ถ้าคุณมือไวจริงๆ ผมเชื่อว่าซื้อได้ในราคาไม่ถึง 4 พันบาทด้วยซ้ำ สำหรับจอ UPERFRECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3 ตัวนี้ แต่สำหรับผม ทั้งกดโค้ดส่วนลดสินค้า ค่าส่ง และ Cashback รวมกันแล้ว ก็ประมาณว่าซื้อเจ้าจอนี่มาในราคา 4,146.30 บาทครับ ก็ถือว่าคุ้มเอาเรื่องอยู่ สำหรับจอพกพาที่บาง เบา และให้ขอบเขตสี (Color gamut) ได้ระดับ DCI-P3
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
จอพกพา UPERFECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3 ตัวนี้ ซื้อมาใช้เองครับ เลยถือโอกาสรีวิวให้ได้อ่านกันด้วย เพราะเท่าที่เห็น ของพวกนี้ไม่ค่อยมีใครรีวิวกันซักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ก็มีขายกันเกลื่อนกลาดมากเลย
แกะกล่อง UPERFECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3 ดูก่อนว่ามีอะไรบ้าง
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแม้ร้านจะชื่อ UPERFECT และเขาก็มีเว็บไซต์ของเขาเองด้วย โดยเขาโฆษณาตัวเองว่าเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในวงการผลิตและพัฒนาจอ LCD แสดงผลมากว่า 10 ปี ผมเข้าใจว่าเขาน่าจะทำตัวเป็น OEM ครับ เพราะตอนที่ของส่งมาที่บ้านอะ สิ่งที่ผมได้คือกล่องแบบรูปข้างล่างนี่เลยครับ เป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาล มีสกรีนข้อความ Portable monitor เฉยๆ เลย

แกะกล่องออกมา สิ่งที่เราจะได้ก็จะมีตัวจอ UPERFECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3 ที่ติดเคสแบบแม่เหล็กมาให้เลย มีคู่มือภาษาอังกฤษที่เป็นการพิมพ์สีแบบง่ายๆ มาให้อันนึง สายเคเบิล 3 เส้น ประกอบไปด้วย USB-C to USB-C, HDMI และ USB-A to USB-C กับอะแดปเตอร์แบบ 5V3A USB-A 1 พอร์ต ให้อีกอันนึง ก็เรียกว่าครบเครื่องสำหรับการใช้งาน

ดีไซน์ของจอ เขาว่าบาง แต่มันก็บางแค่ส่วนด้านบนของหน้าจอนะ ตรงด้านล่างจะหนาหน่อย เพราะมันต้องมีพอร์ตการเชื่อมต่อต่างต่างนานาอยู่ตรงนั้น ด้านซ้ายของจอแสดงผลจะมีพอร์ต USB-C ให้ 2 พอร์ต รองรับ Display port และ Power delivery ทั้งคู่ และมีพอร์ต Mini HDMI ให้อีกพอร์ตนึง เขาไม่บอกสเปกมา แต่คิดว่าน่าจะเป็น HDMI 1.4b ครับ คือ มันไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เพราะสเปกของหน้าจอแสดงผลก็แค่ Full HD @ 60fps ไม่เกินนั้นแหละ

ด้านขวาของจอ เป็นปุ่ม Power ไฟ LED สีน้ำเงินแสดงสถานะของการทำงาน ปุ่มเมนูที่เป็นแบบ Dial และช่องออดิโอ 3.5 มม. ที่รองรับแค่เสียงเท่านั้น ใช้กับหูฟังแบบไมโครโฟนไม่ได้นะครับ ตัวจอเนี่ยถือว่าบางครับ ส่วนที่บางที่สุดจะหนาแค่ 4.6 ม.ม. เท่านั้น และส่วนที่หนาสุดก็จะ 9 ม.ม. เศษๆ



