รีวิว Segway-Ninebot Kickscooter P65U ฟีเจอร์เยอะ มอเตอร์แรงส์

Segway-Ninebot Kickscooter P65U เป็นตัวเลือกนึงสำหรับคนที่ต้องการได้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งยิงยาวได้ระยะทางซัก 36-38 กิโลเมตร โดยที่ได้ความเร็วพอสมควร (35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และยังมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่พอแบกไหวอยู่บ้าง ด้วยมอเตอร์แรงสูงสุด 1,080 วัตต์ ที่มาพร้อมกับยางลมหน้ากว้าง และใหญ่ 10.5 นิ้ว กับฟีเจอร์มากมาย และน้ำหนักตัวรถ 26.9 กิโลกรัม ทำให้ Segway-Ninebot Kickscooter P65U มีความน่าสนใจมากสำหรับผมเลย ผมได้ขี่ไปราวๆ เกือบ 100 กิโลเมตรแล้ว มาอ่านรีวิวของผมว่าเป็นยังไงกันบ้างครับ

งวดนี้ผมไปรับมาเฉพาะตัวรถจากที่ศูนย์ของ MONOWHEEL เลยครับ ฉะนั้นก็จะไม่ได้รีวิวเรื่องการประกอบใดๆ แต่ว่าก็คงจะไม่ต่างจากรุ่นอื่นๆ แหละ คือ มันประกอบมาให้เกือบเสร็จแล้ว แค่ถอดแฮนด์ออกมากองไว้ เราก็แค่ต้องต่อสายไฟ (มันมีขั้วต่อให้ง่ายๆ) กับขันน็อต 4 ตัว เพื่อประกอบแฮนด์เข้ากับคอสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าให้แน่นๆ ตัวน็อตมันก็จะมีการเคลือบสารกันน็อตคลายตัวมาให้แล้ว นอกจากนี้ในกล่องก็จะมีถุงใส่เอกสารจำพวกคู่มือการใช้งาน อุปกรณ์สำหรับขันน็อต การ์ด NFC 2 ใบ สายไฟแบบ AC ที่เอาไว้เสียบชาร์จ เราจะไม่เห็นอะแดปเตอร์ เพราะว่ารุ่นนี้เขามีอะแดปเตอร์แปลงไฟฝังติดมาในเครื่องให้เรียบร้อยแล้ว คล้ายๆ รุ่น MAX แต่ว่าจะไม่รองรับการชาร์จด้วยอะแดปเตอร์สำหรับรุ่น F series

ตัวรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U นี่ แค่เห็นก็รู้สึกได้เลยว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นพอสมควรครับ แฮนด์มีขนาดกว้างขึ้นมาก ล้อก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ฐานสำหรับเหยียบก็มีความกว้างขึ้นมาก พวกบังโคลนก็คือทำออกมาดูดีขึ้นมากทีเดียว โดยเฉพาะบังโคลนหลัง … อ้อ! ต้องขออภัยกับความเขรอะของรถก่อนนะครับ เพราะผมเน้นขี่ลุยเลย แล้วค่อยมาเขียนรีวิว ไม่ใช่ถ่ายรูปเอาสวยๆ ก่อน แล้วค่อยไปลุยเพื่อเอามาเขียนรีวิว 🤣🤣🤣 (จริงๆ คือ อดใจรอถ่ายรูปก่อนค่อยลองไม่ไหว เลยเอาไปลองก่อนซะเลย)

ตัวสกู๊ตเตอร์ที่มีความบึกบึนมากขึ้น มาพร้อมกับล้อที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นล้อยางลมขนาด 10.5 นิ้ว และมีระบบป้องกันยางรั่ว โดยมีสาร Sealant ที่จะมาช่วยอุดลมรั่วให้หากเกิดกรณีทิ่ม ตำ แตก ขึ้น ซึ่งเป็นสเปกที่เหมือนกับ Segway-Ninebot Kickscooter MAX ผมเข้าใจว่าถ้าขนาดแผลไม่ใหญ่เกิน 6 มิลลิเมตร ก็น่าจะแกะเอาตะปูหรืออะไรก็ตามที่ทิ่มตำออก แล้วก็สามารถวิ่งต่อได้ตามปกติ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง แนะนำว่าให้ไปเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนล้อนะครับ แต่หากจะทู่ซี้ใช้ต่อ ก็อย่าลืมหมั่นเติมลมยาง และต้องระวังไม่ให้แตกซ้ำ เดี๋ยว Sealant มันไม่พอไปอุดรูรั่วนะ จะบอกให้

