ถ้าผมทำงานจากที่บ้าน เวลาประชุมออนไลน์ผมจะไม่สวมชุดหูฟังให้เกะกะครับ ผมจะเซ็ตตัวไมโครโฟนและลำโพงของเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้คุยเลย และก่อนหน้านี้ผมใช้ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ Maono AU-PM461TR เป็นตัวหลัก ซึ่งมันก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ค่อนข้างดี แต่ผมก็อดไม่ได้ที่อยากจะลองไมโครโฟนตัวอื่นดูบ้าง ก็มาสะดุดตากับ FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02 ตัวนี้ ที่มันเป็นไมโครโฟนที่ดูจะมีฟีเจอร์เยอะขึ้นมาอีกหน่อย แต่ราคาก็ยังเป็นมิตรอยู่ไม่น้อย คือ 1,126.60 บาท (หักส่วนลดค่าส่ง Voucer จาก Lazada และใช้ Cashback ที่ยังเหลือๆ อยู่ให้หมดๆ ไป) ก็มาดูกันหน่อยว่าเป็นยังไงบ้างดีกว่าครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
ไมโครโฟน FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02 ตัวนี้ ซื้อมากะจะใช้เองครับ แต่ก็ถือโอกาสทดลองใช้แล้วรีวิวให้ได้อ่านกันด้วย เผื่อใครกำลังหาข้อมูลไว้เผื่อซื้อ แต่ก็บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ใช่ของใหม่นะครับ ของมันออกมาประมาณปีนึงได้แล้ว
ไมโครโฟนราคาพันต้นๆ แต่กล่องนี่คือดูดีมากทีเดียว สำหรับ FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02 ตัวนี้ ภายในกล่องมีของหลายชิ้นเลยครับ ประกอบไปด้วย ตัวฐานไมโครโฟนที่ทำจากโลหะมีน้ำหนักประมาณนึงเลย พร้อมตัวขาตั้งไมโครโฟน ทั้งคู่น่าจะเป็นโลหะครับ พิจารณาจากผิวสัมผัสแล้ว สองตัวนี้น้ำหนักรวมกัน ผมชั่งได้ 301 กรัม ตัวไมโครโฟนที่มีลักษณะที่ดูแล้วเผินๆ เหมือนจอยเกม ที่วัสดุน่าจะเป็นพลาสติกครับ และมีสายเคเบิ้ลมาให้ 2 เส้น เป็น USB-A to USB-C เส้นนึง ยาว 110 เซ็นติเมตร กับ USB-C to USB-C ครับ ยาว 100 เซ็นติเมตร ก็ต้องบอกว่าแอบสั้นไปหน่อยในฐานะสายไมโครโฟน คือ มันเหมือนกะจะให้เราต้องเอาไมโครโฟนไปเสียบไว้ใกล้ๆ กับเครื่องคอมพิวเตอร์เลยอะ แต่เอาน่ะ โต๊ะของผมไม่ใหญ่มาก คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้วางไกลเท่าไหร่ ก็เลยพอไหว แต่สำหรับใครที่วางเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ห่างจากจุดที่นั่ง ต้องพิจารณาเรื่องความยาวสายเคเบิ้ลเหมือนกันนะ แต่ข่าวดีคือ เราสามารถหาซื้อสายยาวๆ มาเปลี่ยนเองได้ครับ
สาย USB-A to USB-C นี่จะมีตัว Magnetic shield มาให้ด้วย เอาไว้ช่วยลดสัญญาณรบกวน ดูแล้วน่าจะกะเอาไว้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป ที่ยังใช้พอร์ต USB-A กันอยู่ แต่อีกเส้นเป็น USB-C to USB-C เอาไว้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้ โดยเฉพาะพวกโน้ตบุ๊กที่หลังๆ ไม่ค่อยมี USB-A ให้ใช้แล้ว หรือจะใช้กับแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่มีพอร์ต USB-C ก็ได้เช่นกัน