ส่วนด้านหลังเราจะเห็นลำโพงแบบสเตริโอเล็กๆ 2 ตัว กับขาตั้งแบบ Kickstand ที่สามารถกางได้ 0-65 องศา ให้เราสามารถตั้งจอใช้งานแบบแนวนอนได้โดยไม่ต้องไปง้อขาตั้งใดๆ เพิ่มเติม ตัวจอแสดงผลคือค่อนข้างเบา มีน้ำหนักประมาณ 626 กรัมเท่านั้น แต่ที่แตกต่างจากจอพกพาทั่วไปที่ผมเจอคือ เจ้านี่จะไม่รองรับการใช้งานกับขาจับจอแบบ VESA นะครับ ถ้าจะใช้ อาจจะต้องไปซื้อตัวแปลง VESA ให้กลายเป็นตัวหนีบจอแทน

เคสที่แถมมาให้ เป็นแบบที่ติดกับตัวจอด้วยแรงแม่เหล็ก นอกจากจะเอาไว้ป้องกันจอเป็นรอยเวลาเราจะต้องพกพาไปไหนมาไหนใส่กระเป๋าแล้ว ก็ยังใช้เป็นขาตั้งจอได้ แต่ก็เพราะว่ารุ่นนี้มันมี Kickstand ในตัวที่ปรับมุมได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ ยกเว้นเราจะเอาจอไปตั้งบนพื้นที่ขรุขระ ที่เราก็กลัวว่ามันจะทำให้ขอบจอเป็นรอยเสียหาย
โดยรวมถือว่าเป็นจอพกพาขนาดใหญ่กำลังดี 15.6 นิ้ว ที่น้ำหนักไม่หนักมาก พกไปคู่กับโน้ตบุ๊กเพื่อจะได้มีจอเสริมใช้งานสำหรับคนที่ติดการใช้งานแบบหลายๆ จอแบบผมก็ถือว่าโอเคอยู่นะ หรือใครอยากได้เป็นจอพกพาเอาไว้เสียบกับเครื่องเกมพกพาเช่น Nintendo Switch ก็ถือว่าไม่เลว
ลองใช้งานจอ UPERFECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3 แล้วเป็นยังไงบ้าง?
ก่อนอื่นเลย ที่อยากรู้ที่สุดคือขอบเขตสีของจอครับ เพราะว่าเขาโฆษณาเอาไว้ว่าเป็น QLED ให้สีสันได้สูงสุดระดับ 1 พันล้านสี และขอบเขตสี DCI-P3 นี่คือ 100% ผมก็เอา Spyder X Elite ทำการ Calibrate เลย เพื่อดูว่าเป็นยังไงบ้าง และก็ถือโอกาสเป็นการ Calibrate ก่อนใช้งานด้วยซะเลย ผลที่ได้ก็คือ 100% sRGB 87% NTSC 89% AdobeRGB และ 99% DCI-P3 ครับ ซึ่งก็เรียกว่าทำได้ตามสเปกที่เขาโฆษณาเอาไว้แหละ




ตัวจอแสดงผลก็สามารถปรับตั้งค่าได้ประมาณนึง คือ ความสว่าง ระดับความดำของสีดำ ค่า Contrast และมันมีฟีเจอร์ DCR (Dynamic Contrast Ratio) ที่ช่วยปรับค่า Contract ให้เหมาะสมไปกับเนื้อหาที่นำเสนอด้วย เช่น ถ้าเนื้อหามันสว่างๆ จอแสดงผลก็จะสว่างเวอร์วังเลย ถ้าเนื้อหามันมืดๆ ทึมๆ จอก็จะทึมๆ ลงมาเช่นกัน
ตัวอุณหภูมิสีก็สามารถปรับได้ แต่จะปรับได้แค่ Cool, Warm และ User เท่านั้น ซึ่งอันหลังเราก็ต้องมาปรับค่าสี RGB (แดง เขียว น้ำเงิน) เอาเอง ปกติแล้วไม่ค่อยปรับกันหรอกครับ มักจะปรับกันแค่ความสว่างกันเป็นหลักแหละ

