Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros ซื้อมาเกือบ 2 ปีแล้ว เพิ่งเอามารีวิว 🤣🤣

ปกติผมซื้ออะไรมาแล้วผมก็จะไม่ให้เสียเงินเปล่าๆ จะมารีวิวให้ได้อ่านกัน แต่เจ้า Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros ตัวนี้ ซื้อมาเกือบ 2 ปีแล้วจ้า เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้รีวิวให้ได้อ่านกันเลย 🤣🤣 เจ้าแกดเจ็ตตัวนี้เป็นเกมกดสไตล์เรโทร ย้อนยุค ชวนให้เรานึกถึงเกมเมื่อซัก 30 กว่าปีก่อน สนนราคาค่าตัวจากร้าน LazMall ตอนนี้ประมาณสองพันกว่า แต่ร้านที่ผมซื้อเขาขายตอนนี้ 1,8xx ถือว่าไม่ได้แพงกว่าราคา Official เวอร์วัง ใครอยากรำลึกถึงความหลัง ก็ไปตำกันได้ ส่วนบล็อกตอนนี้ จะมาเล่าให้อ่านว่า มันทำอะไรได้บ้าง

เครื่องเกมกด Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros เนี่ย มันออกแบบมาเป็นของสะสมแบบที่สามารถใช้เล่นได้ด้วย ดังนั้น Nintendo เขาก็เลยดูจะใส่ลูกเล่นเข้าไปเยอะอยู่ครับ ตั้งแต่กล่องใส่เนี่ย ก็จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกล่องจริงๆ เป็นกระดาษ กับส่วนที่เป็นพลาสติกใสหุ้มด้านนอก

ตอนปกติ เราก็จะเห็นว่ามันคือกล่องเครื่องเล่นเกม Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros ที่โชว์ว่าหน้าจอเป็นจอสี มีไตเติ้ลเกม Super Mario Bros. อยู่ พร้อมลวดลายของเกม แต่เมื่อเราถอดพลาสติกหุ้มออก เราก็จะเห็นว่าหน้าจอของเครื่องเกมกดมันกลายเป็นเกม Ball แทน

แกะกล่อง Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros ออกมา สิ่งที่เราจะได้ในกล่องก็จะมีตัวเครื่องเกมกด และสาย USB-A to USB-C มาให้เส้นนึง ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ คู่มือก็ไม่มี เข้าใจว่าเป็นเพราะแกดเจ็ตตัวนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยอะ

ตัวเครื่องเกมกด Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros นี่ ดีไซน์ชวนให้รำลึกถึงความหลังจริงๆ ครับ มันออกแบบมาเป็นเหมือนเกมกดในยุคสมัยก่อน ตัวเครื่องทำจากพลาสติก ขอบสีแดง ตัวเครื่องสีเหลืองทอง มีข้อความเขียนเอาไว้ว่าเป็น Game & Watch และ Super Mario Bros ด้วย ด้านซ้ายมีปุ่มกากบาทสำหรับควบคุมทิศทางของตัวละคร ส่วนด้านขวาครึ่งบนเป็นปุ่ม Game, Tme และ Pause/set ครึ่งล่างเป็นปุ่ม B และ A ตรงกลางของตัวเคร่อง เป็นหน้าจอสีแบบ LCD ขนาดประมาณ 2.75 นิ้ว

มองดูดีๆ เจ้าเครื่องเกมนี้มันก็ดีไซน์ออกมาคล้ายๆ กับจอยเกมเครื่อง NES (หรือบางคนอาจจะรู้จักในนาม Famicom หรือ เครื่อง Family ก็ได้)

ด้านขวาของเครื่องเกม Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros เราจะเห็นปุ่ม Power ซึ่งจริงๆ มันก็คือปุ่มเปิดปิดจอนั่นแหละครับ มันไม่ได้ให้เราสามารถปิดเครื่องในแบบ Shutdown จริงๆ ได้ และมีพอร์ต USB-C เอาไว้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ด้วย

ด้านซ้ายของเครื่องเกมกด Nintendo Game & Watch: Super Mario Bros จะเห็นแค่ลำโพงของตัวเครื่อง ใช่ครับ มันเป็นระบบเสียงแบบโมโน ซึ่งก็ไม่ใช่ประเด็นอะไร เพราะเกมสมัยก่อนนี่เขาไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บระบบเสียงแบบสเตริโอหรอกนะ

