QNAP Thailand เขาส่งมาให้ผมรีวิวพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ไม่สามารถหยิบมันออกมารีวิวได้ เพราะผมดันติดโควิด-19 พอดี จะหยิบออกมาก็ขี้เกียจจะต้องทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ เลยรอจนหายดีและ ค่อยแกะออกมารีวิวครับ QNAP NAS TS-433 ตัวนี้จะเป็น NAS แบบ 4-bay ที่มาพร้อมหน่วยความจำ 4GB ใช้หน่วยประมวลผลเป็นสถาปัตยกรรม ARM Cortex A55 2.0GHz แบบ 4-core เหมาะสำหรับการใช้งานตามบ้าน หรือสำหรับช่างภาพที่ต้องการสื่อบันทึกข้อมูลไว้เก็บงานภาพถ่ายมากๆ นะผมว่า
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
QNAP TS-433 ที่รีวิวในบล็อกตอนนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจากทาง QNAP Thailand ให้ยืมมาเพื่อรีวิวให้ได้อ่านกันครับ
ภายในกล่องของ QNAP TS-433 นี่ สิ่งที่เราจะได้มาก็คือตัว NAS ที่เป็นแบบ 4-bay มีดีไซน์ใหม่ที่สังเกตได้ 2 เรื่อง คือ
*️⃣ ตัวเครื่องทำเป็นทูโทน สองสี คือ ตัวเครื่องส่วนใหญ่มีสีขาว แต่จะมีคาดสีเทาดำมานิดๆ ตรงด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง ซึ่งจะมีพวกไฟ LED บอกสถานะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของตัวเครื่อง เน็ตเวิร์ก การก๊อปปี้ข้อมูล และการทำงานของฮาร์ดดิสก์แต่ละลูก มีปุ่ม Power และ Quick copy กับพอร์ต USB-A มาให้สำหรับเสียบพวกฮาร์ดดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟเพื่อให้ฟีเจอร์ Quick copy นั่นแหละ
*️⃣ มีตัวล็อกกุญแจมาให้ ซึ่งปกติรุ่นจำพวกใช้ตามบ้านหรือ SOHO จะไม่ค่อยมีฟีเจอร์นี้ ดูท่าทาง QNAP จะให้ตัวล็อกกุญแจถาดใส่ฮาร์ดดิสก์มันเป็นมาตรฐานละมั้ง 🤔 แต่ผมก็สังเกตว่า อิรูกุญแจเนี่ย มันเป็นรูปตัว Q ซะทุกรุ่น แล้วพอดีผมก็เพิ่งอัปเกรด NAS ที่บ้านเป็น TS-673A ซึ่งก็มีรูกุญแจแบบนี้พอดี ก็เลยลองเอากุญแจของรุ่น TS-673A มาลองไขดู ก็พบว่าใช้ได้เหมือนกันเลยเว้ยเฮ้ย ฉะนั้นก็ต้องบอกว่าสำหรับใครที่จะเอาไปใช้ในออฟฟิศ แล้วอยากได้การรักษาความปลอดภัยแบบไม่ให้ใครแอบขโมยถอดฮาร์ดดิสก์ไปได้ หรือเผลอถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจจะได้ความปลอดภัยไม่เต็ม 100% นะ เพราะใครที่ซื้อ QNAP NAS รุ่นที่มีล็อกกุญแจแบบนี้ กุญแจมันใช้ด้วยกันได้ทั้งหมดเลย … แต่ข่าวดีคือ ใครเผลอทำกุญแจหาย ก็จะหายืมคนอื่นมาไขได้ง่ายกว่าเดิม

ด้านหลังของ QNAP TS-433 ก็จะเป็นพัดลมขนาดใหญ่สำหรับระบายความร้อนที่เกิดจากตัวระบบและฮาร์ดดิสก์ มีพอร์ต RJ-45 ให้สองพอร์ต โดยพอร์ตนึงเป็น 2.5GbE ส่วนอีกพอร์ตเป็น 1GbE ครับ และมีพอร์ต USB-A มาให้อีก 2 พอร์ต อย่างไรก็ดี ผมหาข้อมูลไม่เจอนะ (เว็บไซต์ QNAP ไม่ได้ให้ข้อมูลมา) ว่าพอร์ต USB-A ทั้ง 3 พอร์ตที่ให้มานี้ เป็นเวอร์ชันไหนบ้าง แต่ถ้าให้ผมเดา (ย้ำว่าเดา) พอร์ตข้างหน้าน่าจะเป็น USB 3.2 Gen 1 (แบนด์วิธ 5Gbps) ส่วนอีก 2 พอร์ตด้านหลัง เป็น USB 2.0 ซึ่งผมก็แปลกใจว่าเอาไว้ทำอะไร
นอกจากพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ แล้ว ก็มีช่องสำหรับใส่ตัวล็อก Kensington เผื่อต้องการล็อกให้ NAS มันอยู่กับที่ไม่โดนใครอุ้มไปซะก่อน กับช่องเสียบอะแดปเตอร์ไฟ DC ซึ่งอะแดปเตอร์ที่ให้มาเป็นแบบ 90 วัตต์ ครับ และเป็นปกติของ NAS ที่ใช้หน่วยประมวลผลในสถาปัตยกรรม ARM ก็คือ มันอัปเกรดใดๆ ไม่ได้ครับ ฉะนั้นสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแม้เราจะสามารถไขน็อต 4 ตัวเพื่อถอดฝาออกมาได้ แต่มันจะมีสติกเกอร์รับประกันติดเอาไว้ตรงบริเวณรอยแยกของฝาเครื่อง หากเราพยายามจะแกะฝาออก ก็จะทำให้สติกเกอร์ขาด และประกันก็จะหมดลงในทันที ฉะนั้น ผมก็จะไม่ขอแกะเครื่องดูเหมือนรุ่นอื่นๆ ที่ผมรีวิวนะครับ เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ในการรีวิว เนื่องจากฮาร์ดแวร์มันก็อัปเกรดไม่ได้อะ