ฟีเจอร์ที่เหลือก็จะเป็นเรื่อง
🔹โหมด HDR (High Dynamic Range) เมื่อเปิดใช้งานแล้ว เท่าที่สังเกต มันจะเปิดฟีเจอร์ DCR ด้วยเลย ส่งผลให้ความสว่างของหน้าจอก็จะแปรผันไปตามเนื้อหาที่แสดงอยู่บนหน้าจอด้วย พอเปิดพวกเนื้อหาที่สีขาวหรือสีสว่างๆ เยอะ จอจะสว่างจ้ามากจนแสบตาได้เลย ผมเลยเลือกปิดโหมดนี้ตลอด
ผมตั้งข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ แม้ว่าจอแสดงผลจะมีโหมด HDR แต่พอเสียบกับ Windows 11 แล้ว มันบอกว่าไม่ได้รองรับ HDR นะ เอ ยังไงหว่า

🔹การรองรับ FreeSync ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการซิงก์อัตราการรีเฟรชภาพของหน้าจอให้ตรงกับอัตราที่การ์ดจอสร้างเฟรมใหม่ เพื่อให้ภาพดูลื่นไหล ไม่กระตุก แต่จะมีประโยชน์แค่ในกรณีที่ใช้กับการ์ดจอของค่าย AMD เท่านั้น ดังนั้นผมที่ใช้คอมพิวเตอร์การ์ดจอ NVIDIA RTX2060 ก็เลยไม่ได้ใช้อีกเช่นกัน
🔹ลดแสงสีฟ้า (Low blue light) ของหน้าจอลง เพื่อให้สบายตาขึ้น อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับใครที่รู้สึกว่าการมองหน้าจอที่มีแสงสีฟ้าแล้วมันทำให้สายตาเมื่อยล้า (อันนี้ต้องบอกก่อนว่าทฤษฎีที่ว่าแสงสีฟ้าเป็นอันตรายต่อดวงตาหรือไม่นั้น มันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนนะ เช่น ในเว็บไซต์ของโรงพยาบาลกรุงเทพก็บอกว่ามันมีผลต่ออาการเมื่อยล้าของสายตา ตาแห้ง มองภาพแล้วเบลอ อะไรแบบนี้ ส่วนเว็บไซต์ของ Harvard เขาบอกว่าในขณะที่แสงสีฟ้ามันเป็นอันตรายต่อดวงตา แต่ระดับความสว่างของหน้าจอสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone ที่สว่างสุดอยู่ที่ 625 cd/m2 นั้น เอาจริงๆ ก็ยังสว่างไม่เท่าแสงสว่างในห้างร้านซักเท่าไหร่เลย ดังนั้นหากไม่ได้ดูหน้าจอในห้องมืดๆ ก็ยากที่จะแสบตาครับ

แต่การลดแสงสีฟ้าลงก็แลกมาด้วยการแสดงผลสีที่ผิดเพี้ยนไปนะครับ ถ้าเปิดแบบเต็มร้อยดูแล้วเห็นได้ชัดเจนเลยว่าสีเพี้ยนจัดๆ ครับ สีขาวนี่กลายเป็นเหลืองมะนาวไปเลยทีเดียว ก็เป็นอีกฟีเจอร์นึงที่ปกติผมไม่ได้ใช้งาน เพราะโดยส่วนตัวผมเองก็ไม่มีปัญหากับแสงสีฟ้าอยู่แล้วด้วย
โหมดการใช้งานปกติของจอ UPERFECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3 ก็คือ การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต HDMI ซึ่งในกรณีนี้ก็จะต้องมีการจ่ายไฟเข้าพอร์ต USB-C (พอร์ตไหนก็ได้) ด้วย ซึ่งภายในแพ็กเกจของจอนี้ เขาก็มีการแถมอะแดปเตอร์ 5V3A มาให้แล้วนะ แต่สำหรับโน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตบางรุ่น ที่รองรับการแสดงผลผ่านพอร์ต USB-C แล้วยังสามารถจ่ายไฟจากพอร์ต USB-C ได้มากพอด้วย ก็สามารถเชื่อมต่อกับจอแสดงผลนี้ได้ผ่านสาย USB-C เส้นเดียวเลยครับ ซึ่งเท่าที่สังเกตมันเป็น Alt mode ด้วยครับ (ผมเคยมีปัญหากับการต่อสัญญาณภาพผ่านพอร์ต USB-C กับจอพกพาตัวแรกของผม เพราะมันไม่รองรับ Alt mode ทำให้แม้จะต่อสัญญาณภาพผ่านพอร์ต USB-C ก็ยังต้องจ่ายไฟเพิ่มอยู่ดี)


