รีวิว Rapoo C500 กล้องเว็บแคม 4K ในราคาไม่ถึง 2 พันบาท!!

สำหรับคนที่อยากให้ภาพของตัวเองออกมาดูดีเวลาที่เปิดกล้องเว็บแคมตอนประชุมออนไลน์ ก็อยากจะใช้กล้องเว็บแคมที่มีความละเอียดสูงๆ 4K ได้ยิ่งดี ภาพจะได้ชัดๆ แต่ปัญหาก็คือราคามันแอบแรงอยู่ไม่น้อย ยี่ห้อดีๆ นี่คือห้าพันปลายๆ ขึ้นไปเลย แต่ Rapoo C500 นี่เป็นกล้องเว็บแคมความละเอียดสูง 4K ที่มีค่าตัวแค่ไม่ถึง 2 พันบาท มันจะใช้แล้วเวิร์กไหมเนี่ย ผมก็ไปสอยมารีวิวให้อ่านกันล่ะ

ดูรูปร่างและดีไซน์ของกล้องเว็บแคม Rapoo C500 4K

แกะกล่องกล้องเว็บแคม Rapoo C500 4K ออกมา สิ่งที่เราจะได้ก็ค่อนข้างเรียบง่ายมากเลยครับ คือ มีตัวกล้องเว็บแคมที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร ฝาสำหรับปิดเลนส์กล้อง และสาย USB-A to USB-C มาให้อีกเส้นนึง ตัวสายนี่ยาวเอาเรื่องครับ 160 เซ็นติเมตรโดยประมาณ เรียกว่าจะต้องเอาไปติดตั้งตรงไหน คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เราจะเสียบอยู่ตรงไหน หมดห่วงเลยครับ สายน่าจะไปถึงหมด

ตัวกล้องไม่ได้มีรายละเอียดอะไรเยอะครับ ด้านหน้าที่เราจะเห็นก็คือเลนส์กล้องที่มีขนาดใหญ่มากๆ เพื่อให้สมน้ำสมเนื้อเซ็นเซอร์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เพื่อให้สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ได้ ตัวกล้องมีความกว้างค่อนข้างมาก คือ 14 เซ็นติเมตร ใหญ่กว่าขนาดไหน ก็ให้คิดแบบนี้ครับ กล้องเว็บแคม Full HD 1080p อะ มันกว้างประมาณ 8 เซ็นติเมตรเท่านั้นเอง บริเวณด้านซ้ายและขวาของตัวกล้องด้านหน้า เราจะเห็นรูเล็กๆ นั่นคือไมโครโฟนครับ บันทึกเสียงได้แบบสเตริโอ

ส่วนด้านหลังของตัวกล้อง ไม่มีอะไรมาก ก็จะมีพอร์ต USB-C เอาไว้เสียบกับสายที่ให้มาในกล่องนั่นแหละ จุดสังเกตคือตัวฐานกล้อง ที่ออกแบบมาให้ใช้แบบแขวนหน้าจอ หรือวางบนโต๊ะหรือพื้นผิวใดๆ ก็ได้ โดยสามารถยกตัวกล้องให้สูงขึ้นมาได้ และสามารถปรับให้หน้ากล้องก้มหรือเงยเพิ่มได้อีก

ด้านใต้ของฐานกล้องเว็บแคม Rapoo C500 4K นี่ก็มีร่องเกลียว 1/4 เอาไว้ให้ไปติดกับอุปกรณ์จำพวกขาตั้งกล้องต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งหลายๆ คนน่าจะได้ใช้ ในกรณีที่ไม่ชอบวางกล้องเว็บแคมแบบแขวนไว้บนหน้าจอ และเดี๋ยวนี้เว็บอย่าง Lazada หรือ Shopee ก็มีขายพวกขาตั้งกล้องเว็บแคมหลายแบบ ทั้งแบบวางบนโต๊ะและแบบหนีบขอบโต๊ะก็มี

