Home>>รีวิว>>รีวิว HUAWEI MatePad Pro 11-inch แท็บเล็ตโปรๆ สำหรับสาย Productivity
HUAWEI MatePad Pro 11-inch พร้อม HUAWEI Smart Magnetic Keyboard และ HUAWEI M-Pencil
รีวิว

รีวิว HUAWEI MatePad Pro 11-inch แท็บเล็ตโปรๆ สำหรับสาย Productivity

เมื่อไม่นานมานี้ HUAWEI เขาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอีกแล้ว (จริงๆ ตอนเปิดตัวในงาน เขาก็เชิญผมไปนะ อุตส่าห์ลางานเตรียมไปแล้ว แต่ปรากฏว่าติดโควิด-19 อดไปจ้า 🤣🤣) และหนึ่งในนั้นคือ HUAWEI MatePad Pro 11-inch แท็บเล็ตสเปกแรง พร้อมอุปกรณ์เสริมสำหรับสาย Productivity ตัวที่กำลังจะรีวิวนี่แหละ ด้วยค่าตัว 24,990 บาท กับสเปก แรม 8GB ความจุ 128GB มาพร้อม HarmonyOS 3.0 ใหม่สุดแล้ว และรับของแถมในช่วงเปิดตัว ทั้ง HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 กับ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard เรียกว่าซื้อแล้ว พร้อมใช้ ไม่ต้องหาอะไรเพิ่ม

ออกตัวล้อฟรีก่อน…

HUAWEI MatePad Pro 11-inch ตัวที่รีวิวครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจากทาง HUAWEI Thailand ให้ยืมมาทดลองใช้ รีวิวให้ได้อ่านกันอีกเช่นเคยครับ

เซ็ตที่ผมได้มารีวิวครั้งนี้ คือ เซ็ตที่มีการขายจริงๆ เลยนะครับ คือ ประกอบไปด้วยตัวแท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch พร้อมกับอุปกรณ์เสริม 2 ชิ้นที่แถมฟรีมาให้ในโปรเปิดตัว คือ HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 (ราคาปกติ 4,490 บาท) และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard (ราคาปกติ 5,990 บาท)

แท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch และอุปกรณ์เสริมที่มาในกล่อง ได้แก่สายชาร์จ และ อะแดปเตอร์

ในกล่องของ HUAWEI MatePad Pro 11-inch เนี่ย จะมีตัวแท็บเล็ตมาให้ พร้อมอุปกรณ์เสริมคือ สาย USB-A to USB-C เอาไว้ทั้งเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อถ่ายโอนข้อมูลและเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ กับอะแดปเตอร์ HUAWEI SuperCharge จ่ายไฟ 10/18/22.5 วัตต์

แท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch ขณะกำลังอยู่หน้าจอ Home screen

HUAWEI MatePad Pro 11-inch ก็ตามชื่อรุ่นครับ คือ มีขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว เป็นจอแบบ OLED ซะด้วย ความละเอียดการแสดงผล 2.5K 2,560×1,600 พิกเซล อัตราการรีเฟรชภาพสูงสุด 120Hz ตามสมัยนิยม และให้ช่วงสีกว้าง P3 จำนวนสี 1.07 พันล้านสี มีขอบจอที่เล็ก พื้นที่หน้าจอแสดงผลกินเนื้อที่ 92% ของตัวเครื่อง และมีกล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบเจาะรูบนหน้าจอความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

ด้านหลังของแท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch

ด้านหลังของตัวแท็บเล็ต เป็นแบบเรียบๆ ด้านๆ ที่เรียบกว่าสมัย HUAWEI MatePad Pro 10.8-inch ครับ ซึ่งผมชอบดีไซน์แบบใหม่มากกว่า เปลี่ยนไปนิดเดียว แต่ฟีลลิ่งในการสัมผัสมันดีขึ้น มีกล้องดิจิทัลด้านหลังเป็น AI Dual camera ให้กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์มุมปกติ กับกล้องรอง 8 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์มุมกว้าง ตรงโมดูลกล้องดิจิทัลด้านหลังนี่ มีไมโครโฟนอีก 1 ตัว

รอบๆ ตัวเครื่องที่เหลือ ก็จะมีด้านบนเป็นปุ่ม Power และลำโพง 2 ตัว กับด้านล่างเป็นพอร์ต USB-C กับลำโพงอีก 2 ตัว รวมเป็นลำโพงสเตริโอ 4 ตัว ส่วนด้านขวาจะมีปุ่ม Volume กับไมโครโฟน 3 ตัวสำหรับบันทึกเสียง ซึ่งรูไมโครโฟนนี่จะอยู่ติดๆ กันเลย ไม่ได้กระจายไปตามแนวตัวเครื่อง เลยทำให้แอบคิดว่ามันจะบันทึกเสียงสเตริโอตอนถ่ายวิดีโอได้ดีแค่ไหน แต่ที่ต้องดีไซน์ตำแหน่งไมโครโฟนแบบนี้ก็เพราะว่า ตรงด้านขวาเนี่ย จะมีการติดตั้งแม่เหล็กเอาไส้สำหรับดูด HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 เพื่อให้พกพาสไตลัสตัวนี้ไปได้สะดวกๆ นั่นเอง

