เพิ่งไปจัดมาหมาดๆ และใช้มาแล้ว 1 สัปดาห์ครับ กับเมาส์ Logitech LIFT vertical ergonomic mouse ตัวนี้ ด้วยสนนราคาหน้าร้าน Banana IT 2,190 บาท ที่ต้องจัดมานี่ก็ไม่ใช่อะไรนะ คือ ด้วยความที่ว่าหลังๆ มานี้ การทำงานในออฟฟิศของผมมีความจำเป็นต้องใช้งานเมาส์ดุเดือดมาก ในขณะที่ผมใช้เครื่อง Mac mini M1 เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่ออฟฟิศ และใช้ Magic Trackpad เป็นหลัก แต่ผมก็พบว่าใช้เยอะๆ แล้ว นิ้วเกร็งมาก ถ้าเราเอามันไปวางไว้ในตำแหน่งเดียวกับเมาส์ ก็เลยอยากหาเมาส์ดีๆ ที่มีดีไซน์ตามหลักการยศาสตร์ซักตัวมาใช้ แต่ปัญหาของผมก็คือ Microsoft Sculpt ergonomic mouse ที่ผมชอบ มันดันมีปัญหากับเครื่อง Mac mini ผม คือ ใช้ๆ แล้ว เคอร์เซอร์มันกระตุกๆ หน่วงๆ บ่อยๆ ผมก็เลยไปไล่ยืมเมาส์จากน้องๆ เพื่อนๆ ในออฟฟิศ ที่เป็นเมาส์ไร้สายมาลองดูหลายตัว ก็พบว่ามี Logitech LIFT ตัวนี้แหละ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องเคอร์เซอร์กระตุกครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
Logitech LIFT vertical ergonomic mouse ตัวนี้ ซื้อมาเอง ใช้เอง ในราคา 2,190 บาท จาก Banana IT เพราะอยากได้ด่วนมาก แต่ถ้าใครรอได้ แนะว่าสั่งออนไลน์จะได้ราคาต่ำกว่า 2,000 บาทครับ เดี๋ยวแปะ Affiliate link ไว้ให้ท้ายบล็อก เผื่อใครอยากได้ คลิกซื้อ แล้วผมจะได้เงินค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ไว้จ่ายค่าเช่าโฮสต์ของ WordPress.com 🤪🤪
Logitech LIFT vertical ergonomic mouse มีให้เลือก 3 สีครับ คือ ขาวออฟไวท์ ดำกราไฟท์ และชมพูโรส อยากบอกว่าสีชมพูพาสเทลมันสวยมากๆ แต่จะซื้อมาใช้ก็ไม่เข้ากับหนังหน้า 🤣🤣 จริงๆ อยากได้สีดำ แต่ว่าที่หน้าร้าน Banana IT มันมีแค่สีขาว ด้วยความที่อยากได้ไปใช้โดยไว ก็เลยไม่เรื่องมาก ขาวก็ขาววะ ภายในกล่อง แกะออกมาแล้ว เราก็จะเห็นตัวเมาส์ตัวนี้กับเอกสารการรับประกันแผ่นนึง ตัว Quick guide สำหรับเมาส์ เขาเอาไปสกรีนติดไว้ตรงห่อกระดาษที่เอาไว้หุ้มตัวเมาส์แทน ซึ่งก็เป็นแค่ภาพอธิบายวิธีการใช้งานแบบง่ายๆ ว่า ถ้าเสียบแบบ USB dongle จะทำยังไง ถ้าต่อผ่านบลูทูธ จะสามารถสลับอุปกรณ์ได้อย่างไร อะไรแบบนี้
ข้อสังเกตคือ ตัวกล่องและอะไรต่อมิอะไรภายในกล่อง ดูเหมือนเขาจะใช้พวกกระดาษรีไซเคิลมาทำ และตัวเมาส์เอง ก็ใช้พลาสติกรีไซเคิลมาทำชิ้นส่วนด้วย ใครรักษ์โลกก็เลือกสีเมาส์ตามสะดวกนะครับ สีดำเนี่ยเขาใช้พลาสติกรีไซเคิล 70% ส่วนสีขาวและสีชมพูใช้พลาสติกรีไซเคิล 54% ครับ