ประสบการณ์ในการใช้งานกล้องเว็บแคม Rapoo C500 4K

ตอนซื้อนี่ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความอยากได้กล้องเว็บแคมความละเอียด 4K เลยครับ เพราะราคามันยั่วใจมาก แค่ 1,999 บาท ซึ่งตอนผมซื้อนี่ได้ส่วนลดจาก Cashback ของ Lazada ไป 342.20 บาท และได้ Cashback คืนมาอีก 200 บาท โดนค่าส่งไป 25 บาท รวมๆ แล้ว จ่ายไป 1,481.80 บาท เรียกว่าคุ้มมาก

แต่พอเอามาติดตั้งจริงๆ ผมพบกับข้อจำกัดหลายอย่างเลยครับ เริ่มจากขนาดของตัวกล้องเว็บแคมที่ใหญ่มาก ถ้าใครใช้จอคอมพิวเตอร์แบบ 16:9 ขนาดซัก 24-27 นิ้ว และใช้ไฟแขวนจอด้วย (อย่างของผมนี่ใช้ BenQ Screenbar Plus ครับ) นี่บอกเลยว่าหาทางวางแขวนจอยากเลย และข้อจำกัดสำคัญที่สองก็คือ ตัวกล้องเว็บแคมมันไม่สามารถหมุนซ้าย-ขวาได้ครับ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ออกแบบมาให้หมุนได้ แต่นั่นแหละ มันเลยทำให้มีปัญหาเวลาจะติดตั้งใช้งานสำหรับผม เพราะถ้าผมเอาไปแขวนจอแถวๆ ด้านซ้ายหรือด้านขวา ภาพตัวผมก็จะไม่ได้อยู่ตรงกึ่งกลางของหน้าจอครับ

สุดท้ายเนี่ย ก็เลยต้องแวะไป Mr. DIY ไปซื้อขาตั้งกล้องแบบ Tripod ที่เป็นขาปลาหมึก ซึ่งผมจะสามารถดัดขาให้ไปเกาะอยู่เหนือไฟแขวนจอได้แบบค่อนข้างมั่นคง ถ้ามองในแง่ฟังก์ชันก็ถือว่าแก้ปัญหาเรื่องการติดตั้งไปได้ แต่ถ้ามองในแง่ของความสวยงาม ขอให้ศูนย์เต็มสิบอะ 🤣🤣 ใครจะซื้อมาใช้งานต้องคิดเผื่อตรงนี้ด้วยนะครับ

ตัวกล้องด้านหน้ามีไฟ LED เอาไว้แสดงผลเวลาที่กล้องกำลังทำงานอยู่ แต่สำหรับคนที่ห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัว กลัวใครเขาจะแฮกกล้องเว็บแคมมาแอบส่องเรา เขาก็มีแถมฝาปิดเลนส์กล้องมาให้ครับ แค่สวมเข้าไป พอไม่ใช้กล้องเว็บแคมก็ปิดฝาลง จบ

พอได้ใช้งานกล้องเว็บแคม Rapoo C500 4K จริงๆ แล้ว ก็เลยบางอ้อว่าทำไมราคามันถูกจัง นั่นเพราะว่าตัวกล้องมันไม่ได้มีฟีเจอร์เหมือนพวกกล้องแพงๆ ครับ โดยเฉพาะการทำ Auto exposure หรือ ปรับความสว่างของภาพโดยอัตโนมัติ การทำ Auto focus และ HDR เท่าที่ผมลองใช้คือ ถ้าใช้ตอนกลางวัน แล้วในห้องทำงานผมเนี่ยด้านหลังจะมีแสงสว่างเข้ามา ผลที่ได้คือ ผมหน้ามืดในทันทีครับ ถ้าจะแก้ไขก็ต้องเลือกระหว่างการจัดแสงให้เอาไฟมายิงสู้ หรือไม่ก็ต้องหาซอฟต์แวร์มาช่วยปรับ Exposure ครับ ซึ่งในกรณีของผม คอมพิวเตอร์ของผมใช้การ์ดจอ NVIDIA ก็เลยสามารถใช้ซอฟต์แวร์ NVIDIA Broadcast ในการช่วยปรับได้