โดยรวมในแง่ของการดีไซน์ ไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักครับ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะผมเองก็ไม่ค่อยได้เห็นการปรับดีไซน์ของอุปกรณ์จำพวกสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตมามากซักเท่าไหร่ในช่วงหลังๆ มานี้ และพอเอามาใช้ร่วมกับ HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ก็จะออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ เดี๋ยวค่อยมารีวิวถึงการใช้ HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 กับ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ให้อ่านกันอีกทีนะ ขอรีวิวตัวแท็บเล็ตก่อน

วิจารณ์สเปกเด่นๆ ของ HUAWEI MatePad Pro 11-inch

ตัวที่ผมได้มารีวิว เป็นโมเดล GOT-W29 ที่เป็นรุ่นสเปกรองลงมา เขาใช้ CPU เป็น Qualcomm Snapdragon 870 Octa-core (1×Cortex-A77@3.2 GHz + 3×Cortex-A77@2.42 GHz + 4×Cortex-A55@1.8 GHz) และมี GPU เป็น Adreno 650 มาพร้อมกับแรม 8GB และความจุ 128GB ซึ่งเมื่อหักพวกตัวระบบปฏิบัติการและแอปต่างๆ ที่แถมยัดมาให้ตอนแรกเลยเนี่ย ก็จะเหลือความจุ 109GB โดยประมาณ ไว้ให้ใช้งาน มันใส่ MicroSD card เพิ่มไม่ได้นะ รุ่นนี้ สายผู้ใช้งานที่ชอบ CPU ของ Qualcomm น่าจะรู้สึกโอเคกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ใช้ CPU Kirin ของ HUAWEI เอง

ภาพผลการทดสอบความเร็วของ Storage ด้วยแอป

ในแง่ของประสิทธิภาพทั้ง CPU และ GPU คงไม่ต้องรีวิวอะไรให้มาก เพราะ Snapdragon 870 กับ Adreno 650 เนี่ย แม้จะไม่ใช่รุ่นท็อปสุดในปัจจุบัน แต่ก็ต้องเรียกว่าเป็นระดับไฮเอนด์ตัวนึง แต่ที่ผมสนใจคือ ตัว Storage ที่ให้มา 128GB เนี่ย มันมีประสิทธิภาพเป็นยังไง ก็ลองใช้แอป CPDT Benchmark ทดสอบดู ได้ความเร็วในการอ่านและเขียนแบบ Sequential อยู่ที่ 791.18MB/s และ 455.75MBs ตามลำดับ ก็ถือว่าไม่ได้เร็วลำดับต้นๆ แต่ก็ไม่ได้ช้ามาก ความสูงกว่า Samsung Galaxy Z Fold 2 (685.89MB/s | 306.48MB/s) ที่เป็นโคตรเรือธงของ Samsung เมื่อ 2 ปีก่อน อยู่ประมาณนึง

ผลการทดสอบแท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch ด้วยโปรแกรม 3DMark

สำหรับคนอยากเล่นเกม ก็คงต้องทดสอบด้วย 3DMark ละมั้ง ผมก็ลองเอามาทดสอบด้วย Wildlife Extreme ซึ่งเป็น Benchmark ที่อัดกราฟิกไปซะสุด โดยได้ 1,235 คะแนน และทดสอบด้วย Wildlife เฉยๆ ซึ่งเป็น Benchmark ที่ใช้กราฟิกแบบธรรมดา ซึ่งมักจะได้เห็นกันบนเกมสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั่วไป (แต่ก็ยังเรียกว่ากราฟิกสวยงามอยู่นะ) โดยได้ 4,251 คะแนน ซึ่งก็เป็นคะแนนประมาณรุ่นเรือธงเมื่อ 2 ปีก่อน

โดยรวมแล้ว ทำให้สรุปได้ว่าประสิทธิภาพในเชิงฮาร์ดแวร์ด้วยผลการทดสอบจากโปรแกรม Benchmark ต่างๆ เนี่ย HUAWEI MatePad Pro 11-inch นี่ก็จะประมาณเทียบเท่าสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตรุ่นเรือธงเมื่อ 2 ปีก่อน ประมาณนั้น

ประสบการณ์ในการใช้งาน HUAWEI MatePad Pro 11-inch

HUAWEI MatePad Pro 11-inch มีขนาดที่กะทัดรัด บางและเบาพอสมควรเลย มีความสูงประมาณ 16 เซ็นติเมตร และกว้างประมาณ 25 เซ็นติเมตร หนา 5.9 มิลลิเมตร และหนัก 449 กรัม หน้าจอ OLED ให้ความสว่าง 600 nits และ Contrast ที่สูงมากๆ สว่างชนิดที่เรียกว่าถ้าเปิดจนสว่างสุดอะ มันเพียงพอต่อการใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆ ครับ แต่มันก็จะมีข้อจำกัดนิดนึง คือ ด้วยความที่มันเป็นหน้าจอสัมผัส มันก็จะเป็นหน้าจอกระจก การใช้งานในบางมุม ถ้าเกิดมีแสงมาสะท้อนก็จะทำให้มองหน้าจอลำบากอยู่