ตัวเมาส์ ก็จะเป็นดีไซน์สไตล์ Vertical mouse ให้คิดซะว่ามันเหมือนเอาเมาส์มาตะแคงเลย ผิวของตัวเมาส์ด้านบนแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนตัวที่เป็นตัวเมาส์ด้านหน้า ตรงที่เป็นปุ่มและที่วางนิ้ว มันจะเป็นพลาสติกแบบเรียบ ผิวด้าน สีขาว ส่วนตัวเมาส์ท่อนหลัง ตรงบริเวณที่จะรับกับอุ้งมือ เขาออกแบบมาเป็นสีเทาอ่อน มีลักษณะเหมือนยางหนืดๆ หน่อย แต่มันไม่ได้ทำจากยางนะ น่าจะเป็นพลาสติกแล้วเคลือบเอามากกว่า นี่ก็แอบห่วงว่า ใช้ไปนานๆ แล้ว มันจะเหนียวไหมนะ ต้องรอดูกันต่อไป
ด้านหน้าเนี่ย มันมีปุ่มเมาส์ซ้ายและขวาตามปกติ และระหว่างปุ่มเมาส์นี้ ก็มี Scroll wheel แบบ 3 ทิศทาง คือ เลื่อนขึ้นและลงได้ กับกดลงไปได้ด้วย ถือเป็นปุ่มอีกปุ่มนึง แล้วก็มีปุ่มกลมๆ เล็กๆ อีกปุ่มครับ

ด้านซ้ายของเมาส์ ตรงส่วนของอุ้งมือ บริเวณที่นิ้วโป้งจะไปจับ มันจะมีปุ่มให้อีก 2 ปุ่ม คล้ายๆ ปุ่มขึ้นและลง ส่วนด้านล่างของเมาส์นั้น รอบๆ จะมีแผ่นพลาสติกเรียบๆ ที่เอาไว้ช่วยให้ตัวเมาส์สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นบนพื้นผิวเรียบๆ ด้านหน้าสุดของตัวเมาส์ มีไฟ LED 3 ดวง เอาไว้แสดงผลว่าตอนนี้กำลังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวไหนอยู่ โดยมีเลข 1, 2 และ 3 ระบุเอาไว้ มีปุ่มกลมๆ เล็กๆ อยู่ใต้ไฟ LED เอาไว้กดเพื่อสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์

ถัดมาก็เป็นช่องเซ็นเซอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี Logitech Advanced Optical Tracking ที่สามารถให้ความละเอียดได้ตั้งแต่ 400-4,000 DPI ถัดจากเซ็นเซอร์ก็เป็นสวิตช์เปิดปิดตัวเมาส์


ข้างใต้ตัวเมาส์ บริเวณด้านหลัง มันจะมีฝาปิดช่องใส่แบตเตอรี่และที่เก็บ USB dongle ครับ มันถูกติดเอาไว้ด้วยแรงแม่เหล็ก วิธีแกะออกก็ง่าย เอานิ้วไปกดตรงบริเวณที่มันมีรอยบุ๋มเป็นวงกลม แล้วจะทำให้ฝาเปิดมันเผยอออกมา จากนั้นเราก็แกะฝาปิดออกมาได้ แกะออกมาแล้ว เราจะเห็นช่องใส่แบตเตอรี่ขนาด AA 1 ก้อน และช่องสำหรับเก็บ USB dongle ซึ่งการมีช่องเก็บแบบนี้ จะทำให้เราพกพาเมาส์ออกไปไหนมาไหนได้สะดวก โดยไม่ต้องกลัวว่าจะลืม USB dongle

สำหรับผู้ใช้งาน Windows เมื่อเชื่อมต่อเมาส์ครั้งแรกแบบ USB dongle มันจะมีหน้าจอแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาแบบในรูปด้านบน ว่าหากต้องการได้ประสบการณ์ในการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเต็มที่ แนะนำให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ Logitech Options+ พร้อมมีปุ่ม Install มาให้เลย เมื่อเราคลิกแล้ว มันก็จะดาวน์โหลดซอฟต์แวร์มาติดตั้ง