แน่นอน QNAP NAS ทุกรุ่นตอนนี้ เป็นแบบ Tooless แล้วครับ ถ้าเราใส่ฮาร์ดดิสก์แบบ 3.5 นิ้ว มันก็จะมีตัวล็อกพลาสติกมาให้ใช้ล็อกฮาร์ดดิสก์เลย ไม่ต้องพึ่งพาน็อต แต่ในกล่องเขาก็ยังมีน็อตมาให้ใช้ เผื่อใครยังอยากใช้น็อตยึดอยู่ รวมถึงในกรณีที่จะใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5 นิ้ว (ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดดิสก์สำหรับโน้ตบุ๊ก หรือจะเป็น SSD แบบ SATAIII ก็ตาม)

เวลาที่จะซื้อ QNAP NAS ไว้ใช้งาน หากต้องการจะ “เผื่อ” สำหรับอนาคต ผมก็อยากจะให้ใช้รุ่น 4-bay ขึ้นไปเป็นอย่างน้อยครับ เพราะมันจะช่วยให้เรามีตัวเลือกสำหรับ RAID configuration ที่ยืดหยุ่นกว่า คือ เราจะเลือกทำ RAID10 ก็ได้ RAID5 หรือ RAID6 ก็ได้ หรือหากใครอยากจะใช้ SSD cache acceleration ก็เอา SSD แบบ SATAIII มาใส่ซักลูกนึง (แต่เพราะมีลูกเดียว เลยเหมาะจะทำเป็น Read-only cache มากกว่านะ) แล้วอีก 3 ถาดที่เหลือ ก็เอามาใช้ทำ RAID5 ก็จะได้ใช้พื้นที่อย่างเต็มที่ และประสิทธิภาพก็สูงพอสมควรด้วยนะ

ข้อสังเกตนิดนึงคือ QNAP TS-433 นี่ ไม่มีเผื่อรองรับพวก SSD แบบ M.2 นะครับ แต่ก็อย่างที่ผมบอก คือ ถ้าเกิดอยากจะทำ SSD cache acceleration ก็ยังสามารถทำได้ โดยสละ 1 ถาดไปใส่ SSD แบบ SATAIII นั่นเอง แต่ในเรื่องฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การทำ Snapshot เนี่ย สามารถทำได้สบายๆ ครับ เพราะตอนนี้ฟีเจอร์นี้ CPU แบบ ARM ใช้งานได้แล้ว ขอแค่มีแรมมากพอ ซึ่งรุ่นนี้เรียกว่าเหลือเฟือ