ส่วนในแง่สีสันเนี่ย ผมในฐานะคนที่ชอบจอ OLED ขอชมแบบสุดลิ่มทิ่มประตู มันให้สีสันสดสวย สีดำดำสนิท และสเปกของ HUAWEI MatePad Pro 11-inch นี่ ความแม่นยำของสี ∆E < 1 ครอบคลุมขอบเขตสี P3 และได้รับการรอบรองคุณภาพหน้าจอแสดงผล Full Care Display 3.0 โดย TÜV Rheinland ด้วย

HUAWEI MatePad Pro 11-inch ใช้งานกลางแจ้ง จอสว่างมาก

ในแง่ของการรองรับการใช้งานนี่ ต้องเรียกว่าด้านฮาร์ดแวร์ไม่มีปัญหาใดๆ ครับ ที่น่าห่วงสำหรับหลายๆ คนก็จะเป็นเรื่องของการใช้งานแอปต่างๆ มากกว่า แต่ด้วยความที่โดนกีดกันทางการค้ามานาน ก็ต้องยอมรับว่า HUAWEI ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้แอปยอดนิยมของคนไทย มีให้ดาวน์โหลดบน HUAWEI AppGallery นะครับ พวกแอปธนาคาร แอป Wallet ต่างๆ รวมถึงแอปที่ทำตลาดในเมืองไทย เช่น พวก Tops, HomePro หรือ Social media ยอดนิยมอย่าง TikTok, BIGO LIVE, LINE อะไรพวกนี้ด้วย

HUAWEI AppGallery ที่แสดงรายชื่อแอปต้่างๆ ที่สามารถดาวน์โหลดได้

และแม้ว่าจะโดนกีดกันทางการค้าอยู่ แต่พวกแอปของ Microsoft อย่าง Microsoft Office และเบราว์เซอร์ Microsoft Edge นี่มีให้ดาวน์โหลดบน HUAWEI AppGallery ได้โดยตรงเลย ดังนั้นถ้าจะเอา HUAWEI MatePad Pro 11-inch มาทำงานเอกสาร หรือหากจะท่องเว็บแล้วรู้สึกว่าเบราว์เซอร์ของ HUAWEI มันมีปัญหากับการเรนเดอร์เว็บ ก็ไม่ต้องห่วงแล้ว

แต่ถ้าเป็น Microsoft OneDrive ดันไม่มีให้ดาวน์โหลด ต้องไปดาวน์โหลดจาก 3rd party เป็น APK แทนซะงั้น ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีให้ดาวน์โหลด หรือกลัวว่าจะทำให้ HUAWEI Cloud ขายไม่ออกฟะ 🤣🤣 แต่สำหรับคนที่ทำงานกับ Microsoft Office เนี่ย จะต้องมีบัญชี Microsoft 365 ก่อนนะครับ ถึงจะสามารถสร้างหรือแก้ไขเอกสารแล้วเซฟได้ ไม่งั้นจะได้แค่ Read-only แต่พอมีบัญชี Microsoft 365 แล้วก็จะสามารถเบราว์ตัวไฟล์เอกสารใน Microsoft OneDrive ได้จากตัวแอป Microsoft Office โดยตรงเลย

แอป Microsoft Word บนแท็บเล็ต

พวกแอปอย่าง Twitter หรือ Facebook นี่ ยังสามารถดาวน์โหลดผ่าน 3rd party อย่าง APKPure ได้ และเท่าที่ลองใช้งาน มันก็ไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นแค่ความน่ารำคาญตอนอัปเดตด้วย APKPure ที่ไม่สะดวกเหมือนตอนใช้งานผ่าน HUAWEI AppGallery และมันก็มีโฆษณามาคั่น ให้น่ารำคาญเพิ่มเข้าไปอีก

แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้แอปของ Google หรือแอปใดๆ ที่มีการผูกบัญชี Google Account หรือจำเป็นต้องพึ่งพาบริการของ Google โดยตรงล็อกอิน Google Account ก่อน นี่แทบจะใช้ไม่ได้เลยครับ ตรงนี้หลายคนแนะนำให้ไปใช้แอป Gspace ซึ่งเท่าที่ผมลองใช้งาน ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เพียบ ทั้งในเรื่องความสะดวก ความเสถียร ประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ ฯลฯ

โดยรวมอยากบอกว่า ใครที่ยังพึ่งพาบริการของ Google แล้วไม่สะดวกที่จะใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ผมว่าก็จะรู้สึกขัดใจในการใช้งาน HUAWEI MatePad Pro 11-inch อยู่ดีครับ