Segway-Ninebot Kickscooter P65U ไม่ใช่รุ่นถัดมาของ MAX นะครับ แต่เป็นรุ่นที่อัปเกรดสูงขึ้นไปอีกตะหาก นอกจากล้อยางลมจะใหญ่ขึ้นทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางและหน้ายางแล้ว ระบบเบรกก็แตกต่างด้วย คือ ล้อหน้าจะเป็นดิสก์เบรก (แบบเบรกสาย) ส่วนล้อหลังจะเป็นระบบเบรกแบบไฟฟ้า บังโคลนดูดีขึ้นมาก แบบที่ว่าน่าจะมั่นใจได้ว่าน้ำไม่ดีดใส่หลังแน่ๆ และยังดูกิ๊บเก๋อีกด้วย ไฟท้ายเนี่ย นอกจากจะกระพริบเวลาเบรกแล้ว ยังมีไฟเลี้ยวให้อีก

มาดูที่ด้านบนกันบ้าง มันคือความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่มาก สำหรับคนที่ใช้ Segway-Ninebot Kickscooter MAX และ F40 อย่างผม แฮนด์กว้างขึ้น แดชบอร์ดมีขนาดใหญ่ขึ้นแบบชัดเจนมาก การแสดงแบตเตอรี่คราวนี้คือแสดงเป็น 10 ขีด ขีดนึงก็แทนแบตเตอรี่ 10% และหากเริ่มกระพริบแสดงว่าแบตเตอรี่หายไปแล้ว 5% แดชบอร์ดแสดงข้อมูลความเร็วในการขี่ โหมดการขับขี่ สถานะของไฟหน้า และพวก Error ต่างๆ ไว้ให้ด้วย และตรงนี้มีจุดสำหรับแตะการ์ด NFC ที่เอาไว้เปิดเครื่องและปลดล็อกตัวรถด้วย

แฮนด์ด้านซ้าย มีเบรก มีปุ่มแตรไฟฟ้า สวิตช์ไฟเลี้ยว และสวิตช์เปิดปิดไฟหน้า ส่วนแฮนด์ด้านขวา มีสวิตช์คันเร่ง สวิตช์เปิด-ปิดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และสวิตช์สำหรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ อันนี้บอกเลย ดีใจมากที่ในที่สุดมันก็มีไฟเลี้ยว มีแตรไฟฟ้าซะที คือสำหรับคนที่ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปทำงานแบบผม ที่ลงถนนด้วย มันคือของสำคัญเลยครับ

แต่อย่างที่เห็นว่าแดชบอร์ดของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U มันมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้มีสิ่งที่หายไป นั่นก็คือ พื้นที่ของแฮนด์มันไม่เหลือพอที่จะให้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมใดๆ เลย ซึ่งรวมถึง Rail bar สำหรับติดตั้งบนแฮนด์จักรยาน ที่ปกติก็จะสามารถติดตั้งได้เพื่อขยายพื้นที่ไว้ให้ติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ตัวจับสมาร์ทโฟน หรือ กล้อง Action cam

ตรงนี้ทาง Segway-Ninebot เขาเลยมีการเจาะรูเอาไว้ให้สามารถใช้ยึดอุปกรณ์เสริมที่เป็น Extension unit ซึ่งผมก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตานะ พยายามค้นรูปแล้วก็หาไม่เจอ แต่มันจะเป็นเหมือนตัวเพิ่ม Rail bar เพื่อให้ใช้ยึดอุปกรณ์อย่างตัวจับสมาร์ทโฟนหรือกล้องเว็บแคมนั่นแหละ

คิดว่าอุปกรณ์เสริมน่าจะหน้าตาประมาณแฮนด์บาร์สำหรับมอเตอร์ไซค์นี่แหละครับ หรืออะไรใกล้เคียงแบบนี้ ที่ให้ใช้น็อตยึดฐานได้ แต่ปัญหาก็คือ ต้องเช็กให้ดีๆ ว่ารูน็อตมันมีขนาดเท่ากับรูน็อตที่ Segway-Ninebot เขาให้มาไหม ลองไปหาอุปกรณ์เสริมประเภทนี้จากร้านอุปกรณ์เสริมสำหรับมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานดูได้

ที่ปลายแฮนด์แต่ละข้าง ก็มีรูสำหรับขันน็อตเอาไว้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเช่นกัน

ในกรณีที่ติดอุปกรณ์เสริมนั้น ถ้าเป็นพวกสมาร์ทโฟน สามารถที่จะชาร์จอุปกรณ์ได้ด้วยจากแบตเตอรี่ของตัวสกู๊ตเตอร์นั่นแหละ มันมีพอร์ต USB-C ซ่อนไว้อยู่ตรงใต้ Dashboard ครับ

Segway-Ninebot Kickscooter P65U การที่มีไฟเลี้ยวแบบนี้ทำให้คนอื่นๆ ได้รู้ด้วยว่าเรากำลังจะเลี้ยวไปทางไหน

ไฟหน้าของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U เป็นแบบมี 2 ดวงหลัก คือ ไฟ Daylight ที่จะติดทันทีเมื่อเปิดใช้งาน กับไฟหน้าที่เอาไว้ส่องสว่างเวลากลางคืน นอกจากนี้ก็มีการติดสติกเกอร์สะท้อนแสงไว้หลายจุดด้วย โดยเฉพาะบริเวณคอของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่มีติดไว้ 3 จุดเลย และยังมีไฟ LED ที่สามารถตั้งค่าผ่านแอปได้ ซึ่งค่า Default คือมันจะค่อยๆ กระพริบเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ

ไฟหน้าสามารถเปิดเป็นโหมดออโต้ได้ มันมีเซ็นเซอร์อยู่ตรงบริเวณด้านบนของแดชบอร์ด ถ้าท้องฟ้าเริ่มมืด ไฟหน้าจะส่องสว่างให้โดยอัตโนมัติ ก็สะดวกดี

ตรงบริเวณฐานของคอสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า มันจะมีฝาปิดสำหรับช่องเสียบปลั๊กไฟชาร์จครับ เป็นแบบ 3 รูกลม ใช้กับสายไฟ AC แบบ 3 รูกลม ที่ใช้กันบ่อยๆ ในเครื่องไฟฟ้าที่มีสายดิน หรือพวกอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊ก หากทำหาย หรืออยากจะหาซื้อมาใช้เพิ่ม แบบไปวางตามที่ต่างๆ ที่เรามักจะไปจอดชาร์จ หาไม่ยากครับ ฝาปิดนี่จะมีจุกยางคอยอุดรูเอาไว้อย่างแน่น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลเข้าไปในรูด้วย แต่ผมรู้สึกว่าด้วยดีไซน์ตำแหน่งของรูชาร์จ ที่แตกต่างจากของ Segway-Ninebot Kickscooter MAX เนี่ย ถ้าเกิดเราขี่ลุยฝนมา อาจจะต้องมาเช็กหน่อยว่ามีน้ำมาเกาะบริเวณรอบๆ ไหม อาจจะต้องเช็ดออก

ด้วยดีไซน์ใหม่ และสเปกที่แรงขึ้น ทำให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U มีน้ำหนักอยู่ที่ 26.9 กิโลกรัม หรือหนักกว่ารุ่น MAX ราวๆ 8 กิโลกรัมเลยทีเดียว แถมยังมีบังโคลนดีไซน์ใหม่อีก งวดนี้เขาก็เลยออกแบบการพับเก็บและตัวล็อกซะใหม่ครับ

อันดับแรกเลยก็คือตัวล็อกคอ ซึ่งมีการออกแบบสวิตช์ในการปลดล็อกซะใหม่ครับ มันล็อกคอได้แน่นหนาขึ้น และถ้าทำจนชินแล้ว ก็สามารถปลดล็อกคอลงได้ง่ายๆ ด้วยมือข้างเดียว ดูวิดีโออธิบายด้านล่างได้ครับ

หลังจากปลดล็อกคอสกู๊ตเตอร์เรียบร้อย เตรียมจะพับคอลงมา ถัดมาก็คือการล็อกเข้ากับล้อหลัง เพื่อให้พับเป็นรูปสามเหลี่ยม สะดวกแก่การหิ้วนั่นเอง วิดีโอด้านล่างจะทำให้ดูว่ามันล็อกยังไงนะครับ สังเกตว่าจะไม่มีพวกติ่งสำหรับยึดตัวล็อกเหมือนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter รุ่นอื่นๆ

ด้วยดีไซน์ใหม่ของตัวล็อก มันก็เลยต้องมีวิธีปลดล็อกใหม่ด้วยเช่นกัน วิดีโอด้านล่างนี้จะให้ดูว่าปลดล็อกกันยังไงครับ ซึ่งเอาจริงๆ หากรู้ทริกแล้วก็ไม่ยากครับ แต่สำหรับมือใหม่เพิ่งหัดใช้ มันก็จะรู้สึกว่าปลดล็อกยากๆ หน่อย

มาพูดถึงเรื่องการใช้งานบ้างดีกว่าครับ คำแนะนำแรกของผมก็คือ เชื่อมต่อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับแอป Segway-Ninebot ก่อนนะครับ จะได้สามารถปรับตั้งค่าได้ ฟีเจอร์แรกที่ต้องขอพูดถึงสำหรับตัว Segway-Ninebot Kickscooter P65U เลยก็คือ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครับ โดยค่า Default แล้ว มันจะตั้งค่าให้เราปลดล็อกด้วยการ์ด NFC ที่แถมมาให้นั่นแหละ การใช้การ์ด NFC คือแตะทีแรกก็จะเป็นการเปิดเครื่องเลย แตะอีกทีก็ปิดเครื่อง หรือเราจะกดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อปิดก็ได้

