ปลายปีที่แล้ว ผมได้รีวิว HUAWEI MateBook 14S ไปแล้ว แต่เป็นโมเดล Core i5-11300H แต่งวดนี้ผมจะมารีวิวตัวท็อปบ้างครับ HUAWEI MateBook 14S ที่เป็น Core i7-11370H เนี่ยจะเป็นยังไงบ้าง ซึ่งนอกจากจะสเปกดีขึ้นทั้ง CPU RAM และ SSD แล้ว ตอนนี้ HUAWEI เขาก็มีท่าไม้ตาย Ecosystem ที่เรียกว่า Super Device และลูกเล่นเด็ดๆ อย่าง HUAWEI MobileApp Engine เพิ่มเข้ามา (สามารถใช้กับโมเดล Core i5 ได้ด้วยนะ) มันจะดีแค่ไหน มีอะไรที่ยังต้องปรับปรุงอีกรึเปล่านะ บล็อกนี้จะมาเล่าให้อ่านกันครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
HUAWEI MateBook 14S ตัว Core i7-11370H ตัวที่รีวิวครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจากทาง HUAWEI Thailand ให้มารีวิวครับ ซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างที่เขียนอยู่ในนี้ ก็จะรีวิวอย่างตรงไปตรงมา ตามประสบการณ์ตรงที่ผมได้รับอีกเช่นเคย อันไหนมีข้อสังเกต หรือข้อควรทราบ ผมก็จะแจ้งให้ทราบเอาไว้ครับ
อย่างที่ได้บอกเอาไว้แล้วในตอนต้น ว่า HUAWEI MateBook 14S มันมีด้วยกันสองรุ่นให้เลือก คือ Core i5-11300H ที่มีแรม 8GB กับ Storage เป็น SSD M.2 NVMe 512GB ที่ผมได้รีวิวไปก่อนแล้ว กับตัวที่ผมกำลังจะรีวิวนี้เป็น Core i7-11370H แรม 16GB และ SSD M.2 NVMe 1TB และทั้งคู่ก็มีสองสีให้เลือก คือ เขา Space gray กับ เขียว Spruce green ครับ
ใดๆ ในกล่องที่แกะออกมาแล้วเราควรจะมีก็คือ ตัวโน้ตบุ๊ก HUAWEI MateBook 14S อะแดปเตอร์ HUAWEI SuperCharge 65 วัตต์ พร้อมสายชาร์จแบบ USB-C to USB-C เส้นนึง ที่ยาวเอาเรื่อง คือ 180 เซ็นติเมตร แผ่นซิลิโคนปิดคีย์บอร์ดที่มีสกรีนภาษาไทย กับคู่มือการใช้งานและใบรับประกันครับ แต่ตัวเดโมที่ผมได้มารีวิวครั้งนี้ ไม่มีแผ่นซิลิโคนมาให้ ฉะนั้นหากไม่เห็นแป้นพิมพ์เป็นภาษาไทย อย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ
มาดูที่ดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อน HUAWEI MateBook 14S เป็นโน้ตบุ๊กแบบ Clamshell หรือก็คือแบบทั่วๆ ไปที่เราๆ ท่านๆ คุ้นตากันดีนั่นแหละ ตัวบอดี้ทำมาจากอลูมิเนียม-อัลลอย ให้ความหรูหราพรีเมียม เปิดฝาโน้ตบุ๊กขึ้นมา ที่เราจะได้เห็นก็คือ หน้าจอขนาด 14.2 นิ้ว เป็นหน้าจอแสดงผลแบบ LTPS (Low-Temperature PolySilicon) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้หน้าจอสามารถมีความหนาแน่นของพิกเซลได้มากกว่าปกติ แต่จะใช้พลังงานน้อยกว่าจอ LCD ทั่วๆ ไป อัตราส่วนการแสดงผล 3:2 ความละเอียด 2,520×1,680 พิกเซล เป็นความละเอียดระดับ 2.5K
