่มาก) ก็จะมีแค่บางกรณี บางสถานการณ์ที่ผมยังกลับไปใช้ Galaxy Z Fold 2 บ้าง เช่น ตอนไปเที่ยวกับภรรยา แล้วจะถ่ายภาพคู่แบบไม่ต้องขอให้ใครช่วย ก็ใช้ Flex mode อะไรแบบนี้

แต่ตอนนี้ได้เวลากลับไปใช้ Samsung Galaxy Z Fold 5 เป็นกล้องหลักในการถ่ายภาพแล้วล่ะ เซ็นเซอร์กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล และการที่ซอฟต์แวร์และ AI มันช่วยแต่งภาพให้หนักๆ หน่อยแบบนี้ ผมชอบมากกว่าบน iPhone ที่ต้องมานั่งแต่งภาพเองภายหลัง 🤣🤣 บอกแล้ว ผมไม่ใช่มืออาชีพ ผมเป็นแค่ผู้ใช้งาน ใช่ครับ iPhone 14 Pro ก็ถ่ายภาพมาได้ดี เอาภาพมาแต่งให้สวยได้ แต่ผมรักสบายไง อยากได้แบบ ถ่ายปุ๊บ โพสต์ได้เลย

มือข้างซ้ายที่กำลังถือสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 และมือข้างขวาที่กำลังถือสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 2 เพื่อแสดงความแตกต่างของมุมมองของกล้องแต่ละตัว

ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวกล้อง Samsung Galaxy Z Fold 5 เมื่อเทียบกับ Z Fold 2 ที่ผมสังเกตได้คือ ระยะซูมของเลนส์กล้องครับ ตัว Ultrawide เนี่ย ได้ 0.6x ของมุมปกติ (จากเดิม 0.5x) แต่ความแตกต่างก็คือ เลนส์ของ Samsung Galaxy Z Fold 5 มันมีมุมกว้างกว่าของ Z Fold 2 มาตั้งแต่ต้น ดังนั้น แม้จะเป็นมุม 1x เท่ากัน ภาพของกล้อง Z Fold 5 มันก็จะดูกว้างกว่า Z Fold 2 อยู่นิดนึงครับ

กล้อง Samsung Galaxy Z Fold 5 งวดนี้ได้เซ็นเซอร์ 50 ล้านพิกเซลแล้ว และเลนส์ซูมก็ 3x optical ด้วย ก็เลยทำให้ภาพถ่ายได้ตั้งแต่ 0.6x ไปจนถึง 30x เลยทีเดียว แต่ถ้าอยากได้ภาพชัดดีอยู่ ก็ไม่ควรถ่ายเกิน 3x ครับ เพราะมันจะเกินกำลังของ Optical zoom ไป ภาพที่ถ่าย 10x – 30x นั่น เขาใช้ AI ในการช่วยปรับภาพ

ด้วยเหตุนี้ภาพแบบ 10x หรือ 30x จากกล้อง Samsung Galaxy Z Fold 5 มันก็จะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก เพราะมันคือ Digital zoom จากภาพต้นฉบับที่เป็นแค่ 3x optical zoom ที่ความละเอียดแค่ 10 ล้านพิกเซลเท่านั้น ร่วมกับข้อมูลที่ได้จากภาพของเซ็นเซอร์หลัก 50 ล้านพิกเซลที่ 1x มันไม่พอสำหรับการสร้างภาพ 10x หรอกครับ (ยิ่ง 30x ไม่ต้องพูดถึง) มันจะดูโอเค ดูว้าว ถ้าเราซูมดูพวกป้ายตัวอักษรที่ใหญ่ๆ ไกลๆ หรือภาพของพระจันทร์ อะไรพวกนี้ ที่เขามีข้อมูลไว้เทรน AI ให้ช่วยปรับภาพให้ดูสมบูรณ์ขึ้นได้