ใช้งาน Multi-window บน HUAWEI MatePad Pro 11-inch เปิดแอปจดโน้ตพร้อมๆ กับโปรแกรมเบราว์เซอร์

หน้าจอแสดงผล 11 นิ้ว มันก็ทำงานแนว Multitasking ได้ดีขึ้น เราสามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง Multi-window ในการเปิดแอป 2 ตัวพร้อมกันได้ แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดแปลกๆ ที่แอบขัดใจอยู่ดี เช่น แอป Note เนี่ย เวลาเปิดแบบ Multi-window แล้ว ตอนปรับขนาดของหน้าต่างโปรแกรม มันจะมีบางจังหวะที่การแสดงผลของหน้าต่างป๊อบอัปสำหรับการแทรกรูป มันแสดงผลผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถเลือกตัวเลือกบางตัวได้ เป็นต้น

แต่ด้วยฟีเจอร์ Multi-window นี่ ก็จะช่วยให้เราทำงานอย่างเช่น จดโน้ตหรือพิมพ์บันทึกไปพร้อมๆ กับการเปิดเว็บไซต์หาข้อมูลไปด้วย ก็ทำได้สบายๆ หรือเวลาที่ช้อปปิ้งผ่านแอปอย่าง Lazada มันก็จะช่วยให้เราเปิดสองหน้าจอได้พร้อมกัน หน้าจอหลักอยู่ทางซ้ายมือ แต่พอเราแตะดูสินค้า มันก็จะเปิดให้ดูบนหน้าขวามือแทน เป็นต้น ก็สะดวกดี

HUAWEI MatePad Pro 11-inch กับ HUAWEI FreeBuds 4 ที่เมื่อเปิดใช้งาน ก็มีการแจ้งเตือนว่าต้องการเชื่อมต่อหรือไม่

จุดขายสำคัญของอุปกรณ์ของ HUAWEI คือ ระบบนิเวศน์ หรือ Ecosystem ที่ช่วยทั้งอำนวยความสะดวกในการใช้งาน คือ HUAWEI Super Device เช่น หูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 หรือลำโพงไร้สาย HUAWEI Sound Joy เนี่ย พอเปิดใช้งาน มันก็จะเด้งขึ้นมาเลยว่าต้องการจะเชื่อมต่อหรือไม่ และหากใช้งานร่วมกับโน้ตบุ๊กของ HUAWEI ก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลไปมาแบบไร้สายได้ แถมยังสามารถใช้แท็บเล็ตเป็นหน้าจอแสดงผลเสริมแบบไร้สายได้อีกด้วย ซึ่งค่อนข้างสะดวกมากๆ ทีเดียว

งวดนี้ HUAWEI เหมือนจะไม่ได้ให้ harman/kardon มาช่วยจูนระบบเสียงแล้ว แต่เขาไปใช้ HUAWEI SOUND เต็มรูปแบบเลย และนับเป็นแท็บเล็ตเครื่องแรกของ HUAWEI ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งมองในแง่นึงก็ถือว่า HUAWEI มุ่งมั่นดีที่จะมีอะไรเป็นของตัวเอง ไม่ต้องง้อคนอื่น และที่ผ่านมา HUAWEI ก็พิสูจน์ให้ได้เห็นมาในระดับนึงแล้ว ที่แปลกใจคือ ในสเปกเขาบอกว่าให้ลำโพงมา 6 ตัว แต่ที่มีรูลำโพง มันมีแค่ 4 รูเอง แล้วมันจะลำโพง 6 ตัวได้ยังไง ให้ดูวิดีโอด้านล่างนี่

จะเห็นว่ามันจะมีลำโพงอีก 2 ตัวที่จะไปแชร์รูลำโพงครับ เพื่อให้สามารถรองรับการแสดงเสียงในย่านต่างๆ ได้ดีขึ้น (ผมเดาว่าอีก 2 ตัวที่เพิ่มมา น่าจะมาช่วยเรื่องการแสดงผลย่านต่ำละมั้งนะ) เท่าที่ลองฟังดู เสียงมันก็ดังกังวาลดีครับ ลองวัดความดังของเสียงลำโพงด้วยเครื่องวัด ในระยะห่างจากตัวแท็บเล็ตราวๆ 15 เซ็นติเมตร ก็ได้อยู่ที่ 86dbA โดยประมาณ เมื่อเปิดดัง 100% ถ้าต้องการเอามาเปิดดูคลิป ฟังเพลง โดยไม่ง้อหูฟัง ผมว่ามันโอเคในระดับนึง แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่เมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อกับลำโพงนะครับ