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว สิ่งที่เราจะได้คือ การเข้าถึงการปรับแต่งทั้งปุ่มต่างๆ บนตัวเมาส์ การตั้งค่า Scroll wheel และความเร็วในการขยับเมาส์ (ค่า DPI) และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Flow ด้วยครับ
ปุ่มต่างๆ บนตัวเมาส์ Logitech LIFT นี่ ไม่ได้มีหน้าที่ตายตัวนะครับ สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานได้ ซึ่งแต่ละโปรแกรมนั้น ปุ่มต่างๆ ก็จะทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปด้วย เช่น ปุ่มด้านข้าง 2 ปุ่ม ถ้าอยู่ในโปรแกรมจำพวกเบราว์เซอร์ มันก็จะทำหน้าที่เป็นปุ่ม Forward และ Back แต่ถ้าเป็น Microsoft Excel ก็จะเป็นปุ่ม Redo และ Undo เป็นต้น อันนี้เราสามารถที่จะปรับตั้งค่าได้ โดยโปรแกรม Logitech Options+ มันจะมีตัวเลือกให้เราเลือกอยู่หลายตัว


โดยค่า Default แล้ว ปุ่มด้านข้าง 2 ปุ่ม มันเอาไว้เพื่อเปิดการใช้งาน Horizontal scrolling ด้วยครับ คือ ปกติแล้ว Scroll wheel มันจะเอาไว้เลื่อนหน้าจอขึ้นหรือลงเท่านั้น และหากเราอยากเลื่อนหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวา สำหรับเมาส์ที่ตัว Scroll wheel มันกดเป็นปุ่มได้ ก็จะกดปุ่มนี้ แล้วมันจะเข้าโหมด Pan ซึ่งให้เราสามารถเลื่อนเมาส์ขึ้นลงซ้ายขวา เพื่อเลื่อนหน้าจอไปยังทิศทางที่ต้องการได้ และ Logitech LIFT นี่ก็ทำได้เหมือนกัน
แต่เขามีวิธีเลื่อนหน้าจอที่สะดวกกว่านั้น คือ ถ้าเกิดเรากดปุ่มด้านข้าง (ที่มี 2 ปุ่ม) ปุ่มใดปุ่มหนึ่งค้างไว้ มันจะทำให้การเลื่อน Scroll wheel เป็นการเลื่อนไปด้านข้าง ซ้ายหรือขวา แทนครับ ข้อเสียก็คือ สำหรับบางโปรแกรมที่ปุ่ม 2 ปุ่มนี้มันเอาไว้สั่งงานอย่างอื่น เวลาเรากดปุ่ม 2 ปุ่มนี้พลาด มันจะกลายเป็นสั่งงานอื่นแทน เช่น บนเบราว์เซอร์ เราอาจจะกลายเป็นกด Back หรือบน Microsoft Excel เราก็อาจจะ Undo หรือ Redo ก็ได้ อันนี้ผมชอบแนวทางของ Microsoft Sculpt มากกว่า เพราะ Scroll wheel มันสามารถด้านไปทางซ้ายและขวา เพื่อแทนการ Scroll ไปทางซ้ายและขวาได้เลย เข้าใจง่ายกว่าด้วย
แต่ที่ผมชอบอย่างนึงเกี่ยวกับ Scroll wheel ของ Logitech LIFT ก็คือ มันมีฟีเจอร์ที่จะเลื่อนหน้าจอให้เร็วขึ้น หากเราเลื่อน Scroll wheel เร็วๆ มันจำลองคล้ายๆ กับการใช้นิ้วปาดหน้าจอพวกทัชสกรีนแบบสะบัดนิ้วให้หน้าจอมันเลื่อนเร็วๆ ได้แบบนั้นเลย มันช่วยให้เราสามารถเลื่อนหน้าจอแบบ ขึ้นสุดลงสุด ได้รวดเร็วขึ้นมาก