แต่ถ้าเป็นภาพทั่วไป ทีมีรายละเอียดเยอะๆ เล็กๆ สิ่งที่เราจะได้มาก็คือ ภาพเบลอๆ ของอะไรบางอย่าง ที่เราพอจะดูแล้วรู้ว่ามันน่าจะเป็นอะไรแบบรูปศาลาทรงไทยด้านบนที่ผมถ่ายมาให้ดู

ลูกเล่นที่เก๋ไก๋ที่สุดของพวกสมาร์ทโฟนจอพับได้แบบนี้ คือ Flex mode และ Cover screen preview ครับ เพราะว่าช่วยเรื่องการถ่ายรูปได้เยอะครับ

👍 เวลาอยากถ่ายเซลฟี่ ถ้าไม่ต้องรีบถ่ายมาก ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องหน้าเลย เพราะเรากางหน้าจอออก แล้วเปิดโหมด Cover screen preview ก็จะสามารถใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ได้แล้ว อยากได้มุมกล้องแบบไหน เลือกได้จาก 3 เลนส์ แถมลั่นชัตเตอร์ได้ด้วยการชูมือ (หรือใครจะใช้รีโมตก็ตามสะดวก)

สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 อยู่ใน Flex mode ที่กางหน้าจอมาประมาณ 90 องศา เพื่อใช้วางบนพื้นโต๊ะเพื่อถ่ายรูป

👍 เวลาไปไหนคนเดียวหรือหลายคน แต่ไม่มีใครไปช่วยกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้ ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไป ก็ใช้ Flex mode ในการถ่ายภาพได้ วางสมาร์ทโฟนไว้บนพื้นผิวใดๆ ที่เหมาะๆ เพื่อถ่ายรูปได้ ยังไม่สะดวกเท่าใช้ขาตั้งกล้อง แต่แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว แต่ระวังโดนใครวิ่งมาฉกหยิบไปนะครับ

👍 เวลาถ่ายรูปคนอื่น โดยเฉพาะสาวๆ เปิด Cover screen preview เอาไว้เลย เขาจะได้เห็นตัวเองในเฟรมภาพ จะได้ปรับท่าทางได้เองตามความเหมาะสม ไม่ต้องให้เราช่วยบอก ดีงามอยู่

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมา ก็เป็นฟีเจอร์ที่ Samsung Galaxy Z Fold 2 มีอยู่แล้วครับ 🤣🤣 ไม่ใช่อะไรใหม่หรอกนะ ฉะนั้นหากใครคิดว่า Samsung Galaxy Z Fold 2 (หรือใหม่กว่า) ในมือ มันก็ถ่ายรูปได้โอเคดีอยู่แล้ว และไม่ได้มีความเดือดเนื้อร้อนใจอะไรที่จะต้องอัปเกรด ก็ยังไม่ต้องรีบซื้อก็ได้ครับ

ทำไมผมซื้อ Samsung Galaxy Z Fold 5

โดยส่วนตัว ผมวางแผนจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนทุกๆ 3-4 ปีอยู่แล้วครับ Samsung Galaxy Z Fold 5 ก็มาอยู่ในวงรอบการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนผมพดี นอกจากนี้ อาจจะเพราะ Z Fold 2 มันงอนผมแล้วมั้ง เพราะผมทำมันตก 3-4 หน มันก็เลยงอน กางหน้าจอได้ไม่สุดซะเลย เวลากางหน้าจอได้ไม่สุด (ขาดไปนิดเดียว) แล้วอาการ OCD ของผมมันกำเริบอะ ก็เลยยิ่งทำให้เป็นอีกเหตุผลนึงที่จะเปลี่ยนครับ