นอกจากนี้ เราสามารถที่จะปิดการใช้ NFC เปลี่ยนไปใช้การกรอกรหัส 4 ตัวแทนก็ได้ ถ้าใช้วิธีนี้ เราก็จะไปตั้งรหัสผ่านทางแอป เป็นรหัสตัวเลข 4 หลัก เวลาเรากดปุ่มเปิดเครื่องสกู๊ตเตอร์ มันจะขึ้นหน้าจอตัวเลขมา เราก็ใช้สวิตช์ไฟเลี้ยวในการเลือกตัวเลข แล้วกดปุ่มสวิตช์เปิดปิดไฟหน้าเพื่อเลือกตัวเลข วิธีนี้ดีตรงไม่ต้องพกการ์ด NFC แต่วุ่นวายนิดหน่อยตอนที่จะใช้งาน เพราะการเลือกตัวเลขทีละตัวมันแอบวุ่นๆ

อีกฟีเจอร์ความปลอดภัยนึงคือ Anti theft ซึ่งก็ปิดได้จากแอปเช่นกัน อันนี้คือเผื่อใครหยิบสกู๊ตเตอร์ของเราไป มันก็จะมีเสียงร้องดังขึ้นมา พร้อมไฟกระพริบอีกตะหาก อารมณ์เหมือนสัญญาณกันขโมยรถยนต์ครับ ควรเปิดเฉพาะตอนที่เราจะจอดทิ้งเอาไว้ ไม่ได้ใช้งานก็พอ แต่พอจะใช้งานและอาจจะต้องหิ้วหรือเข็นไปที่อื่นด้วย ก็ไม่ต้องเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ครับ

โดยรวมแล้ว มันมีการป้องกัน 2 สเต็ปตามนี้ครับ

1️⃣ แบบเดิมที่เคยมี คือเมื่อจอดรถ เราสามารถกดที่แอป เพื่อล็อกรถได้ และบน Segway-Ninebot Kickscooter P65U นี่ ถ้าเกิดเราเปิดใช้ NFC หรือรหัสผ่านด้วย พอเปิดใช้งานสกู๊ตเตอร์ปุ๊บ มันจะอยู่ในโหมดล็อกเป็น Default เลย ในโหมดล็อกนี้ หากใครพยายามเข็นรถไป เมื่อถึงระยะนึงตัวมอเตอร์จะทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้คนเข็นรถไปต่อได้ครับ อันนี้เป็นอะไรที่สกู๊ตเตอร์ของ Segway-Ninebot เขามีกันทุกรุ่น

2️⃣ แบบใหม่ คือ Anti theft alarm คือ หากมีความพยายามขโมยขึ้น นอกจากมอเตอร์จะหน่วงไม่ให้เข็นได้แล้ว มันจะมีเสียงสัญญาณกันขโมยดังด้วย แล้วแบบ ดังจริง น่ารำคาญมาก ขนาดเปิดแบบเบาสุดแล้วยังดัง

อย่างไรก็ดี จากที่ได้ลองมา ผมว่าทาง Segway-Ninebot ต้องไปปรับปรุงเรื่องเงื่อนไขการทำงานของฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยนี้ครับ คือ

⚠️ ไอ้การล็อกรถผ่านแอปแบบเมื่อก่อน มันจะไม่มีการส่งเสียงติ๊ดๆ เบาๆ ออกมาด้วย ซึ่งบอกตรง มันน่ารำคาญสำหรับคนที่อยู่แถวนั้น

⚠️ ปกติการล็อกรถผ่านแอปเนี่ย จะทำให้เราไม่สามารถกดปิดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าได้ มันจะติดค้างเอาไว้แบบนั้น เพื่อให้ระบบมอเตอร์ป้องกันการเข็นมันได้ทำงาน แต่ใน Segway-Ninebot Kickscooter P65U นี่ ดันปิดสวิตช์ได้เฉย คือ ถ้าเกิดเจอล็อกรถแล้วเข็นไม่ได้ ก็ปิดสวิตช์แล้วเข็นต่อได้จ้า บ้าไปแล้ว

⚠️ Anti theft alarm เท่าที่ลองก็เหมือนจะดังเฉพาะตอนที่มีแรงกระแทกที่ตัวรถแรงๆ เช่น ตอนหิ้วรถอยู่แล้ววางรถลงมา หรือตอนเข็นแล้วผ่านพวกท่อน้ำ ร่องบนถนน ลูกระนาด อะไรแบบนี้ มันถึงดัง แต่ถ้าทางราบๆ เนี่ย ผมลองเข็นไปราวๆ 10 เมตร ก็ไม่ดังแต่อย่างใด (แต่ผมไม่ได้ลองเข็นไกลกว่านั้นนะ เสียงสัญญาณกันขโมยมันดัง เดี๋ยวแถวบ้านนึกว่าผมไปขโมยรถใครมา)

มาพูดถึงการใช้งานกันบ้างดีกว่าครับ ผมก็ลองทั้งขี่ไปทำงาน และขี่เล่นยาวๆ มาแล้ว ก็ต้องบอกว่าประสบการณ์การขี่มีทั้งจุดที่ประทับใจมาก สิ่งที่ยังไม่ถูกใจ กับจุดที่ต้องแจ้งให้ทราบเอาไว้ก่อนครับ