เจ้านี่มีขอบจอที่เล็กมากๆ ครับ แต่ HUAWEI เขาก็ยังสามารถจับเว็บแคมความละเอียด HD 720p ใส่มาไว้ตรงกลางด้านบนของหน้าจอได้ และมี IR sensor ด้วย รองรับ Windows Hello หน้าจอแสดงผลนี่เป็นแบบทัชสกรีนด้วยครับ สามารถทัชได้สูงสุด 10 จุดพร้อมๆ กัน
อย่างที่บอกครับ แป้นคีย์บอร์ดเป็นแบบภาษาอังกฤษล้วน ไม่มีสกรีนไทย แต่ทาง HUAWEI เขาจะมีแผ่นซิลิโคนปิดครอบคีย์บอร์ดมาให้ มีสกรีนภาษาไทยเรียบร้อย ปิดได้แนบสนิทดี (จากประสบการณ์ตอนรีวิวโมเดล Core i5) ตัว TouchPad ของโน้ตบุ๊กตัวนี้ใหญ่ดีมาก ปุ่ม Power นี่เป็นตัวสแกนลายนิ้วมือที่รองรับ Windows Hello ด้วยครับ ดีงาม
รอบๆ ตัวเครื่อง ด้านซ้ายเราจะเห็นพอร์ต USB-C 2 พอร์ต ซึ่งรองรับทั้ง Power Delivery และ DisplayPort ด้วย โดยเป็น USB 3.2 Gen 2 (แบนด์วิธ 10Gbps) นอกจากนี้ ถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นว่า USB-C พอร์ตนึงมันมีสัญลักษณ์ Thunderbolt ด้วย ใช่ครับ เฉพาะพอร์ตนั้นเป็น Thunderbolt 4 เลย ซึ่งอันนี้จะมีเฉพาะโมเดล Core i7 นะ ตัว Core i5 จะเป็น USB-C เฉยๆ และระหว่างพอร์ต USB-C 2 พอร์ตนี้ ก็จะมีไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ด้วย ถัดมาก็จะเป็นพอร์ต HDMI และตามด้วยช่องเสียบแบบคอมโบแจ็ก 3.5 มม. เอาไว้ต่อกับชุดหูฟังพร้อมไมโครโฟน
ส่วนด้านขวา เราจะเห็นพอร์ต USB-A ซึ่งตอนแรกผมเห็นเป็นสีดำ ก็นึกว่าจะเป็น USB 2.0 ซะแล้ว แต่จริงๆ เจ้านี่จะเป็น USB-A ที่เป็น USB 3.2 Gen 1 (แบนด์วิธ 5Gbps) นะครับ
หน้าจอแสดงผลของ HUAWEI MateBook 14S Core i7 ตัวนี้ สามารถกางได้ราวๆ 145-150 องศา (ผมไม่มีไม้ครึ่งวงกลมาวัดมุม แต่ผมใช้แอประดับน้ำบนสมาร์ทโฟนวัด ก็เลยได้แค่ประมาณคร่าวๆ) อาจจะไม่ถึง 180 องศา สะใจสำหรับใครบางคน แต่ผมว่ามันก็กางได้ค่อนข้างมาก และเหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบแล้วนะ
ด้านใต้ของตัวเครื่อง เราจะแผ่นยางเส้นยาวๆ เอาไว้สำหรับรองใต้เครื่องยกให้สูงขึ้น เพื่อให้อากาศสามารถไหลเข้ามาได้ โดยจะมีช่องระบายอากาศแบบตะแกรงเป็นซี่ๆ อยู่ มีสติกเกอร์รับรอง Windows แท้ กับสติกเกอร์ที่บอกว่ามีระบบ HUAWEI SOUND อยู่ด้วย ใครที่คิดว่าจะขันน็อตเปิดฝาเครื่องมาดูด้านใน ก็บอกก่อนว่าไม่ได้ง่ายๆ นะครับ เพราะน็อตเป็นแบบพิเศษ แบบดาวหกแฉกขนาดเล็กมากๆ
ว่ากันด้วยเรื่องของสเปกและประสิทธิภาพของ HUAWEI MateBook 14S โมเดล Core i7