สำหรับสายทำงาน ถ้าต้องประชุมออนไลน์ด้วย หมดห่วง เพราะกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.2 แบบ Fixed focus คุณภาพดีมากพอสำหรับใช้เป็นเว็บแคม และแม้ว่าตำแหน่งของเลนส์กล้องมันจะอยู่ตรงมุมด้านบนของตัวเครื่อง เวลาเอามาใช้ประชุมออนไลน์ มุมกล้องมันก็ไม่ได้แย่มากแต่อย่างใด แต่ฟีเจอร์ FollowCam ที่จะช่วยปรับให้ตัวเราอยู่ประมาณกึ่งกลางของเฟรมภาพ (ในกรณีที่ระยะห่างจากตัวเรากับตัวแท็บเล็ตมันมีประมาณนึง เพื่อให้ซอฟต์แวร์ครอปภาพมาได้) นั้น มันใช้ได้กับแอป MeeTime ซึ่งเป็นแอปแชทของ HUAWEI เป็นหลัก และเป็นแอปที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้กันอะ

เกมที่มีให้ดาวน์โหลดบน HUAWEI AppGallery

แต่ถ้าใครจะซื้อ HUAWEI MatePad Pro 11-inch มากะเล่นเกมด้วย ในแง่ของฮาร์ดแวร์น่ะ ผมว่าไม่มีปัญหาหรอก CPU/GPU นี่เหลือเฟือสำหรับเล่นเกม หน้าจอ OLED ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 2.5K แถมรีเฟรชเรต 120Hz คือเหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างยิ่ง แต่อยากแนะนำให้ไปลองเล่นที่ Shop ของ HUAWEI ก่อน เพื่อดูว่ามีเกมอะไรบ้างที่อยู่บน HUAWEI AppGallery ให้ดาวน์โหลด มีเกมที่เราจะเล่นไหม เพราะโดยส่วนตัวผม ผมไม่ใช่สายเกม แต่เท่าที่เห็น พวก Garena Free Fire, PUBG, Honkai Impact, Ragnarok X อะ มีให้ดาวน์โหลดอยู่ เกมที่พัฒนาโดยบริษัทจีนก็เห็นอยู่เพียบ แต่อีกหลายๆ เกมก็ไม่มีให้เล่นนะ เช่น Diablo Immortal นี่ยังไม่มี ROV นี่ก็น่าแปลกใจ เพราะเป็นเกมของค่าย Garena แต่ก็ไม่มีให้ดาวน์โหลดบน HUAWEI AppGallery เช่นกัน การจะเล่นเกมอื่นๆ ที่ไม่มี ก็อาจจะต้องใช้ 3rd party store และเกมนั้นๆ ต้องไม่พึ่งพา Google Account เป็นหลักด้วยนะ

ด้านแบตเตอรี่ HUAWEI MatePad Pro 11-inch ให้มามากถึง 8,300mAh ซึ่งเขาว่าพอที่จะใช้งานดูวิดีโอได้ต่อเนื่อง 11.5 ชั่วโมงสบายๆ ซึ่งถ้าเอาจริงๆ ก็คือ เอาไปใช้งานทั่วๆ ไป นอกบ้าน ต่อ WiFi เล่นเน็ต ทำโน่นนี่ แล้วค่อยกลับมาชาร์จแบตเตอรี่ได้สบายๆ ที่ชาร์จที่เขาให้มาเป็นแบบจ่ายไฟสูงสุด 22.5 วัตต์ แต่ถ้าอยากได้ชาร์จแบตเตอรี่ไวจริงๆ ก็ไปใช้อะแดปเตอร์ HUAWEI SuperCharge 66 วัตต์ (อันที่ใช้กับพวกโน้ตบุ๊กเขานั่นแหละ) มาชาร์จก็ได้ อันนี้ก็เข้าข่าย Ecosystem ของ HUAWEI อีกสินะ

หน้าจอ Settings ในการเปิดใช้งานฟีเจอร์ถนอมแบตเตอรี่อย่าง Smart charge หรือ Custom limit

ตอนนี้ HarmonyOS เขามีฟีเจอร์เรื่องการถนอมแบตเตอรี่แล้วด้วยนะ คือ Smart charge ที่จะทำการเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของเรา และจะหน่วงการชาร์จไว้ที่ 80% ก่อน แล้วค่อยๆ ชาร์จจนเต็มเมื่อถึงเวลาที่เราต้องการใช้งานจริงๆ และมันมีอีกฟีเจอร์คือ Custom limit ที่จำกัดเปอร์เซ็นต์การชาร์จแบตเตอรี่ โดยตั้งได้ตั้งแต่ 70% – 90% แต่มันไม่ใช่ทุกรุ่นที่มี HarmonyOS ที่จะได้ฟีเจอร์นี้ ผมลองเทียบ 3 รุ่น คือ HUAWEI MatePad Pro 10.8-inch ที่ได้ HarmonyOS 2.0.0.225 กับ HUAWEI MatePad Pro 10.4-inch (Refresh) ที่ได้ HarmonyOS 2.0.0.250 และ HUAWEI MatePad Pro 11-inch ตัวนี้ ที่เป็น HarmonyOS 3.0.0.116 ซึ่งถือว่าใหม่สุดแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะต้องเป็น HarmonyOS 2.0.0.250 หรือใหม่กว่าเท่านั้นแหละ