สิ่งที่ประทับใจ

😇 มอเตอร์กำลังสูง 1,080 วัตต์ ทำความเร็วที่ Drive mode ได้สูงสุด 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเร็วเหลือเฟือสำหรับการขับขี่แบบเลาะริมถนนแล้ว ฉิวกว่าตอนขี่ Segway-Ninebot Kickscooter MAX ที่วิ่ง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเยอะทีเดียว และใครที่อยากได้แรงบิดสูงขึ้น ไป Sport mode ได้ และหากขี่มาแล้วเกิน 5 กิโลเมตร ก็สามารถไปปรับตั้งในแอป เพื่อปลดล็อกความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน Sport mode ได้อีก

😇 มอเตอร์กำลังสูง ขึ้นทางชันได้ดีมาก สะพานชันๆ ที่ผมเคยขึ้น ที่ทำให้ความเร็วตกลงไปพอสมควรเนี่ย Segway-Ninebot Kickscooter P65U คันนี้ขึ้นได้ฉิวๆ แม้จะอยู่ใน Drive mode เลย แต่ถ้าเปิดเป็น Sport mode ยิ่งขึ้นง่ายเข้าไปอีก

😇 Sport mode แรงบิดดีมาก เหมาะสำหรับเร่งเพื่อแซงรถที่จอดอยู่ (โดยเฉพาะรถเมล์และรถกะป๊อ) ได้ดีมาก สเปกคือสามารถเร่งจาก 0-24 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 2.8 วินาที

😇 ฐานที่เหยียบที่ใหญ่ขึ้นคือดีงามมาก เพิ่มความกว้างเป็น 22 เซ็นติเมตร โดยเฉพาะสำหรับคนเท้าใหญ่หรือคนที่ต้องขี่ระยะทางไกลๆ มันเมื่อยเท้าน้อยลงไปเยอะมาก

😇 แฮนด์ที่กว้างขึ้นทำให้ทรงตัวได้ดีขึ้น กว้างถึง 63.5 เซ็นติเมตร เกิดต้องขี่มือเดียวขึ้นมา ก็ไม่ส่ายง่ายๆ และตอนแรกก็กังวลว่ามันจะทำให้ซอกแซกลำบากขึ้น แต่พอไปลองใช้จริง ก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด รถติดเยอะๆ ก็ยังสามารถซอกแซกไปได้โดยง่าย ง่ายกว่ามอเตอร์ไซค์เยอะ

😇 น้ำหนัก 26.9 กิโลกรัม สำหรับผม (และน่าจะอีกหลายคน) เป็นน้ำหนักที่ยังพอจะหิ้วไหว ผมยังสามารถพับแล้วหิ้วขึ้นสะพานลอย หรือชั้นสองของตึกได้อยู่ ถ้าหิ้วสองมือเลยจะทำให้ผ่อนแรงได้มากกว่านี้ ถ้าขี่อยู่บนถนน แล้วม่ความจำเป็นต้องยกขึ้นฟุตบาธ ก็สามารถใช้สองมือจับที่แฮนด์ท่าคลีนแอนด์เจิร์กครึ่งท่าแรกในการยกขึ้นได้

😇 การมีไฟเลี้ยวทำให้รถและคนอื่นๆ รู้ได้ว่าเราจะเลี้ยวไปทางไหน แต่จะเวิร์กสุดตอนที่เรากำลังจอดเพื่อรอเลี้ยวตรงทางแยกมากกว่าที่จะเปิดไฟเพื่อขอเปลี่ยนเลน

😇 ไฟหน้าของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U คือสว่างมาก และค่อนข้างสูง เพราะมันอยู่แถวๆ ใต้แฮนด์ ทำให้มองเห็นอะไรข้างหน้าได้ระยะทางค่อนข้างไกล แต่ไฟจะไม่ได้ไปแยงตาใคร (ผมลองไปยืนหน้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ก็เห็นว่าไฟมันส่องมา แต่ไม่ได้ส่องมาแยงตาโดยตรง) อันนี้ใครที่จำเป็นต้องขับขี่ตอนกลางคืน ก็วางใจได้ระดับนึง แต่ผมก็ยังอยากให้ค่อยๆ ขี่ อย่าขี่เร็วนะ

😇 ระบบล็อกรถด้วยการ์ด NFC หรือใช้รหัส ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครแอบเอาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปขี่เล่น

😇 ตั้งค่าความเร็วสำหรับ Kickstart (ที่ต้องใช้เท้าไถให้รถเคลื่อนที่ก่อนถึงจะกดคันเร่งได้) ได้ตั้งแต่ 0km (คือไม่ต้อง Kickstart) ไปจนถึง 5km/h (ต้องออกแรงไถหน่อย) เลือกได้ตามความถนัดและเพื่อความปลอดภัยในระดับที่ต้องการ