ฐานวางไมโครโฟน FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02 นี่ นอกจากจะเป็นโลหะที่ค่อนข้างมีน้ำหนักเยอะแล้ว มันยังมีการติดตั้งแผ่นยางกันลื่นเอาไว้ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าตัวไมโครโฟนจะไม่เคลื่อนที่ได้ง่ายๆ แต่ก็แค่ช่วยได้ในระดับนึงกับบางพื้นผิวนะ บนโต๊ะทำงานของผมที่เป็นไม้โอ๊คประสาน เคลือบผิวมาอย่างดี ผลคือ ลื่น 🤣🤣
ตัวขาตั้งไมโครโฟน ก็มีน้ำหนักประมาณนึง วัสดุเป็นโลหะ ดูแข็งแรงดี ตัวที่ติดกับไมโครโฟน มีลักษณะเป็น Ball head ทำให้เราสามารถหมุนตัวไมโครโฟนไปในตำแหน่งต่างๆ ได้อิสระ และตัวขาตั้งไมโครโฟนก็สามารถปรับก้มเงยได้ 180 องศา สามารถล็อกด้วยลูกบิดได้
ติดตั้งไมโครโฟนเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ อันนี้ยังไม่ได้เสียบสาย USB นะ เราจะเห็นตัวไมโครโฟนด้านบนเป็นรูไมโครโฟนขนาดใหญ่ มีลูกบิดอยู่ตรงกลาง และปุ่มกด 4 ปุ่ม ที่มีสัญลักษณ์ต่างๆ อยู่ด้านล่างสุด
สเปกของไมโครโฟนก็ตามนี้เลยครับ
| สเปก | รายละเอียด |
|---|---|
| ชนิดของไมโครโฟน | Dynamic microphone |
| ความไวของไมโครโฟน | -48dB±2dB |
| ความต้านทาน | 600Ω |
| ทิศทางการรับเสียง | Cardioid |
| การตอบสนองย่านความถี่ | 50Hz – 16,000Hz |
| Sample rate | 48kHz ที่ 16-bit |
| น้ำหนัก | 142 กรัม |
เห็นสเปกน้ำหนักไมโครโฟน 142 กรัม อันนั้นคือเฉพาะตัวไมโครโฟนนะครับ ยังไม่รวมขาตั้งกับฐานที่หนัก 301 กรัม แต่ผมลองชั่งน้ำหนักไมโครโฟนพร้อมฐานแล้ว ได้น้ำหนัก 420 กรัม ก็เลยแอบแปลกใจว่า ทำไมสเปกของไมโครโฟนตัวนี้บอกว่าหนัก 142 กรัม หรือว่าเขารวมน้ำหนักสาย USB ด้วยมั้ง
ตัวไมโครโฟน จะมีปุ่มเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ อยู่ 4 ปุ่ม คือ
🔼 ปุ่มด้านบน เพื่อปรับไมโครโฟน มันจะแสดงเป็นไฟสีต่างๆ เพื่อบอกว่ากำลังปรับอะไรอยู่ ไฟสีขาวคือปรับความดังของไมโครโฟน ไฟสีม่วงคือปรับความดังของหูฟังเวลาต้องการจะมอนิเตอร์เสียง และไฟสีเหลืองคือปรับ Echo เวลาปรับก็ใช้ลูกบิดด้านบนนั่นแหละ ปรับ
◀️ ปุ่มด้านซ้าย เป็นการเปิด-ปิด Auto ducking mode ที่เอาไว้ลดความดังของเสียงเพลงหรือเสียงในเกมที่เรากำลังเปิดอยู่ เพื่อให้เสียงพูดของเราฟังได้ชัดเจนขึ้น เป็นฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับคนกำลังทำ Streaming พวกเกมหรือรายการต่างๆ
▶️ ปุ่มด้านขวา เป็นการเปิด-ปิด Active noise cancelling เอาไว้ตัดพวกเสียงรบกวนโดยอัตโนมัติ
🔽 ปุ่มด้านล่าง เป็นการ Mute ไมโครโฟน
การเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ก็ทำผ่านพอร์ต USB-C ครับ ผมว่าดีกว่าของไมโครโฟน Maono ที่เป็นพอร์ต USB-B ซึ่งไม่ค่อยมีใครใช้กันเท่าไหร่ (มักจะพบในเครื่องพริ้นเตอร์หรือ UPS มากกว่า) และที่น่าสนใจคือ เจ้านี่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. อยู่ด้านขวา เอาไว้เสียบหูฟังเพื่อมอนิเตอร์เสียงที่ไมโครโฟนได้ยินด้วย