ซึ่งสำหรับ HUAWEI MatePad Pro 11-inch มีฟีเจอร์ทั้ง Smart charge และ Custom limit มาให้ใช้ครบถ้วน โดยเราจะเลือกเปิดได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ ฟีเจอร์ Smart charge นี่เหมาะกับคนที่มีพฤติกรรมการชาร์จอุปกรณ์แน่นอน เช่น ใช้ตอนกลางวัน ชาร์จก่อนนอน แล้วตื่นเช้าค่อยหยิบไปใช้ แต่ Custom limit นี่จะเหมาะกับคนที่ชอบเสียบสายชาร์จค้างไว้ตลอดเวลา ชาร์จบ่อยๆ

ปกติผมจะไม่ค่อยรีวิวกล้องดิจิทัลของพวกแท็บเล็ตเท่าไหร่ เพราะมันไม่ใช่จุดขายของอุปกรณ์พวกนี้ (ไม่ค่อยมีใครเขาแบกแท็บเล็ตไปถ่ายรูปกัน) แต่กล้องดิจิทัลของ HUAWEI นี่ ขอพูดถึงซักหน่อยก็แล้วกัน เพราะงวดนี้เขาปรับมาใช้ AI Dual camera แล้ว และกล้องหน้าของ HUAWEI MatePad Pro 11-inch นี่ก็มาซะ 16 ล้านพิกเซลเลย ซึ่งความละเอียดดันสูงแซงหน้ากล้องหลังไปซะงั้น

โมดูลกล้องดิจิทัลด้านหลังของ HUAWEI MatePad Pro 11-inch

กล้องหลังนี่ตัวหลักเป็นกล้องมุมปกติ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/1.8 แบบออโต้โฟกัส และกล้องรองเป็นกล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 แบบ Fixed focus คุณภาพของกล้อง ก็ตามภาพที่ให้ดูเป็นตัวอย่างเลยครับ ก็ต้องบอกว่าตัวภาพที่ได้จากกล้อง 13 ล้านพิกเซลนี่ คุณภาพดีใช่ย่อยเลย เอาไปใช้ถ่ายรูปทำงานได้อะ สมกับเป็นแท็บเล็ตสาย Productivity จริงๆ แต่ในทางกลับกัน กล้องรองที่เป็นกล้องมุมกว้าง ความละเอียดแอบต่ำไปหน่อยนะ ในความเห็นของผม และตามสไตล์ของกล้องเลนส์มุมกว้าง มันก็จะเป็น Fixed focus (เพราะเวลาถ่ายมุมกว้างแล้ว มันไม่ต้องไปโฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่ง) ผมรู้สึกได้ว่าความละเอียดของเซ็นเซอร์มันต่ำไปหน่อย เวลาถ่ายมาแล้ว ภาพมันดูไม่คมชัดเท่าที่ควร

ภาพเซลฟี่ของผู้ชายผมสั้น สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว ถ่ายแบบไม่เปิดบิวตี้โหมดภาพเซลฟี่ของผู้ชายผมสั้น สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว ถ่ายแบบเปิดบิวตี้โหมดระดับ 5 (จาก 10 ระดับ)

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซลนี่สิ ข้อจำกัดก็เอาอีกแล้วครับ คือ มันเป็น Fixed focus ซึ่งเอาจริงๆ ผมมองว่ากล้องหน้ามันควรจะออโต้โฟกัสมากกว่า เพราะมันมีโอกาสที่เราจะถ่ายภาพแบบใกล้ๆ หรือ ไกลๆ การ Fixed focus มา ถ้าเลนส์มันมุมกว้างไม่พอ มันอาจจะทำให้ภาพตอนที่หน้าอยู่ใกล้ๆ กล้องมันเบลอเอาได้ แต่ถ้ามองในแง่ของคุณภาพของภาพถ่าย ถือว่าทำได้โอเคนะ เพราะเซ็นเซอร์มันความละเอียด 16 ล้านพิกเซลไง ยิ่งเอามาถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดบิวตี้ละก็ เปลี่ยนคนเป็นอีกคนได้ประมาณนึงเลย ภาพด้านบนนี่ ผมถ่ายเทียบระหว่างไม่เปิดบิวตี้โหมด กับเปิดบิวตี้โหมดระดับ 5 (จาก 10 ระดับ)

ประสบการณ์การใช้อุปกรณ์เสริมของ HUAWEI MatePad Pro 11-inch

มาพูดถึงการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมบ้าง เริ่มจาก HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ครับ ตัวที่ผมได้มาใช้งานเป็นแบบไม่มีแป้นไทย แต่ทาง HUAWEI ได้คอนเฟิร์มกับผมแล้วว่าตัวที่วางจำหน่ายจริงๆ นั้นจะเป็นคีย์บอร์ดที่มีแป้นภาษาไทยครับ ฉะนั้นหมดห่วงได้

ภาพขณะที่กำลังพิมพ์ข้อความบนแท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch ด้วย HUAWEI Smart Magnetic Keyboard