QNAP TS-433 เนี่ย ราคาค่าตัวอยู่ที่ 15,400 บาท ได้ CPU เป็น ARM 64-bit Cortex-A55 2.0GHz 4-core รองรับการประมวลผลด้วย NPU ด้วย กับหน่วยความจำ 4GB ถือว่าเป็น NAS แบบ 4-bay ที่ประสิทธิภาพพอสมควร และสเปกแรงพอสำหรับทำอะไรต่อมิอะไรได้เยอะอยู่ มีเผื่อในส่วนของเน็ตเวิร์กทั้ง 1GbE และ 2.5GbE มาให้อย่างละ 1 พอร์ตด้วย รวมแล้วได้แบนด์วิธสูงสุด 3.5GbE เมื่อใช้กับ Switch ที่รองรับการทำ Port trunking เรียกว่ามีอะไรต่อมิอะไรมาให้ในระดับเพียงพอสำหรับพื้นฐาน แค่ไม่เปิดโอกาสให้อัปเกรดใดๆ เท่านั้นแหละ ผมถึงบอกว่ามันจะเหมาะสำหรับการใช้งานส่วนตัว และพวก SOHO (Small Office Home Office) ที่ต้องการฟีเจอร์พื้นฐานของ NAS สำหรับเก็บข้อมูลซะมากกว่า
ในมุมมองส่วนตัวของผมนั้น QNAP TS-433 นี้เหมาะสำหรับการนำไปใช้งานประมาณนี้ครับ
👉 ผู้ใช้งานตามบ้าน เอาไว้ใช้เก็บพวกไฟล์รูปภาพและวิดีโอจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแบบง่ายๆ ผ่านแอป QuMagie (ทั้งบน Android และ iOS) ซึ่งจะช่วยอัปโหลดพวกไฟล์วิดีโอและภาพถ่ายไปเก็บลง QNAP TS-433 ให้ และสามารถเรียกดูไฟล์รูปภาพพวกนี้ได้ คล้ายๆ กับการใช้งาน Google Photos เลย นอกจากนี้ ด้วยความที่ CPU ของ QNAP TS-433 นี้รองรับ NPU และการประมวลผล AI Core ด้วย มันก็จะมีฟีเจอร์จำพวกการจดจำใบหน้า สามารถแท็กรูปด้วยใบหน้าของคนได้ สะดวกเวลาจะค้นหารูปอีก
👉 ผู้ใช้งานตามบ้าน อยากทำ Personal cloud ใช้เอง คล้ายๆ กับพวก Google Drive หรือ OneDrive นั่นแหละ สามารถทำได้ด้วยโปรแกรมชื่อ Qsync ครับ ลง Client ไว้ได้ทั้งบน Windows, macOS และ Ubuntu Linux

👉 ผู้ใช้งานตามบ้าน อยากได้ระบบ Multimedia server ใช้แบบส่วนตัว เก็บพวกไฟล์ภาพยนตร์และซีรีส์ต่างๆ เอาไว้ทำระบบ VDO on demand ของตัวเอง ผ่านโปรแกรมอย่าง Plex Media Server สามารถดูแบบสตรีมมิ่งได้ทั้งบนสมาร์ททีวี สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต หรือเครื่องคอมพิวเตอร์
👉 ใครใช้พวกเครื่อง Mac ของ Apple แล้วอยากได้สื่อบันทึกข้อมูลเอาไว้ทำเป็น Time machine ที่มีความจุเยอะๆ และใช้งานผ่านระบบเครือข่ายได้ง่ายๆ QNAP TS-433 ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะรองรับถึง 4-bay สามารถใส่ฮาร์ดดิสก์เพิ่มความจุได้เพียบแล้ว มันก็ยังมีฟีเจอร์การสำรองข้อมูลต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแบ็กอัปของเรามันจะไม่สูญหายด้วย
👉 พวก SOHO เอาไว้ทำ File server เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานทุกคนรวม ทำเป็น Network shared folder สำหรับทีม หรือจะใช้ Qsync ช่วยสร้าง Cloud drive ให้กับผู้ใช้งานแต่ละคนเอาไว้เก็บข้อมูลแบบของใครของมันด้วยก็ได้
👉 ตากล้องและคนทำงานสาย Production ที่ต้องการสื่อบันทึกข้อมูลที่นอกจากจะมีฟีเจอร์ช่วยเรื่องการสำรองข้อมูลเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย (ทั้งการทำ RAID configuration เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายจากฮาร์ดแวร์เสีย, การทำ Snapshot และแบ็กอัปต่างๆ เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายจากการพลั้งเผลอลบข้อมูลหรือโดน Ransomware เล่นงาน ฯลฯ) และยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยบริหารจัดการภาพถ่ายต่างๆ ได้ง่าย เช่น Photo Station, QuMagie และสามารถแชร์พวกภาพถ่ายและวิดีโอให้ลูกค้าดูได้ง่ายๆ ผ่านฟีเจอร์อย่าง Photo Station, Video Station นี่ก็เหมาะ
บทสรุปการรีวิว QNAP TS-433
เป็น QNAP NAS แบบ 4-bay ที่ประสิทธิภาพดี ฟีเจอร์ขั้นต่ำสำหรับการใช้งานที่หลากหลายครบเครื่อง สำหรับคนที่งบไม่เยอะ ค่าตัว 15,400 บาท ก็ถือว่าเป็นราคาเริ่มต้นที่ไม่แรงมาก สำหรับการหา NAS แบบ 4-bay มาใช้ (ราคายังไม่รวมฮาร์ดดิสก์นะ อย่าลืม) อยากจะอัปเกรดไปทำ SSD cache acceleration ก็ยังยืดหยุ่นให้ใส่ SSD SATAIII เหมาะกับการทำ Read-only cache ได้ โดยที่ก็ยังสามารถทำ RAID5 ได้กับฮาร์ดดิสก์อีก 3 ถาดที่เหลือ ด้านแบนด์วิธก็เตรียมพร้อมรองรับ 2.5GbE ในตัว และหากจำเป็น ก็ขยับขยายเป็น 3.5GbE ได้ (ต้องใช้ Switch ที่รองรับด้วย)
รายละเอียดเพิ่มเติม อ่านที่เว็บไซต์ของ QNAP ได้