แล้วทำไมไม่ซ่อมจอแทน? ก็เพราะว่าค่าซ่อมมหาโหดมากครับ อาการเสียที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นมาจากบานพับ แล้วประกันมันก็หมดแล้ว ค่าซ่อมก็มาเต็มเหนี่ยว ซึ่งการจะซ่อมนี่ก็ต้องเปลี่ยนจอทั้งจอครับ ใช่ครับ เปลี่ยนทั้งจอ ค่าเปลี่ยนตกราวๆ 16,000 บาท!!! ล่าสุดผมเห็นร้านเอา Samsung Galaxy Z Fold 3 มือหนึ่ง มาขาย ยังไม่แกะซีล เครื่องศูนย์ ประกันยังเหลือ (แต่ประกันเดินแล้วนะ เหลือราวๆ 6 เดือน) ราคา 22,900 บาทอะ

ไม่ได้เอาไปเทรดเพื่อซื้อ Samsung Galaxy Z Fold 5 ก็เพราะว่าผมจะเอาเครื่องเก่านี่ให้น้าชายใช้ครับ กางจอได้เกือบสุดก็ยังเรียกว่าพอใช้ได้อยู่

ปิดท้ายเรื่องแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Z Fold 5

มาปิดท้ายด้วยการพูดถึงแบตเตอรี่บ้างครับ แบตเตอรี่ 4,400mAh สำหรับสมาร์ทโฟน ก็ถือว่าใหญ่ประมาณนึงแหละ แต่เมื่อสมาร์ทโฟนมันมี 2 จอ จอเล็ก จอใหญ่ แถมมีความสว่างสูงสุดเวอร์วัง 1,750 nits และอัตราการรีเฟรชภาพสูงสุด 120Hz อีก ปัจจัยทุกอย่างนี้ส่งผลต่อการกินแบตเตอรี่ทั้งนั้น

อย่างไรก็ดี Samsung เขาก็มีวิธีการช่วยประหยัดแบตเตอรี่ให้เราได้นะ เช่น ให้เรากลับไปใช้อัตรารีเฟรชภาพ 60Hz เลย จะได้ประหยัดแบตเตอรี่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เราจะเห็นพวกอนิเมชันต่างๆ การขยับเขยื้อนโน่นนี่ มันดูไม่ลื่นเท่าอัตรารีเฟรชภาพ 120Hz ครับ แต่ถ้าเราอยากได้ภาพลื่นๆ เปิดอัตรารีเฟรชภาพที่ 120Hz ทาง Samsung เขาก็จะมีการปรับอัตราการรีเฟรชภาพอัตโนมัติครับ เช่น ถ้าเราดูหน้าจอเฉยๆ ไม่ได้ใช้นิ้วแตะหน้าจอ ภาพบนหน้าจออยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว เขาก็จะทำการปรับอัตราการรีเฟรชภาพลงมาให้น้อยลงเอง เพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่นั่นเอง

หน้าจอ Battery usage แสดงกราฟการใช้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold 5 แสดงข้อมูลว่าใช้งานมาแล้ว 11 ชั่วโมง 22 นาที

ผมลองใช้งานตามปกติครับ เล่นโซเชียลมีเดีย ฟังเพลง เปิดแอปเก็บข้อมูลการขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (ใช้ GPS) โดยมีการกางหน้าจอใช้จอใหญ่อยู่ประมาณ 50% ของช่วงเวลาที่ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหมด พบว่าแบตเตอรี่ลดจาก 100% ลงมาเหลือประมาณ 25% ในเวลา 11 ชั่วโมง 22 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่เปิดใช้หน้าจอทั้งหมด เกือบ 4 ชั่วโมงครึ่ง

ผมลองใช้แอป AccuBattery Pro เก็บข้อมูลเพิ่ม เพื่อดูว่าการใช้แบตเตอรี่ของผม โดยมองที่การใช้งานปกติเลยเนี่ย กินแบตเตอรี่ประมาณเท่าไหร่ ก็พบว่าอยู่ที่ประมาณ 6.5% ต่อชั่วโมงครับ (ชั่วเวลาที่เปิดหน้าจออยู่ที่ประมาณ 32.5% ของการใช้งานทั้งหมด) ก็คิดง่ายๆ คือ 15 ชั่วโมง เอาอยู่ครับ ถ้าใช้ตามปกติ ชาร์จ 100% ไปตอนเช้า กลับบ้านมาค่อยชาร์จก็ยังทันอะนะ