แต่ถ้าพูดถึงเฉพาะประสบการณ์ในการพิมพ์ ก็ถือว่าไม่เลวครับ สามารถทำได้ดี ตอนผมใช้งานเนี่ย ผมดาวน์โหลดแอป Gboard มาจาก APKPure เพราะผมชอบคีย์บอร์ดของ Google มากกว่า (และ Gboard นี่เป็นแอปของ Google ในไม่กี่ตัวที่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ของ HUAWEI ได้โดยไม่มีปัญหา) การสลับภาษาก็ทำได้ไม่ยาก ด้วยการกด Ctrl + Spacebar พิมพ์ภาษาไทยสลับกับภาษาอังกฤษไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม คีย์บอร์ดพิมพ์ได้สะดวก ไม่ลำบาก ปุ่มมันใหญ่อยู่ และพิมพ์ค่อนข้างถนัดมือ แม้ว่าขนาดคีย์บอร์ดจะค่อนข้างเล็ก

แต่ถ้าใครจะใช้ Keyboard ที่มาพร้อมกับ HUAWEI MatePad Pro 11-inch (Celia keyboard) นี่ อาจจะงงกับวิธีการเซ็ตให้ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard รองรับการพิมพ์ภาษาไทยหน่อยแหละ เพราะขนาดเปลี่ยนภาษาแล้ว มันก็ยังสลับไปพิมพ์ไทยไม่ได้ ต้องไปกดเปลี่ยนภาษาใน Virtual keyboard ถึงจะเปลี่ยนภาษาได้ ผมแนะนำให้ไปใช้ Gboard เฮอะ

HUAWEI Smart Magnetic Keyboard เมื่อแยกส่วนคีย์บอร์ด และฝาหลัง ออกจากกันแล้ว

ดีไซน์ของ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard งวดนี้มีการออกแบบใหม่ แม้จะยังมีแบตเตอรี่ในตัว เชื่อมต่อแบบไร้สาย แต่ว่าใช้วิธีชาร์จแบบไร้สายผ่านตัวแท็บเล็ตเลย มันเลยมีความบางลงอย่างชัดเจน ไม่ต้องลำบากไปชาร์จแบตเตอรี่แยกต่างหาก และมีการออกแบบมาให้สามารถแยกเอาตัวคีย์บอร์ดออกจากฝาหลังได้ด้วย เผื่อใครอยากพกเบาๆ ไม่อยากใช้คีย์บอร์ด ก็ติดไปแต่ฝาหลังก็ได้ เพราะมันสามารถทำตัวเป็นขาตั้งแบบ Kickstand ได้ครับ แต่มันแอบแข็งหน่อยๆ นะ ตอนแรกไม่กล้ากางออกมาเยอะๆ กลัวมันหัก 🤣🤣

แต่มันก็มีสิ่งที่ไม่สะดวกอยู่เรื่องนึงคือ เพราะมันไม่มีปุ่มเปิดปิดคีย์บอร์ดแล้วครับคราวนี้ ก็เลยทำให้ตัวคีย์บอร์ดเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตตลอดเวลา หากเราต้องการจะพิมพ์โดยไม่ใช่คีย์บอร์ด เราจะต้องไปตั้งค่าให้แสดง Virtual keyboard เสมอ แม้จะเชื่อมต่อกับ Physical keyboard อยู่ก็ตามใน Settings ซึ่งมันทำให้แอบรำคาญ เวลาเราจะพิมพ์โดยใช้ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ซึ่งดีไซน์เก่าอะ เราก็แค่ปิดสวิตช์ก็พอ

การถอดแยกได้แบบนี้ ทำให้เราไม่ถูกจำกัดการใช้งานว่าตัวแท็บเล็ตจะต้องอยู่ติดกับคีย์บอร์ดตลอดเวลา เวลาเอาไปวางใช้งานบนโต๊ะ ถอดแยกคีย์บอร์ดออกมา จะทำให้เราสามารถวางมุมมองได้ดีกว่า และมันปรับมุมเอนมากๆ ถึง 165 องศา ช่วยให้สามารถใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ดได้ดีมากๆ และช่วยให้สะดวกเวลาใช้งานร่วมกับ HUAWEI M-Pencil ตอนขีดๆ เขียนๆ และวาดรูปด้วย

HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 ที่กำลังเหน็บติดกับขอบตัวเครื่องแท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch อยู่

มาดูที่ HUAWEI M-Pencil รุ่นที่ 2 กันบ้าง การใช้งานก็จะคล้ายๆ กับตัวคีย์บอร์ด คือ หากจะชาร์จแบตเตอรี่ก็ใช้วิธีเหน็บมันกับตัวแท็บเล็ตด้วยแรงแม่เหล็ก มันจะชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายให้เอง และก็ช่วยให้เราสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก โดยไม่ต้องไปหาอุปกรณ์เสริมมาใส่เพื่อพกพา แต่แรงแม่เหล็กไม่ได้แรงเวอร์วังมาก และตำแหน่งของการเหน็บตัว HUAWEI M-Pencil มันแอบเสี่ยงต่อการโดนปัดตกได้ง่ายๆ ช่วงที่ผมรีวิวนี่ ไม่อยากบอกว่าปัดตกพื้นเล่น 1-2 ครั้งต่อวันเลยครับ