ตัว Pointer speed ก็สามารถปรับตั้งได้ตามใจชอบครับ ตั้งความเร็วเป็น 0% – 100% แทนค่าระหว่าง 400DPI ถึง 4,000 DPI ครับ โดยเราจะปรับตั้งได้ 2 ระดับ คือ ตั้งทีนึงก่อนว่าอยากได้เท่าไหร่ จากนั้นก็กดปุ่มกลมๆ ใต้ Scroll wheel อีกที เพื่อเปลี่ยนค่า DPI แล้วเราก็ไปตั้งอีกรอบครับ เช่น ผมตั้งเป็น 10% (400DPI) กับ 40% (1,600DPI) เป็นต้น ฟีเจอร์นี้ช่วยให้เราสามารถสลับความเร็วของเมาส์ไปมา เพื่อความเหมาะสมสำหรับการใช้งานครับ เช่น ของผมเนี่ย 10% เอาไว้สำหรับทำงานกับโปรแกรมกราฟิก จะได้ค่อยๆ เคลื่อนเมาส์ ทำงานละเอียดได้ ส่วน 40% เอาไว้สำหรับใช้งานทั่วไป เป็นต้น

ส่วนฟีเจอร์ Flow นี่คือจะคล้ายๆ กับโปรแกรม Mouse without Borders ที่เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาภายใต้โครงการ Microsoft Garage (เป็นโครงการของ Microsoft ที่ให้พนักงานของ Microsoft ได้คิดค้นและพัฒนาโปรเจ็กต์นวัตกรรมของตนเองขึ้นมา ใดๆ ก็ตามที่พัฒนาภายใต้โครงการนี้ ก็อาจจะยังไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่จะเอามาจำหน่ายจริง แต่ในอนาคตก็อาจจะเอาไปผนวกเป็นฟีเจอร์ในผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หรือ อาจจะเอาไปจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์จริงๆ เลยก็ได้) เพียงแต่ว่า Flow ของ Logitech นั้น มันรันบน Windows ก็ได้ macOS ก็ได้ ถ้าเกิดใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ของ Logitech ก็จะสามารถใช้คีย์บอร์ดและเมาส์เพียงชุดเดียว ควบคุมคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องได้เลย (แต่จุดเด่นของ Mouse without Borders ก็คือ มันใช้งานกับคีย์บอร์ดและเมาส์ยี่ห้อไหนก็ได้ และควบคุมคอมพิวเตอร์ได้รวมสูงสุด 4 เครื่อง)
นอกจากนี้ การติดตั้งโปรแกรม Logitech Options+ นี่จะช่วยให้เราสามารถรู้ระดับแบตเตอรี่ของตัวอุปกรณ์ต่างๆ (รวมถึง Logitech LIFT นี่ด้วย) ได้ และสามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ได้ด้วย
ถามว่าจำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ไหม ก็ต้องบอกว่าไม่จำเป็นครับ เพียงแต่เราจะได้ใช้เมาส์แค่ในระดับที่เรียกว่า “ค่าเริ่มต้น” เท่านั้น นั่นหมายความว่า ปุ่มใดๆ เอาไว้ทำอะไร หรือความเร็วเคอร์เซอร์ 2 ระดับ ถูกตั้งไว้ที่เท่าไหร่บ้าง ก็จะอยู่แบบนั้นแหละครับ ไปเปลี่ยนอะไรไม่ได้ และไม่สามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ของเมาส์ได้ด้วย

จากที่ได้ลองใช้งานมา 1 สัปดาห์ เอาตรงๆ นะครับ ถ้าเทียบกะ Vertical mouse ที่ผมเคยลองมาก่อน เช่น Delux M618X หรือ Delux M618mini ก็ต้องบอกว่าความรู้สึกในการวางมือใช้งานมันไม่แตกต่างกัน คือ Vertical mouse พวกนี้ มันถูกออกแบบมาให้เราสามารถวางข้อมือแบบสบายๆ ไม่ต้องบิดข้อมือมาจับเมาส์แบบเมาส์ทั่วไป ความแตกต่างก็น่าจะเป็นเรื่องของขนาดของตัวเมาส์ และลูกเล่นด้านซอฟต์แวร์มากกว่า ที่ Logitech LIFT เนี่ย มีให้เยอะมาก และเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้คนหันมาใช้เมาส์ของ Logitech เยอะ ไม่ว่าจะเป็น Logitech MX Master 3 หรือ MX Anywhere 3 ซึ่งพวกนี้ไม่ได้ราคาถูกๆ เลยนะ บอกเลย 2-3 พันบาททั้งนั้น