😇 Eco mode ความเร็วสูงสุด 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Drive mode ความเร็วสูงสุด 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ Sport mode ความเร็วสูงสุด 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือปลดล็อกให้เป็น 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ นอกจากนี้ยังมี Walk mode ที่ต้องเปิดใช้ผ่านแอป ซึ่งจะจำกัดความเร็วไว้ที่ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

😇 ปุ่มต่างๆ ถูกแยกออกมาชัดเจน สวิตช์ไฟเลี้ยว เปิดปิดไฟหน้า เปิดปิดใช้งาน Cruise mode เปิดปิดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ไม่ต้องกลัวว่าจะกดผิดกดถูก โดยเฉพาะปุ่มเปลี่ยนโหมด ที่อยู่ใกล้ตำแหน่งนิ้วโป้งขวามือ กดง่ายมาก แต่การเปลี่ยนโหมดการขี่ยังต้องกดปุ่ม Mode 2 ทีติดแฮะ

😇 ไฟหน้ามีโหมดอัตโนมัติ มืดแล้วไฟหน้าติดเอง ดีเหมือนกัน แต่ปกติผมก็ไม่ค่อยได้ขี่ตอนกลางคืนแล้ว หลังๆ แถวบ้าน (พระราม 2) มันทำถนน ขี่กลางคืนคืออันตรายอะ

สิ่งที่ยังไม่ถูกใจ

😡 ระบบล็อกรถและระบบรักษาความปลอดภัยยังไม่สมบูรณ์ อย่างที่ผมได้รีวิวไปเบื้องต้น แต่น่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยการอัปเดตเฟิร์มแวร์แหละ เหมือนตอนแรกๆ ที่ผมก็มีปัญหาในการปลดล็อกความเร็วสูงสุดใน Sport mode ซึ่งพออัปเดตเฟิร์มแวร์แล้วก็หมดปัญหา

😡 แม้ว่าปุ่มต่างๆ จะถูกวางตำแหน่งอยู่บนแฮนด์ข้างซ้ายและขวา แต่สวิตช์ไฟเลี้ยวที่แฮนด์ด้านซ้ายมันแตะโดนยากไปหน่อย ถ้าให้มันมาอยู่ระนายเดียวกับแฮนด์เลยจะใช้งานได้ง่ายกว่า นี่เลยทำให้เหมาะกับการจอดรอเลี้ยวมากกว่าที่จะให้เป็นสัญญาว่าเราจะมีการเปลี่ยนเลน หรือเบี่ยงเข้า-ออก การที่ต้องเอานิ้วโป้งออกจากแฮนด์มาแตะปุ่ม ทำให้แรงกำมือบนแฮนด์ลดลง เวลาเจอพวกหลุมหรือเนินเล็กๆ จนเกิดแรงกระแทก เผลอไผลอาจจะมือหลุดจากแฮนด์ได้ หากขี่มาเร็วๆ

😡 ความเร็วของรถมันสูง มือควรจะได้จับแฮนด์ได้มั่นคงกว่านี้ Segway-Ninebot ควรจะให้คันเร่งเป็นแบบบิดได้แล้ว มันจะขี่ยาวๆ ได้อย่างสบายตัวกว่าการกดสวิตช์คันเร่ง เพราะแม้ว่าจะมี Cruise mode ช่วยให้ไม่ต้องกดคันเร่งค้างไว้ แต่ Cruise mode มันไม่เหมาะกับการขี่ในเมืองที่การจราจรคับคั่งอะ แล้วทีนี้ อิขอบของตัวห่วงสวิตช์มันค่อนข้างคม เวลาสกู๊ตเตอร์มันกระเทือนหรือกระแทก บางทีข้อนิ้วโป้งข้อแรกมันก็ไปกดโดนตรงขอบ แอบเจ็บ

😡 ดีไซน์มาขนาดนี้แล้ว และรุ่น P100U มันก็มีโช้กหน้าหลังให้แล้ว ทำไม Segway-Ninebot Kickscooter P65U ไม่มีโช้กให้นะ คือ ในฐานะที่เป็นล้อลมยาง มันก็สั่นสะเทือนพอๆ กับ Segway-Ninebot Kickscooter MAX แหละ แต่พอความเร็วมันสูงกว่า มันก็รู้สึกว่าสะเทือนถี่กว่า และด้วยความที่ความเร็วสูง ก็มีโอกาสที่จะสะเทือนแรงๆ กะทันหัน ถ้าเผลอไม่ระวังมืออาจจะหลุดจากแฮนด์ได้ อันนี้แอบอันตราย

ข้อสังเกตจากผม

🔭 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นรุ่นใหม่ อาจจะมีบั๊กในเฟิร์มแวร์อยู่ ได้รถมาลองวันเดียว วันถัดมันก็มีอัปเดตเฟิร์มแวร์ 5 อย่างเลย และแก้ปัญหาบางอย่างที่ผมเจอในตอนแรกด้วย ใครที่ซื้อไป แนะนำให้ลองเชื่อมต่อแอป เพื่ออัปเดตเฟิร์มแวร์ให้เป็นตัวใหม่สุดก่อน