ด้านหลังไม่ได้มีอะไรครับ ก็เลยไม่ถ่ายรูปมา 🤣🤣 การใช้งานก็แค่ชาร์จแบตเตอรี่ซะก่อน จากนั้นก็กดปุ่ม Power เพื่อเปิดหน้าจอขึ้นมา ถ้าเรากดปุ่ม Game เราจะสามารถเลือกได้ว่าเราจะเล่นเกมอะไรบ้าง โดยมี 3 เกมให้เลือกเล่น คือ Super Mario Bros. (เราจะรู้จักในนาม Mario 1) Super Mario Bros. 2 (หรือ Mario 2) และเกม Ball ที่มีการออกแบบเป็นพิเศษ ให้ตัวละครเป็น Mario ครับ เกมสุดท้ายคือเกมที่โคตรคลาสสิกจริงๆ เพราะมันอยู่ในยุคที่เรายังไม่มีพวกเครื่องเกมคอนโซลเล่นอะ

ด้วยความที่ดีไซน์ของตัวเครื่องเกมที่ออกมาคล้ายๆ กับจอยเกม มันก็ทำให้เราได้รำลึกความหลังอยู่ไม่น้อย จอเล็กๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ในการเล่นนะในความเห็นของผม ส่วนนึงก็น่าจะเพราะว่าเครื่องเกมสมัยก่อนอะ มันความละเอียดต่ำมาก คือ 256×240 (ในระบบ PAL) หรือ 256×224 (NTSC) พิกเซล อะไรแบบนี้ ในขณะที่ปัจจุบันเทคโนโลยีจอภาพมันความละเอียดสูงมากๆ แล้ว แต่พอจอมันเล็กระดับ 2.75 นิ้ว ภาพมันก็เลยชัดแจ๋วจ้า

เรื่องระบบเสียง ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เพราะเกม Super Mario Bros มันก็แค่ระบบเสียงแบบ 8-bit อะ ลำโพงเลยไม่ต้องแบบดีเลิศอะไรมาก แค่เสียงออกมาดังฟังชัด มันก็แหล่มแล้ว

ถ้าเรากดปุ่ม Time มันก็จะแสดงข้อมูลนาฬิกาขึ้นมาครับ ซึ่งเราสามารถปรับตั้งได้ด้วยการกดปุ่ม Pause/Set เพื่อปรับความดังของลำโพง ความสว่างของหน้าจอ และตั้งเวลาได้ ส่วนตอนที่อยู่ในหน้าจอนาฬิกาอะ เวลากดปุ่ม Time ซ้ำๆ มันก็จะสามารถเปลี่ยนแบ็กกราวด์ของฉากในเกมได้ โดยมีให้เลือก 3 แบบ (แหม่ จริงๆ เกม Mario มันมี 8 Worlds นะ อยากให้มันมีฉากหลัง 8 แบบจริงๆ)

ในระหว่างที่กำลังแสดงผลนาฬิกาอยู่ ตัว Mario และตัวศัตรูในเกมมันก็จะเดินไปเดินมาเรื่อยๆ เหมือนกำลังเล่นเกมอยู่ครับ และหากเราเปิดหน้าจอไว้นานประมาณ 3 นาที มันก็จะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน แล้วดับหน้าจอไปเอง โดยก่อนจะดับก็จะแสดงภาพกราฟิกขึ้นมาด้วย

และเมื่อมันเป็นเกมแนวเรโทร มันก็ต้องมีสูตรลับสิ!!! ใช่ครับ ถ้าเราอยู่ในหน้าจอนาฬิกา แล้วกดปุ่ม A ค้างไว้ 5 วินาที เราจะเข้าสู่โหมดลับ นั่นก็คือ เพลงสอนวาด Mario ครับ

ตัวเครื่องเกมมีแบตเตอรี่แบบ Li-ion สามารถใช้เล่นเกมต่อเนื่องได้ราวๆ 8 ชั่วโมง และการชาร์จแบตเตอรี่จะเป็นแบบโคตรช้าครับ คือ ใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมงกว่าจะเต็ม แต่ถ้าเราไม่ได้เอามาเล่นเกม แค่เอามาเป็นนาฬิกาเฉยๆ ซึ่งต้องกดปุ่ม Power ก่อนเพื่อเปิดดูเนี่ย อยู่ได้นานมากๆ ครับ เป็นเดือนอะ

แต่ข้อเสียคือ เจ้านี่มันปิดเครื่องแบบปิดสนิทไม่ได้ ทำให้เราควรหมั่นชาร์จแบตเตอรี่อยู่เสมอๆ นะครับ ซักเดือนละครั้งกำลังดี ปล่อยทิ้งให้แบตเตอรี่ดับไปนานๆ แบตเตอรี่จะเสื่อมเอา

ใครสนใจอยากสอย ก็กดได้นะ จากลิงก์ด้านล่าง แพงหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องปกติของสินค้าประเภทของสะสมครับ