Home>>บทความ How-to>>RAID Synchronization บน QNAP NAS คืออะไร? ทำยังไงถึงจะให้เสร็จได้ไว?
ภาพภายในตู้แร็ก มีอุปกรณ์เน็ตเวิร์กจำพวกสวิตช์อยู่ด้านบน และมี QNAP NAS แบบ 2-bay และ 6-bay อยู่ด้านล่าง
บทความ How-toQNAP User Guide

RAID Synchronization บน QNAP NAS คืออะไร? ทำยังไงถึงจะให้เสร็จได้ไว?

เมื่อวานผมได้ฤกษ์ย้ายเครื่องจาก QNAP TS-453A ไปเป็น TS-673A ซะที หลังจากได้เครื่องมารอเปลี่ยนพักใหญ่ๆ แต่ยังย้ายไม่ได้ เพราะว่าติดงานโน่นนี่ จนต้องวางเอาไว้เฉยๆ ร่วม 2 สัปดาห์ครับ แต่ในระหว่างนั้นผมก็ถือโอกาส ค่อยๆ แบ็กอัปข้อมูลไปเก็บไว้ใน QNAP TS-253Pro ไปด้วยแหละ เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้อ่านกันว่า สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ตอนจะย้ายเครื่องจาก QNAP NAS เครื่องเดิม ไปเป็นเครื่องใหม่นี่ ต้องเตรียมตัวอะไรยังไงบ้าง

ในบล็อกตอนนี้ ผมจะมาเขียนถึง RAID Synchronization ครับ มันอาจจะไม่ใช่อะไรที่เราจะเห็นได้บ่อยๆ แต่ขอเขียนบันทึกเอาไว้ให้อ่าน เผื่อมือใหม่หัดใช้ QNAP NAS หรือ ฝ่ายไอทีที่ยังไม่คุ้นกับการบริหารจัดการ QNAP NAS มาเจอะเจอเข้า จะได้รู้ว่ามันคืออะไร แล้วจะทำยังไงถึงจะให้มัน Synchronize ได้เสร็จไวๆ

ทำไมอยู่ๆ QNAP NAS ถึงทำ RAID Synchronization?

โดยปกติแล้วกระบวนการ RAID Synchronization จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเอง หลังจากที่เราสร้าง RAID Group ใหม่ (ในกรณีที่เราเพิ่งติดตั้งใช้งานใหม่ หรือ ในกรณีที่เราเพิ่มฮาร์ดดิสก์เข้าไปใน QNAP NAS แล้วสร้าง Storage pool และ Volume ใหม่ขึ้นมา) หรือ หลังจากที่เรามีการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใน RAID Group ทำให้ต้องมีการ Rebuild RAID ใหม่ครับ

แล้ว RAID Synchronization มันคืออะไร? ทำไมถึงต้องทำ?

กระบวนการ RAID Syncrhonization เป็นกระบวนการที่ระบบจะบังคับให้มีการอ่านข้อมูลทุกๆ จุดในฮาร์ดดิสก์ ไม่ว่าจะเป็นจุดที่มีข้อมูลถูกเขียนเอาไว้อยู่หรือเป็นจุดว่างๆ ที่ไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าทุกๆ Sector ของฮาร์ดดิสก์นั้น สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่าการทำ RAID มันคือการสำเนาข้อมูลมาเก็บเอาไว้ หรือการสร้าง Parity bit มาเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ลูกอื่นๆ เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เกิดมีปัญหา การตรวจสอบทุกๆ Sector อะ ก็จะช่วยให้แน่ใจว่ามันยังใช้ได้อยู่ไหม มีปัญหาอะไรไหม ก็จะได้แน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหา RAID ล้มเหลว (RAID failure) จากพวก Bad sector อะไรพวกนี้

แต่ RAID Synchronization มันช้ามากๆ เลย จะทำยังไงให้เร็วขึ้นได้?

เนื่องจาก RAID Synchronization มันคือการอ่านข้อมูลทุกๆ Sector บนฮาร์ดดิสก์ นั่นหมายความว่า ถ้าเกิดความจุยิ่งเยอะ ก็ยิ่งจะต้องใช้เวลานานมากๆ เอาง่ายๆ นะครับ ถ้าเซ็ตไว้เป็นกลางๆ เนี่ย ในกรณีที่คุณมี RAID5 ใส่ฮาร์ดดิสก์ 10TB ไว้ 4 ลูก จะใช้เวลาราวๆ 65 ชั่วโมงในการทำ RAID Synshcronization ครับ

ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ผมเขียนว่า “เซ็ตไว้เป็นกลางๆ” ใช่ครับ เพราะค่า Default ของ QNAP NAS มันคือการจัดลำดับความสำคัญของการให้บริการในฐานะ QNAP NAS กับการทำ RAID Synchronization ให้เท่าๆ กัน ดังนั้น ถ้าเราอยากจะให้กระบวนการ RAID Synchronization มันเร็วขึ้น ก็สามารถไปที่ Storage & Snapshots แล้วคลิกไปเครื่องหมายรูปฟันเฟืองตรงมุมบนด้านขวา เพื่อเข้าสู่ Global Settings แล้วไปที่แท็บ Storage จากนั้นก็ไปดูตัวเลือกตรง RAID Resync Priority (Rebuild, Migration, Scrub, Sync) แล้วเลือก Storage Pool ที่เราต้องการตั้งค่า Priority จากนั้นก็เลือกจาก Drop-down menu ในคอลัมน์ Priority เป็น Resync First ครับ มันจะทำให้ความเร็วในการ Synchronization เพิ่มมาใกล้ๆ กับความเร็วสูงสุดที่ฮาร์ดดิสก์จะทำได้ (อยู่ที่ราวๆ 100-200MB/s แล้วแต่ว่าข้อมูลที่กำลังอ่านมันอยู่บริเวณไหนของจานแม่เหล็ก)

หน้าจอ Global Settings ของแอป Storage and Snapshots ของ QNAP NAS แสดงการตั้งค่า RAID Resync Priority

อย่างไรก็ดี การตั้ง Priority แบบนี้ ก็จะทำให้ QNAP NAS ใช้ทรัพยากร CPU เพิ่มขึ้น และแบนด์วิธของฮาร์ดดิสก์นี่ก็จะหมดไปกับการอ่านของกระบวนการ Resynchronization ทำให้ QNAP NAS ไม่สามารถให้บริการได้ดีเท่าที่ควรนะครับ การเร่งกระบวนการ Synchronization ในแบบนี้ จะเหมาะกับกรณีที่เราตั้งเครื่องใหม่ๆ มากกว่า และสามารถรอใช้งานได้ หรือในกรณีที่เราวางแผน Downtime เอาไว้เรียบร้อยแล้ว (ในกรณีที่เป็นการ Rebuild RAID ของผู้ใช้งานในระดับองค์กร)

แล้วถ้า QNAP NAS ยังทำ RAID Synchronization อยู่ เราจะยังใช้งานไปพร้อมๆ กันได้ไหม?

คำตอบคือ ถ้าจะทำก็ทำได้ครับ เพราะกระบวนการ RAID Synchronization ก็อย่างที่ได้อธิบายไปก่อนหน้า มันแค่ตรวจสอบว่าแต่ละ Sector มันยังโอเคดีอยู่ไหม ฉะนั้น ถ้าเราจำเป็นต้องใช้งาน QNAP NAS ในระหว่างนั้นก็ทำได้ครับ แต่เราควรจะเลือก Priority ให้เหมาะสมด้วย ซึ่งตัวเลือกเราจะมี 3 ตัว ตามรูปด้านล่าง

ภาพตัวเลือกจาก Drop-down menu ของ Priority

*️⃣ Service First (Low speed) จะจัดลำดับความสำคัญให้กับการให้บริการต่างๆ มากกว่า ดังนั้นทั้ง CPU Time และ Bandwidth ของฮาร์ดดิสก์ ก็จะไปเตรียมพร้อมสำหรับการให้บริการต่างๆ โดยแลกมากับการที่จะทำ RAID Synchronization เสร็จช้าสุดๆ ไปเลยครับ อาจจะกินเวลาหลายๆ วันเลย หากความจุของ RAID Group มันเยอะ ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับการใช้งานที่รอ Downtime นานๆ ไม่ไหว เพราะมีการใช้งานตลอดเวลา

*️⃣ Default (Medium speed) จะให้ลำดับความสำคัญของการให้บริการกับการทำ RAID Synchronization เท่าๆ กัน อันนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป คือ ไม่ได้ใช้บริการ QNAP NAS ดุเดือดมาก และไม่ได้วางแผน Downtime เอาไว้

*️⃣ Resync First (High speed) จะให้ลำดับความสำคัญของการทำ RAID Synchronization เอาไว้สูงสุด การใช้งาน QNAP NAS ก็จะหน่วงๆ หนืดๆ ไปได้ หากเป็นบริการที่จะต้องใช้ CPU Time เยอะๆ (เช่น พวก Virtualization Station, HBS3) หรือต้องใช้แบนด์วิธของฮาร์ดดิสก์เยอะๆ (เช่น การถ่ายโอนข้อมูลใหญ่ๆ จำนวนมากๆ) ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับกรณีที่เราวางแผน Downtime มาไว้เป็นอย่างดีแล้ว มั่นใจว่าในระหว่างนั้นจะไม่มีใครใช้งาน

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ผมใช้แค่ดูว่ามีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ผมกี่คน กี่ครั้ง และดูหน้าเว็บไหนบ้าง ถ้าคุณปิดการใช้งาน ผมก็จะไม่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านบล็อกของผมกี่คน กี่ครั้ง
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า