🔭 ระยะทางที่วิ่งได้สูงสุดตามสเปกคือ 65 กิโลเมตร แต่จะได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ความเร็วที่เราขี่ น้ำหนักของผู้ขี่ และสภาพของเส้นทางด้วย ซึ่งจากที่ผมลองมา ถ้าผมขี่ที่ความเร็วสูงสุด 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่ผมหนัก 77.5 กิโลกรัม ระยะทางที่วิ่งได้จะอยู่ที่ประมาณ 36-38 กิโลเมตร ซึ่งตรงนี้น่าจะด้วยความที่ Segway-Ninebot ต้องการถนอมแบตเตอรี่และต้องการให้ประสบการณ์ในการขับขี่ต่อเนื่องดีที่สุด เขาก็เลยโปรแกรมให้ BMS (Battery Management System) คำนวณปริมาณแบตเตอรี่โดยตัดที่แรงดันไฟยังค่อนข้างสูง คือ แบตเตอรี่ยิ่งเหลือน้อย แรงดันไฟก็จะค่อยๆ ต่ำลง แต่แทนที่จะตั้งค่าให้คำนวณปริมาณแบตเตอรี่ตามจริง Segway-Ninebot ดูเหมือนจะกำหนดให้แม้แบตเตอรี่จะยังมีแรงดันไฟสูงอยู่ประมาณนึง แต่ก็ถือว่าระดับแบตเตอรี่เป็น 0% แล้ว แต่การตัดที่แรงดันไฟสูงแบบนี้ข้อดีคือถนอมแบตเตอรี่ และทำให้เรายังได้ความเร็วสูงสุดค่อนข้างคงที่ตลอดระยะเวลาการขับขี่ ไม่ว่าตัวเลขปริมาณแบตเตอรี่จะเหลือเท่าไหร่ก็ตาม

🔭 ด้วยความแรงของมอเตอร์ แน่นอนว่าหากเราต้องการเบรกก็จะต้องใช้ระยะเบรกประมาณนึงเลย ถ้าเกิดเราขี่มาด้วยความเร็วสูงสุด เราสามารถตั้งแรงเบรกไฟฟ้าให้หนักขึ้นได้ครับ มันจะทำให้เบรกได้รวดเร็วขึ้น แต่แน่นอนว่าต้องระวังตอนเบรก เพราะมันก็จะเบรกหัวทิ่มได้มากขึ้นเช่นกัน และต้องไม่ลืมว่าแม้ล้อจะหยุดหมุนแล้ว แต่มันก็อาจจะไถลไปกับพื้นต่อไปได้ ถ้าจะให้ดีที่สุด ผมมองว่าควรระวังตัวหากขี่มาเร็วๆ เผื่อระยะเบรกให้ดีๆ อย่าขี่จี้ตูดใคร จะเป็นการดีที่สุดครับ

🔭 ตามสเปกแล้ว Segway-Ninebot Kickscooter P65U สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX5 สำหรับตัวรถ สามารถขี่ฝ่าสายฝนได้ ส่วนแบตเตอรี่นั้นกันน้ำได้มาตรฐาน IPX7 คือแม้จะจมน้ำลึก 1 เมตร ก็ยังพอรอดได้ชั่วคราว ผมเคยขี่ MAX ลุยฝนอยู่บ่อยครั้ง ผมก็เชื่อว่า P65U นี่ก็ลุยฝนได้สบายๆ แหละ แต่ผมยังตอบไม่ได้ว่าลุยน้ำแล้วจะลื่น ล้อสะบัดขนาดไหน เพราะความเร็วมันค่อนข้างสูง เพราะตอนนี้ไม่มีฝนแล้ว

🔭 อัตราเร่งของ Sport mode มันสูงมาก ถ้าเรารู้สึกว่ามันสูงไป เราสามารถไปปรับตั้งค่าได้จากในแอป Segway-Ninebot ครับ ซึ่งสำหรับ P65U นี้ ผมว่ามันมีตัวเลือกในการปรับตั้งค่าได้ค่อนข้างเยอะทีเดียว

🔭 ไฟ RGB ด้านข้างตรงบริเวณล้อหน้ามันก็เก๋ดีหรอก แต่มีแค่จุดนี้จุดเดียวมันดูจืดๆ จริงๆ น่าจะทำเป็นไฟเส้นๆ ตรงด้านข้างรถ หรือไม่ก็มีอีกซักจุดตรงแถวๆ บังโคลน น่าจะดี