ซึ่งเรียกว่าค่อนข้างสะดวกสบายเลย เพราะปัจจุบัน สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ที่รองรับฟีเจอร์การเชื่อมต่อกับจอแสดงผลผ่านพอร์ต USB-C ก็มักจะรองรับการจ่ายไฟให้กับจอพกพาในตัวได้ซะเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว และโน้ตบุ๊กในปัจจุบันก็รองรับการเชื่อมต่อแบบนี้ซะเป็นส่วนใหญ่แล้ว ถ้าสามารถต่อจอผ่านพอร์ต USB-C ได้ (แต่ไม่ใช่ทุกรุ่นที่มีพอร์ต USB-C จะทำแบบนี้ได้นะ บอกไว้ก่อน)
จุดที่น่าสนใจอีกเรื่องคือการที่มันสามารถปรับระดับของสีดำ (Black level) ได้ ซึ่งผมว่าทำได้ดีนะ คือ มันไปทำให้สีดำมันมีความดำมากขึ้นได้จริงๆ ในขณะที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสีอื่นๆ ผิดเพี้ยนไป ใครที่กำลังดูคอนเทนต์ที่ต้องการสีดำหรือโทนทึมๆ ได้ดำและทึมกว่าปกติ ไปปรับลดระดับของสีดำให้ลงต่ำๆ ได้เลยครับ แต่โดยปกติ ค่า Default คือ 50 นี่ผมก็ว่าโอเคดีอยู่แล้ว จุดที่ทำก็ถือว่าดำดีอยู่
อีกเรื่องนึงที่จอ UPERFECT ตัวนี้ทำได้ดีคือ มันไม่มีแสงสว่างแลบออกบริเวณขอบจอเลยครับ สำหรับจอพกพาราคาประมาณ 5 พันบาทแบบนี้ ผมว่าโอเคอยู่
โดยรวม ผมชอบจอตัวนี้เลยแหละ เลยเอามาใช้เป็นจอที่แนวนอนขนาดเล็กอีกตัวสำหรับเซ็ตคอมพิวเตอร์หลักที่บ้านของผม แต่มันก็มีข้อน่าติบางเรื่องที่อดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึง ซึ่งบางอย่างก็น่าติจริงๆ บางอย่างมันก็เป็นความไม่ชอบส่วนตัวครับ นั่นคือ
😡 จอมันเป็นแบบ Glossy มันน่ารำคาญเวลาเปิดไฟห้องแล้วมองจอในมุมประมาณนึง มันจะสะท้อนแสงเข้าตาอะ ห้องผมนี่มีทั้งไฟบนเพดาน มีทั้งไฟแขวนจออีก โดยส่วนตัวผมชอบจอแบบด้าน (Matte) มากกว่า
😡 ไม่รู้ทำไม แต่อิจอนี่มันดันไม่จดจำค่าความสว่างของหน้าจอที่เราตั้งเอาไว้ครับ เปิดจอมาทีไรความสว่าง 15% เสมอครับ แล้วผมก็ต้องมาปรับความสว่างทุกที ถ้าไม่อยากปรับให้สว่างเอง ก็ต้องเปิดโหมด DCR แต่เวลามันแสดงผลเนื้อหาที่สว่างๆ จอมันก็สว่างไปอีก แล้วในโหมดนี้มันคือออโต้ไง ปรับอะไรไมาได้อีก เวรกรรม ไม่มีทางสายกลางเลย