ประสบการณ์ในการใช้งานไมโครโฟน FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02
สายเคเบิ้ล USB ที่แถมมาให้ แอบสั้นมาก อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้น ไอ้เส้นที่เอาไว้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนี่ไม่เท่าไหร่หรอก เพราะเราเอามาวางใกล้ๆ กันอยู่แล้ว แต่เส้นที่เอาไว้ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์นี่สิ 110 เซ็นติเมตรแอบสั้นไปสำหรับหลายๆ คนนะผมว่า (แต่โดยส่วนตัวผม ผมไม่มีปัญหาอะไรกับความยาวนี้นะ
การติดตั้งไมโครโฟนก็แอบเสียดายตรงที่มันไม่มีเกลียวมาตรฐานขาตั้งกล้อง ประเภท เกลียว 1/4 หรือ 3/8 ให้ใช้ ก็เลยทำให้วิธีการติดตั้งไมโครโฟนทำได้แค่วางบนฐานตั้งที่ให้มาเป็นหลัก ผมอยากจะจับไมโครโฟนแบบใช้พวกขาตั้งแบบหนีบกับโต๊ะบ้างอะไรบ้าง ก็อดครับ
ทีนี้ลองมาดูกันว่าไมโครโฟนคุณภาพเป็นยังไงบ้าง ผมก็ลองหมุน Volume ของไมโครโฟนให้ดังประมาณนึง แล้วลองบันทึกเสียงแบบไม่เปิดโหมด Active noise cancelling ดูครับ คุณภาพเสียงที่ได้ก็ตามคลิปเสียงด้านล่างเลย ลองเล่นดูได้ครับ ผมพูดอยู่ห่างจากไมโครโฟนประมาณ 30 เซ็นติเมตร เป็นระยะจากเก้าอี้ที่ผมนั่งตามปกติ กับตัวไมโครโฟน แล้วก็มีการเปิดพัดลมให้พัดเอาลมแอร์จากในห้องนอนมาที่ห้องทำงานที่ระเบียงห้องของผม ก็จำลองประมาณว่าผมกำลังพูดประชุมออนไลน์อยู่นั่นแหละ
ซึ่งก็ถือว่าไม่แย่ครับ สำหรับการใช้งานแบบประชุมออนไลน์ของผม คือ ไม่เปิดให้เสียงดังมากจนเกินไป แล้วอาศัยว่าพูดเสียงดังประมาณนึง ต่อให้มีเปิดทีวีดูอยู่ในห้องนอนที่อยู่ห่างไป 2 เมตร เสียงอาจจะมีแว่วเข้ามาบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร ทีนี้ผมก็อยากลองดูว่า ถ้าเปิด Active noise cancelling มันจะช่วยได้กี่มากน้อย โดยผมลองจากความดังของไมโครโฟนที่ผมเซ็ตไว้ตอนลองแบบไม่มี Active noise cancelling ก่อน ผลก็ตามคลิปด้านล่างครับ
ใช่ครับ ตลอด 20 วินาทีที่ผมอัดเสียง ไม่มีเสียงบันทึกเข้าไปเลย เพราะพอมีเสียงทีวีเปิดอยู่แว่วๆ และเสียงของผมที่ห่างไป 30 เซ็นติเมตรก็ไม่ได้ดังมาก ผลคือ ตัวระบบ Active noise cancelling มันคิดว่าเสียงของผมก็เป็น Noise เลยตัดออกหมดเลยจ้า เวรกรรม 🤣🤣 เลยต้องลองใหม่ แล้วปรับ Volume ของไมโครโฟนให้ดังขึ้นครับ
ผลที่ได้คือ คราวนี้เสียงถูกบันทึกแล้ว แต่รู้สึกเหมือนเสียงสะดุดๆ ครับ เพราะ Active noise cancelling มันดูดเสียงบางส่วนของผมออกไปเพราะคิดว่าเป็น Noise ครับ
จากการทดสอบ และลองใช้งานพักใหญ่ๆ ได้ข้อสรุปมาแบบนี้ครับ