🔭 น้ำหนัก 26.9 กิโลกรัม แม้ว่าจะหนัก แต่ก็ยังยกด้วยสองมือได้ไม่ยากครับ ถ้าจะต้องยกขึ้นท้ายรถยนต์ หรือยกขึ้นกระบะท้าย ก็ยังพอทำได้ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาก สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U นี่ ทำให้ผมไม่สามารถเอาไปวางไว้บริเวณที่พักเท้าตรงเบาะหลังของรถได้แล้ว คือหมดสิทธิ์จริงๆ ครับ แฮนด์มันกว้างมาก (แค่ของ MAX หรือ F40 มันก็กว้างจนค้ำเบาะหน้าแล้ว) ต้องใส่ไว้ท้ายรถสถานเดียว แต่ถึงกระนั้น ถ้าเป็นรถยนต์ Eco car อย่าง Mitsubishi Mirage ของภรรยาของผม ก็ไม่น่าจะรอดครับ ยิ่งถ้าเกิดมีของใส่อยู่ก่อน ผมลองเอาไปใส่ท้ายรถ Nissan Kicks ของผม มันก็พอไหวอยู่ แต่จะไม่สามารถล็อกแฮนด์ไว้กับบังโคลนหลังได้นะครับ ต้องปลดล็อกก่อน ไม่งั้นแฮนด์จะค้ำประตูท้าย ปิดประตูไม่ได้ อันนี้ใครที่วางแผนจะขนเอาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U ไปเที่ยวด้วย ก็อาจจะต้องดูพื้นที่เก็บของท้ายรถด้วย

สำหรับเรื่องแบตเตอรี่ ก็เป็นไปตามที่เขาโฆษณานะครับ คือ ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 100% ได้ใน 4 ชั่วโมง ก็ประมาณนั้นจริงๆ ครับ (แต่ผมลองจาก 10% – 100% นะ) ชาร์จไวดี ผมชอบ แต่เวลาชาร์จตอนกลางคืน ไฟท้ายมันติดสว่างมาก จุดที่จะใช้จอดชาร์จ ก็อาจจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไปทำให้คนในบ้านรำคาญนะ การมีอะแดปเตอร์แปลงไฟในตัว ทำให้เราแค่ใช้สายไฟ AC แบบรูกลม 3 รู ซึ่งหาได้ทั่วไปในการชาร์จ ผมก็มีเส้นนึงอยู่บ้าน อีกเส้นอยู่ออฟฟิศ ชิลล์เลยแหละ หาซื้อไม่ยากครับ เส้นละร้อยกว่าบาท อยากได้ยาวๆ ก็ให้ช่างไฟช่วยทำให้ก็ได้ (ปกติสายพวกนี้ยาว 1.8 เมตร)

บทสรุปการรีวิวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot Kickscooter P65U

แม้ว่าตามสเปกจะสามารถวิ่งได้สูงสุดในระยะ 65 กิโลเมตรเท่าๆ กับ Segway-Ninebot Kickscooter MAX แต่นั่นก็น่าจะอยู่ในเงื่อนไขคือวิ่งที่โหมด Eco เป็นหลัก และน่าจะเป็นทางราบตลอดแนว ซึ่งในทางปฏิบัติก็จะเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ใครที่จะซื้อมาเพื่อวิ่งโหมด Eco ผมแนะนำให้ไปซื้อรุ่น MAX ดีกว่านะ

คนที่จะซื้อ Segway-Ninebot Kickscooter P65U ผมมองว่าคือคนที่มีระยะวิ่งไป-กลับ อยู่ที่ 36-38 กิโลเมตร จะเป็นระยะที่เซฟไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมด ความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 35-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยในเรื่องการแซงพวกรถประจำทางที่จอดอยู่ได้ และช่วยเซฟระยะเวลาในการเดินทางได้ราวๆ 8-15 นาที เมื่อเทียบกับการขี่ Segway-Ninebot Kickscooter MAX ที่ความเร็วสูงสุด 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สนนราคา 56,900 บาท อาจจะรู้สึกว่าแอบแรง แต่ถือว่าแลกมาด้วยความคล่องตัวในการเดินทาง โดยเฉพาะภายในเมืองที่รถติด มันคล่องตัวมากกว่ามอเตอร์ไซค์มากๆ ครับ และบอกเลยว่าขี่ได้สนุกกว่ารุ่น MAX แต่ยังอยู่ภายใต้ความเร็วที่ยังควบคุมไหว ไม่เร็วเกินไป ในความเห็นของผม

เอาจริงๆ ผมก็เริ่มมองๆ หารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขับไปทำงานแทนแล้ว เพราะรู้สึกอายุเริ่มเยอะ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดเทอม รถติดสาหัสมาก จนรู้สึกว่าแผนซื้อรถยนต์พับไปก่อนดีไหม แล้วขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต่อไปอีกหลายๆ ปี 🤣🤣 เอ้า!! พูดตรงๆ นะ ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ผมออกจากบ้านได้ช้ากว่าเดิม 1 ชั่วโมง แต่ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่ารถยนต์ 30-45 นาที ในช่วงเปิดเทอม

สนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม คลิกลิงก์ด้านล่างครับ มีทั้งรายละเอียดและช่องทางการสั่งซื้อ