😡 สเปกจอบอกว่าความสว่าง 500 nits ผมก็ไม่มีเครื่องวัดหรอกนะ แต่จากที่ลอง Calibrate จอดูพบว่า ถ้าเราอยู่ในโหมด Manual ละก็ ความว่างจะได้ไม่มากนัก จอได้ความสว่างแค่ประมาณ 80 cd/m2 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก (จำได้ไหม ผมบอกว่า iPhone สว่างสุด 625 cd/m2) แต่มันก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานภายในห้องของผม แต่มันจะมีปัญหาหากคุณจะเอามันออกไปใช้งานกลางแจ้งอะ ซึ่งตรงนี้ผมว่า ความสว่าง 500 nits ที่มันว่า น่าจะหมายถึงตอนเปิดโหมด DCR แล้วแสดงเนื้อหาที่สว่างๆ มากกว่า เพราะอันนั้นสว่างแสบตาจริงๆ
😡 ลำโพงสเตริโอของจอที่ให้มา มีเหมือนแค่ให้รู้ว่ามี เสียงเบามาก เบาจนแบบ ไม่ต้องมีก็ได้ เอาออกไปเหอะ 🤣🤣 นี่ยังไม่ต้องนับเรื่องคุณภาพเสียงนะ ซึ่งไม่ต้องรีวิว เพราะแทบไม่ได้ยินอยู่แล้ว และใช่ครับ มันไม่จำด้วยว่าเราตั้งค่าความดังเอาไว้เท่าไหร่ เปิดใหม่ทีไร ตัวเลขกลับไปที่ 20% ทุกที
😡 ในรายละเอียดสเปก มันมีภาพที่โชว์ว่าเอาจอพกพานี่ต่อกับ Nintendo Switch ผ่านสาย USB-C เส้นเดียวได้เลย แต่ผมลองแล้ว มันไม่ได้ครับ สุดท้ายต้องเอา Dongle มาต่อกับ Nintendo Switch แล้วแปลงเป็น HDMI มาต่อกับจออยู่ดี ซึ่งก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ เพราะลำโพงสเตริโอของจอก็เสียงเบาเกินไปอีก ไม่เหมาะจะเอามาเป็นจอพกพาสำหรับใช้กับเครื่องล่นเกมพกพาแน่นอน
บทสรุปการรีวิวจอพกพา UPERFECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3
สนนราคา 5,147 บาท (ไม่รวมค่าส่ง) ก็ถือว่าราคาของจอ UPERFECT 15.6″ QLED Full HD 100% DCI-P3 นี่คุ้มราคาค่าตัวพอสมควรแล้ว เป็นจอพกพาที่น้ำหนักไม่มาก พกเอาไปทำงานนอกสถานที่ได้สะดวก ใครที่ต้องการให้สีตรงหน่อย ตัวนี้เอามา Calibrate ซักนิดคือโอเคเลย และยิ่งหาได้มาในช่วงที่มีโค้ดส่วนลดหรือได้ Cashback คือยิ่งคุ้มเข้าไปอีก ของผมได้มาตอนได้โค้ดส่วนลด และยังได้ Cashback อีก รวมๆ แล้วเหมือนซื้อมาได้ในราคา 4 พันต้นๆ เลยครับ ใครสนใจไปกดใส่ตระกร้าเอาไว้ก่อน ค่อยซื้อตอนเวลามีส่วนลดก็ได้ แต่ใครรีบใช้ ผมว่า 5,147 บาท ราคาก็ไม่เลวนะ เพราะต้องอย่าลืมว่ามันส่งมาจากจีน ใช้เวลาประมาณ 8-10 วันกว่าจะถึงบ้านเรานะ