สำหรับตัวท็อปแบบนี้ ทาง HUAWEI เขาเลือกใช้ CPU เป็น Core i7-11370H 4-core / 8-thread ที่เป็นรุ่นเน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับอุปกรณ์พกพา มาพร้อมกับชิปกราฟิก Intel Iris Xe ที่หลายๆ คนก็บอกว่าแรงพอๆ กับ GeForce MX350 หรือบางทีก็แรงกว่าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาจับคู่กับ Core i7 รหัส H นี่ด้วยแหละ และที่สำคัญ HUAWEI MateBook 14S โมเดล Core i7 ตัวนี้ ได้รับการรับรองมาตรฐานแพลตฟอร์ม Intel EVO ครับ (ตัว Core i5 เขาไม่ได้รับรองเป็น Intel EVO เพราะไม่มีพอร์ต Thunderbolt 4 เท่านั้นเอง)
นอกจากนี้ ก็มีหน่วยความจำเพิ่มมาเป็น 16GB ด้วย ซึ่งแม้หลายๆ คนจะแนะนำว่าคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ควรมีหน่วยความจำอย่างต่ำ 8GB แต่สำหรับผม ถ้าจะให้ดี เลือกแบบที่ให้มา 16GB เถอะครับ โดยเฉพาะหากโน้ตบุ๊กที่คุณจะซื้อ มันเป็นรุ่นบางเบา ไม่สามารถอัปเกรดเพิ่มได้ในภายหลังอะ ส่วน Storage นั้นเขาก็ให้เพิ่มมาเป็น 1TB เลย ใช้เก็บโน่นนี่นั่นได้ตามสบาย และวัดประสิทธิภาพแล้ว ก็อ่านและเขียนได้เร็วปรี๊ดดีไม่แพ้ตัว Core i5 ความเร็วในการอ่านนี่ไปได้ถึงระดับ 3.3GB/s และความเร็วในการเขียนก็ถึงระดับ 2.5GB/s กันเลยทีเดียว
ตัว HUAWEI MateBook 14S เนี่ย ดูจากทั้งดีไซน์และสเปกแล้ว ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าจะเน้นไปเรื่องการทำงานมากกว่าเล่นเกมครับ ผมก็ลองเอาโปรแกรม PCMark 10 มาทดสอบประสิทธิภาพดู ก็ค่อนข้างโอเคอยู่ คะแนนในส่วนของ Essentials และ Productivity เรียกว่าสูงประมาณนึง ในส่วนของการใช้งานทั่วไป การทำงานออฟฟิศ สบายแน่นอน ส่วนพวกงานตกแต่งภาพ ตัดต่อวิดีโอ ก็ถือว่าสามารถทำได้อยู่ อันนี้อานิสงส์จากชิปกราฟิก Intel Iris Xe แหละ
ด้านการเชื่อมต่อนั้น แบบไร้สายรองรับ WiFi 6 (IEEE 802.11a/b/g/n/ac/ax) แบบ 2×2 MIMO WPA/WPA2/WPA3 และบลูทูธ 5.1 ด้วย เรียกว่าพร้อมสำหรับเทคโนโลยีในยุคใหม่เลย (บ้านผมยัง WiFi 5 อยู่เลย เพราะอุปกรณ์ที่เป็น 802.11ac เยอะกว่ามาก แต่หลังๆ เริ่มมี 802.11ax เยอะกว่าแล้ว เริ่มลังเลแล้วว่าจะอัปเกรดดีไหม 🤣🤣 ส่วนบลูทูธก็รองรับเวอร์ชัน 5.1 ใหม่เกือบสุดแล้ว
การเชื่อมต่อแบบมีสาย มีพอร์ต USB-A มาให้ มี USB-C มาให้ 2 พอร์ต โดยพอร์ตนึงเป็น Thunderbolt 4 ด้วย ก็เรียบว่ามีพอร์ตครบทุกชนิด ถ้าจะเชื่อมต่อจอภายนอก สามารถใช้พอร์ต HDMI หรือ USB-C/Thunderbolt 4 ก็ได้
ประสบการณ์ในการใช้งานจริงๆ ล่ะ เป็นยังไง