เทียบกับ Microsoft Sculpt ergonomic mouse ของค่าย Microsoft แล้ว ก็จะเห็นว่า Microsoft Sculpt มันจะกลมๆ กว่า ตำแหน่งของปุ่มเมาส์ซ้ายและขวาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแนวตั้งมากเท่ากับ Logitech LIFT หรือ Vertical mouse อื่นๆ ถ้าให้สรุปคร่าวๆ ก็ต้องบอกว่า Logitech LIFT เนี่ย จับแล้วสบายกว่า Microsoft Sculpt ครับ ด้วยดีไซน์แบบ Vertical mouse ที่ทำให้เวลาจับมันไม่ต้องบิดข้อมือ ในขณะที่ Microsoft Sculpt นี่ ยังต้องบิดข้อมืออยู่นิดหน่อย … เดี๋ยวไว้จะมารีวิวเปรียบเทียบให้อ่านอีกที ระหว่างสองรุ่นนี้ ที่ราคาไม่ห่างกันมาก (บางร้านเผลอๆ ขาย Microsoft Sculpt แพงกว่าหน่อยด้วย)
อ้อ! จุดเด่นอีกเรื่องของ Logitech LIFT ก็คือ มันออกแบบมาให้เสียงการคลิกเมาส์เบามากๆ ครับ เหมาะสำหรับคนที่เกรงใจ ไม่อยากให้เสียงไปรบกวนคนอื่นเลย หรือไม่ชอบความคลิกดังกริ๊กๆ ตลอดเวลา พวกที่ใช้ Mechanical keyboard แล้วเลือกใช้ Red switch เนี่ย คือคนที่เหมาะจะไปใช้เมาส์ Logitech LIFT มากๆ ครับ ไม่เชื่อลองฟังเสียงคลิกจากวิดีโอด้านล่างนี่ได้ เสียง Background ยังดังกว่าเสียงคลิกอีกเหอะ
แบตเตอรี่ AA 1 ก้อน ทาง Logitech บอกว่าด้วย Bluetooth LE (Low Engergy) จะช่วยให้สามารถใช้งานได้ยาวๆ ประมาณ 2 ปี ด้วยถ่านอัลคาไลน์ที่แถมมาให้ในกล่อง ของจริงจะเป็นยังไงนั้น เดี๋ยวปีหน้า ถ้าไม่ลืม จะมาเล่าให้อ่านกันนะ 🤣🤣 ผมชอบเมาส์ที่ใช้แบตเตอรี่เป็นก้อนๆ แบบนี้ มากกว่าแบบที่เป็นชาร์จ ไม่ว่าจะใช้พอร์ตใดๆ ก็ตามเหอะ เพราะผมรู้สึกว่าจะได้ไม่ต้องห่วงมากเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมอะ
บทสรุปการรีวิว Logitech LIFT
แพงครับ หาร้านถูกๆ ได้ ราคาก็เกือบ 2 พันบาท ถ้าซื้อราคาปกติก็ 2,190 บาท ถ้าใครแค่อยากมองหา Vertical mouse เอาไว้ใช้ เพื่อให้ใช้งานถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ ลดความเสี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม ข้อมืออักเสบ ผมว่าไปหายี่ห้ออื่นตามแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว ที่เราต้องเปลี่ยนเมาส์ก็เป็นเพราะสวิตช์ของปุ่มเมาส์มันเสื่อม (Microsoft Sculpt ของผมตัวนึง เรียบร้อยไปแล้ว อายุการใช้งานประมาณปีเศษๆ) สำหรับเมาส์ของ Logitech นี่ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน เดี๋ยวปีหน้าถ้าไม่ลืมก็จะมาอัปเดตให้อ่านกันนะครับ
แต่ถ้าคุณคือคนที่อยากได้เมาส์ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องงานด้าน Productivity และต้องใช้งานถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ละก็ Logitech LIFT ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีราคาที่ถูกกว่าพอสมควร และแม้ว่าเขาจะบอกว่าเหมาะกับคนที่มีมือขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ผมก็คิดว่ามือของชายไทย สูง 177 เซ็นติเมตรแบบผม ก็จับเมาส์ Logitech LIFT นี่ได้อย่างถนัดถนี่ดีอยู่นะ
ใครสนใจ แปะลิงก์ไว้ให้แล้ว ด้านล่างครับ