👍 ตัวไมโครโฟน FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02 เป็นไมโครโฟนที่ฟีเจอร์ดี มีทั้ง Active noise cancelling และ Auto ducking mode ที่ให้ประโยชน์แก่คนที่ทำพวก Live streaming อย่างมาก และปุ่ม Mute ไมโครโฟนนี่ก็บอกเลยว่ามีประโยชน์ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องประชุมออนไลน์ ไม่ต้องลากเมาส์ไปกด Mute เลย กดปุ่มจากไมโครโฟนเร็วกว่า
👍 ใช้งานง่าย ปรับ Volume ของไมโครโฟนได้ด้วยลูกบิดที่อยู่ตรงด้านหน้าไมโครโฟนสะดวกดี ไมโครโฟนไวต่อเสียงใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องพูดใกล้ๆ ไมโครโฟนก็ได้ ถ้าจะประชุมออนไลน์ ดีไซน์เก๋ และวางเป็นแนวตั้งด้วย ประหยัดพื้นที่พอสมควร
👍 ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ด้วย เพราะเชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB-C ฉะนั้นใครที่ทำงานสร้างเนื้อหา หรือทำ Live stream บนอุปกรณ์พวกนี้ แล้วอยากได้ไมโครโฟนไว้ใช้อัดเสียง FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02 ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกันนะ
👍 มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. สำหรับเอาไว้มอนิเตอร์เสียง โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์จำพวก Sound mixer มาช่วย ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนทำงานด้านบันทึกเสียง เพราะจะได้ยินเสียงจากที่ไมโครโฟนได้รับเลย ถ้าเกิดมันมีเสียงรบกวนหรือ Noise ใดๆ ก็จะได้รู้เลย
🤔 คุณภาพเสียงที่ได้แม้จะค่อนข้างโอเค แต่ต้องบอกว่ามันเน้นเสียงย่านกลางค่อนข้างมาก ส่งผลให้เสียงออกมาดูแบนๆ ไม่ค่อยมีมิติ แต่เสียงเท่าไหร่ ผมลองเทียบกับเสียงที่ได้จากไมโครโฟน Maono ที่ผมใช้อยู่ ผมรู้สึกว่าผมชอบโปรไฟล์เสียงของ Maono มากกว่า
👎 Active noise cancelling (ANC) ตัดเสียงรบกวนโหดไปหน่อย ถ้าพูดในห้องที่ไม่เงียบ แล้วพูดเสียงไม่ดัง แถมเราไม่ได้เปิด Volume ของไมโครโฟนเยอะๆ (เพราะไม่อยากให้เสียงแบ็กกราวด์มันเข้าไมค์) ไอ้ ANC นี่มันตัดเสียงเราเป็นเสียงรบกวนแทบทั้งหมดได้เลย สุดท้ายสำหรับการใช้งานของผม เพื่อประชุมออนไลน์ ผมก็เลือกที่จะไม่เปิด ANC ครับ ส่วนใครที่จะทำ Live streaming หรือ บันทึกเสียง มีห้องเงียบๆ อยู่แล้ว ก็ไม่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ ANC อีกนะ ผมเลยมองว่าสำหรับหลายๆ คน ฟีเจอร์นี้ก็กลายเป็นแค่กิมมิก
บทสรุปการรีวิวไมโครโฟน FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02
โดยรวมแล้ว ผมว่าไมโครโฟน FANTECH LEVIOSA LIVE MCX02 นี่คือโอเคนะ เป็นไมโครโฟนที่ดี ยิ่งถ้าเกิดได้ใช้ในห้องที่มีการเก็บเสียงดี ห้องเงียบ มันคือดีงามมาก เพราะทั้งคุณภาพเสียงที่ได้ และฟีเจอร์ที่มีให้กับราคาแค่พันต้นๆ คือโอเคมาก สำหรับตัวผมเอง จะตะหงิดๆ ก็แค่เรื่องที่โปรไฟล์เสียงมันแอบแบนไปหน่อย เพราะเน้นให้เสียงพูดมันชัดเจนนั่นแหละ ใครสนใจไมโครโฟนตัวนี้