ดูที่เรื่องดีไซน์ก่อน อย่างที่บอกไปในตอนต้นครับ ว่า HUAWEI MateBook 14S ตัวนี้ กางหน้าจอได้ราวๆ 145-150 องศา ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในหลากหลายอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานบนโต๊ะ การวางบนตัก หรือแม้แต่กรณีที่อาจจะต้องยืนพิมพ์บ้าง และกางหน้าจอให้เพื่อนร่วมงานได้ดูหน้าจอด้วยกัน
พอร์ตการเชื่อมต่อ ก็ต้องบอกว่ามีเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปครับ เช่น ใครอยากจะใช้เมาส์แบบที่ต้องใช้ USB dongle มาเสียบ ก็มีพอร์ต USB-A ไว้ให้ แต่ถ้าใครจำเป็นต้องใช้พอร์ต USB-A เราก็สามารถหาพวกเมาส์ที่เป็นบลูทูธได้เช่นกัน พวก External storage หลังๆ ก็มีเป็นแบบ SSD กันมากขึ้น การเชื่อมต่อก็เปลี่ยนมาเป็น USB-C กันแล้ว ซึ่งเขาก็มี USB-C มาให้ 2 พอร์ต โดยพอร์ตนึงเป็น Thunderbolt 4 ด้วย สำหรับผู้ใช้งานระดับ Power user มากๆ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิธระดับ 40Gbps ของพอร์ตนี้ได้
ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ก็จริง แต่ก็สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 Home ได้ฟรีครับ เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้สำหรับคนทำงานออฟฟิศและคนที่เน้นเล่นเกม อาจจะยังอยากรู้สึกใช้ Windows 10 ไปก่อน เพราะมันเสถียรกว่า แต่โดยส่วนตัว ผมชอบ User Interface ของ Windows 11 ผมเลยเลือกที่จะอัปเดตเป็น Windows 11 ให้หมดมากกว่าครับ 🤣🤣
การใช้งานทั่วไป ท่องเว็บ ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานออฟฟิศ ด้วยสเปกขนาดนี้ไม่ใช่ปัญหาแล้วครับ หน่วยความให้มา 16GB จะเปิดเว็บหลายๆ แท็บ ก็ยังมีหน่วยความจำมากพอให้พวกเบราวเซอร์ต่างๆ เขมือบเล่นได้สบายๆ หน้าจอแสดงผลอัตราส่วน 3:2 จะใกล้ๆ กับ 16:11 ก็จะเห็นว่าหน้าจอแสดงผลจะมีพื้นที่ในแนวตั้งมากกว่าจอ Widescreen แบบปกติครับ และความละเอียดหน้าจอแสดงผลสูงระดับ 2.5K ถ้าเราเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว สายตายังดีๆ อยู่เนี่ย เซ็ตค่าการแสดงผลของ Windows ไว้ที่ระดับ 100% นี่คือ เราจะได้พื้นที่ใช้งานบนหน้าจอเยอะมากครับ อัตราส่วนการแสดงผล ทำให้เราดูข้อมูลจากเว็บและอ่านเอกสารพวก PDF หรือ Microsoft Word ได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีกนิดด้วย เมื่อเทียบกับจอแบบ 16:9 และเวลาที่เราต้องการใช้งานแค่ทำเอกสาร ท่องเว็บ เล่นโซเชียล ที่เราไม่ต้องการรีเฟรชเรตสูงๆ ก็แค่กดปุ่ม Fn + R เพื่อเปลี่ยนรีเฟรชเรตเป็น 60Hz ได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ให้เราด้วย และหากเราเล่นเกม หรือทำอะไรก็ตามที่เราอยากได้รีเฟรชเรตสูงๆ เราก็กด Fn + R เพื่อปรับให้รีเฟรชเรตเป็น 90Hz ได้เช่นกัน