ภาพการวาดรูปด้วย HUAWEI M-Pencil และ HUAWE MatePad Pro 11-inch

HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 นี่มีขนาดใหญ่ ดีไซน์จับสะดวกมากๆ และตัวหัวปากกานี่เป็นแบบพลาสติกใส สวย หัวแบบ Ball เคลือบด้วยแพลทินัม ให้ความทนทานในการใช้งาน สามารถตรวจจับแรงกดได้ 4,096 ระดับ (ต้องใช้ร่วมกับแอปที่รองรับ ถึงจะสามารถปรับขนาดของเส้นที่วาดด้วยแรงกดได้นะ) ในแอปที่รองรับการทำงานของ HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 นี่จะสามารถใช้การแตะที่ตัว M-Pencil เพื่อสลับระหว่างโหมดปากกากับยางลบได้

เขียนภาษาไทยด้วยลายมือ ผ่านแอป Gboard

และยังไม่นับเรื่องการอำนวยความสะดวกในการใช้งาน เมื่อใช้ HUAWEI M-Pencil รุ่น 2 แทนการใช้นิ้วมือ เช่น การลากเพื่อเก็บภาพหน้าจอ การเขียนแล้วแปลงเป็นเป็นข้อความด้วยฟีเจอร์ Free Script แต่ดูเหมือนจะยังไม่รองรับภาษาไทยแฮะ เหมือนจะได้เฉพาะภาษาอังกฤษ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ HUAWEI บอกกับผมว่าหลังจากอัปเดตซอฟต์แวร์แล้ว จะสามารถแปลงภาษาไทยเป็นข้อความได้ นอกจากนี้ ถ้าเราดาวน์โหลดแอป Gboard มา เราเพิ่มคีย์บอร์ดที่เป็น Thai Handwriting เข้าไป เราก็จะสามารถใช้ฟีเจอร์เขียนเป็นภาษาไทยและภาษาอื่นๆ ได้ ดีกว่าอีก 🤣🤣 ข้อเสียคือ เราต้องไปเซ็ตให้มันเปิด Virtual keyboard เอาไว้ (ในกรณีที่เราจะใช้ Physical keyboard ด้วย) แต่การใช้ฟีเจอร์ Free Script มันจะดีกว่าตรงที่ ไม่ต้องไปคอยแตะตรงกล่องข้อความแล้วค่อยมาเขียนตรงพื้นที่สำหรับเขียนเหมือนใน Gboard แต่สามารถเอา HUAWEIM-Pencil ไปเขียนตรงกล่องข้อความได้เลย ซอฟต์แวร์มันจะรู้เองว่าเรากำลังอยากจะเขียนเพื่อแปลงเป็นข้อความใส่ในกล่องข้อคว

บทสรุปการรีวิว HUAWEI MatePad Pro 11-inch

ในแง่ของฮาร์ดแวร์ ผมคิดว่า HUAWEI MatePad Pro 11-inch ตัวนี้ดีนะ ทั้งในแง่ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ ระบบเสียง มันรองรับการใช้งานที่หลากหลายมาก โดยเฉพาะหากคุณอยู่ใน HUAWEI Ecosystem แต่จุดอ่อนก็ยังเหมือนเดิม คือ การที่ไม่มี Google Mobile Services (GMS) ซึ่งแม้ว่าความยุ่งยากจะน้อยลงแล้ว เพราะ HUAWEI AppGallery พัฒนาไปเยอะมาก มีแอปต่างๆ ให้ใช้มากขึ้น แต่สำหรับคนที่ชีวิตยังผูกติดกับ Google Account อย่างผม การที่ไม่มี GMS ก็ยังทำให้บางอย่างลำบากหรือได้ประสบการณ์ในการใช้งานไม่เต็มที่ (เช่น YouTube ไม่มีแอป ต้องเปิดหน้าเว็บเอา หรือ บางแอปก็ต้องดาวน์โหลดจาก 3rd party store)

ลองคิดว่าอยากจะเอาแท็บเล็ตมาทำงานสาย Content creator อยากจะถ่ายวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอให้จบภายในอุปกรณ์เดียว HUAWEI MatePad Pro 11-inch นี่ก็พอไหวอยู่นะ แต่เวลาจะอัปโหลดขึ้น Facebook หรือ YouTube มันดันต้องวุ่นวายเพราะไม่มีแอปให้ดาวน์โหลดจาก Store โดยตรง อะไรแบบนี้เป็นต้น

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Discover more from บล็อกต๊อกต๋อยของนายกาฝาก

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ผมใช้แค่ดูว่ามีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ผมกี่คน กี่ครั้ง และดูหน้าเว็บไหนบ้าง ถ้าคุณปิดการใช้งาน ผมก็จะไม่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านบล็อกของผมกี่คน กี่ครั้ง
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า