แต่ในทางปฏิบัติ ผมจะเปิดฟีเจอร์ Protect battery ของ Samsung ที่จะจำกัดการชาร์จแบตเตอรี่ไว้ที่ 85% และเวลาที่นั่งทำงาน หรือตอนนอน ผมก็จะเสียสายชาร์จเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อจำกัดการชาร์จเอาไว้ มันก็จะไม่ชาร์จจนเกินไป และเมื่อเสียบสายชาร์จเอาไว้ พอแบตเตอรี่ครบ 85% แล้ว มันก็จะหยุดชาร์จ แล้วผมคิดว่ามันน่าจะใช้ไฟโดยตรงจากอะแดปเตอร์ในการให้พลังงานแก่สมาร์ทโฟนเลยครับ วิธีนี้ช่วยถนอมแบตเตอรี่ได้เยอะเลยครับ ตอนผมเอา Samsung Galaxy Z Fold 2 ไปเช็กที่ศูนย์บริการของ Samsung เพื่อกะเปลี่ยนแบตเตอรี่ เขาตอบกลับมาว่า แบตเตอรี่สุขภาพยังดีอยู่เลยนะคะ 92% เลยยังไม่ได้เปลี่ยนเลยครับ ผ่านมา 3 ปีแล้ว 🤣🤣

บทสรุปการรีวิว Samsung Galaxy Z Fold 5

สมาร์ทโฟนจอพับยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ราคาแพงเวอร์ครับ ถ้าเราไม่ได้คิดว่าจะได้ประโยชน์ใดๆ จากหน้าจอที่กางออกแล้วใหญ่ขึ้นได้เนี่ย ใช้สมาร์ทโฟนแบบเดิมๆ ไปก็ได้ครับ เพราะเดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนก็จอใหญ่ใช่ย่อยอยู่ แต่สำหรับคนแบบผม ที่อยากได้ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตขนาดย่อมๆ ในตัวเดียว ตัวนี้จะตอบโจทย์ครับ การซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงซักเครื่องพร้อมกับแท็บเล็ตสเปกเรือธง ราคารวมกันมันก็แพงกว่าซื้อ Samsung Galaxy Z Fold 5 ตัวเดียวอยู่แล้ว Trade-off ก็คือ แทนที่เราจะได้แท็บเล็ตจอใหญ่ๆ เราก็จะได้แค่แท็บเล็ตจอเล็กๆ ขนาด 7.6 นิ้วแทน (ให้นึกถึง Samsung Galaxy Tab รุ่นแรก) แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือ ประหยัดเงินกว่า พกพาสะดวกกว่า และเบากว่าเยอะมากครับ

สำหรับคนที่ไม่รีบ Samsung Galaxy Z Fold 5 ยังไม่ใช่ Major upgrade ที่จะทำให้คุณว้าวแล้วอยากได้เป็นเจ้าของมาก แต่ถ้าคุณใช้ Samsung Galaxy Z Fold 2 อยู่ และคิดว่าอยากเปลี่ยนแล้ว ก็พิจารณาดูได้ครับ แบบผมเนี่ย แต่ถ้ายังทู่ซี้ใช้ต่อไหว ลุยต่อไปก่อนก็ได้ เพราะ Z Fold 2 มันก็ยังอัปเดต Android เป็นเวอร์ชันใหม่ได้อยู่ ถ้าแบตเตอรี่เสื่อม ก็ไปเปลี่ยนที่ศูนย์ได้ครับ ค่าใช้จ่ายหลักพัน ไม่ได้โหดมาก

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ผมใช้แค่ดูว่ามีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ผมกี่คน กี่ครั้ง และดูหน้าเว็บไหนบ้าง ถ้าคุณปิดการใช้งาน ผมก็จะไม่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านบล็อกของผมกี่คน กี่ครั้ง
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า