อีกเรื่องนึงคือเรื่องมุมมองของกล้องที่ค่อนข้างกว้าง สเปกไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะประมาณ 90 องศา สำหรับคนที่จัดห้องมาดีๆ ก็ไม่น่าติดอะไรครับ เพราะเท่าที่ผมลองดู มันกำลังดีมาก ตัวเราไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป เห็นภาพรอบๆ ตัวเราได้กำลังดี แต่กับผมที่ห้องรกๆ เนี่ย ผมก็อยากจะให้ภาพมันซูมเข้ามาหน่อย อย่าเห็นอะไรเยอะ มันก็ทำไม่ได้ เพราะกล้องเว็บแคม Rapoo C500 4K ตัวนี้ ไม่มีซอฟต์แวร์ใดๆ ให้ปรับแต่งครับ

ผมก็ต้องใช้ NVIDIA Broadcast นี่แหละช่วยครับ ทั้งซูมภาพเข้ามา และใช้ฟีเจอร์ Auto frame ช่วยให้ปรับตัวผมให้อยู่ตรงกลางของเฟรมภาพเสมอ ซึ่งหากเป็นคนที่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีการ์ดจอ NVIDIA เนี่ย ก็ต้องใช้วิธีอื่นเช่น ไปใช้โปรแกรมอย่าง OBS Studio ช่วยปรับเฟรมภาพก่อน (แบบ Manual) แล้วค่อยเอา OBS Studio มาทำตัวเป็น Virtual camera เพื่อนำภาพไปแสดงบนโปรแกรมประชุมออนไลน์แทน หรือถ้าใครอยากได้แบบจัดการให้โดยอัตโนมัติ ก็อาจจะต้องจ่ายตังค์ซื้อ YouCam 10 Deluxe ($59.99) หรือ YouCam 365 ที่เป็นแบบ Subscription ($3.33 ต่อเดือน เมื่อสมัครรายปี)

ผมเทียบกับภาพที่ได้จากกล้อง Logitech BRIO 4K Pro webcam แล้ว บอกเลยว่าถ้าอยากได้ภาพสวยแบบไม่ต้องเซ็ตอะไรเยอะ ยอมจ่ายแพงเถอะ เพราะราคาที่คุณจ่ายมันแลกกลับมาด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโฟกัสอัตโนมัติ การปรับสีและแสงโดยอัตโนมัติ รวมถึงซอฟต์แวร์ที่เข้ามาช่วยปรับแต่งภาพจากกล้องได้อีก แต่ถ้าคุณต้องการประหยัดเงินค่ากล้อง มันก็แลกมาด้วยการที่เราอาจจะต้องจัดแสงในห้องให้ดี หรือต้องหาซอฟต์แวร์มาช่วยปรับแต่ง ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายตามมาอีกไม่น้อยเลยนะ

บทสรุปการรีวิวกล้องเว็บแคม Rapoo C500 4K

บอกตรงๆ นะ ถ้าคุณมีแค่คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเดสก์ท็อปหรือโน้ตบุ๊ก แล้วอยากได้เว็บแคมที่จะให้ภาพคมชัดตามแบบฉบับความละเอียด 4K ให้แสงและสีที่ดีแบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมมาก คุณควรจะยอมควักเงิน 5-6 พันบาท ซื้อกล้องเว็บแคมดีๆ อย่าง Logitech BRIO 4K ไปเลยดีกว่า แต่ถ้าที่บ้านคุณมีอุปกรณ์จำพวกไฟแสงสว่างที่ดีพอ หรือใช้คอมพิวเตอร์ที่มีการ์ดจอ NVIDIA อยู่แล้ว ก็จะประหยัดเงิน ไม่ต้องซื้อกล้องเว็บแคมราคาแพงๆ ได้ แล้วมาใช้ Rapoo C500 4K ตัวนี้แทน เพราะข้อจำกัดใดๆ ก็ชดเชยได้ด้วยการจัดไฟและซอฟต์แวร์อย่าง NVIDIA Broadcast นี่แหละครับ