ลองทำงานด้านกราฟิก ผมลองใช้ Affinity Photos (ใช้โปรแกรมนี้ในการตกแต่งภาพแทน Adobe Photoshop เพราะโปรแกรมนี้เป็นแบบขายขาดครับ) และ DaVinci Resolve (ตัวฟรี) โดยส่วนตัว ผมมั่นใจว่าใช้งานได้อยู่ครับ เพราะผมเคยใช้งานบนโน้ตบุ๊กที่เป็น Core i5-1135G7 มาแล้ว มันก็ทำงานได้สบายๆ แต่ตัวนี้ CPU ดีกว่าแบบเต็มๆ ยิ่งสบายเหอะ แต่ที่ได้เพิ่มเข้ามาคือ อัตราส่วนการแสดงผลแบบ 3:2 มันทำให้เรามีพื้นที่ตามแนวตั้งขึ้นมาอีกหน่อย มันก็ได้ข้อมูลบนเครื่องมือต่างๆ ของโปรแกรมมากขึ้น อย่างไรก็ดี ก็ต้องเข้าใจนะว่าสเปกมันก็ไม่ได้สูงมาก ฉะนั้นตอนเรนเดอร์ก็รอกันหน่อยละกัน
นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ HUAWEI MateBook 14S เนี่ย ให้ขอบเขตสี 100% sRGB ความลึกของสี 1.07 พันล้านสี ความสว่างหน้าจอ 400 nits สว่างมาก และมีอัตราการรีเฟรชภาพ 90Hz ทำให้หากเราอยากจะเล่นเกมซะบ้าง เพราะชิปกราฟิก Intel Iris Xe มันก็พอใช้เล่นเกมได้ระดับนึงนี่นะ ก็สามารถได้ประสบการณ์ที่ดีกว่าการใช้งานบนจอ 60Hz แน่นอน (60Hz มันเหมาะกับการใช้งานทั่วไป งานออฟฟิศ มากกว่า) และยังได้รับการรับรอง TÜV Rheinland Low Blue Light (Hardware Solution) Certification และ TÜV Rheinland Flicker Free Certification มีแสงสีฟ้าต่ำ และหน้าจอไม่กระพริบ ช่วยถนอมสายตา และยังมีฟีเจอร์ช่วยปรับความสว่างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ โดยอัตโนมัติด้วย
ประชุมออนไลน์ กล้อง HUAWEI MateBook 14S ความละเอียด HD 720p ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งาน แต่ที่แจ่มคือ ไมโครโฟน 4 ตัวที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ซึ่งสามารถรับเสียงได้จากรอบทิศทาง และจับเสียงจากระยะไกลสุดได้ถึง 5 เมตร พร้อมระบบ AI ตัดเสียงรบกวน ลำโพงก็เสียงดังฟังชัด มี 4 ตัวอีกเช่นกัน และมีอัลกอริธึม HUAWEI SOUND ช่วยเพิ่มประสบการณ์เสียงรอบทิศทางอีก ประชุมออนไลน์ก็เสียงดังฟังชัด ดูหนังฟังเพลง ก็ได้คุณภาพเสียงดีในระดับนึงเลย
แบตเตอรี่ของ HUAWEI MateBook 14S นี่ให้มา 60Wh ซึ่งเท่าที่ผมลองใช้งานในโหมด Balance แล้วก็ทำงาน ทำโน่นทำนี่ ก็สามารถใช้งานได้ยาวๆ สูงสุดราวๆ 4-5 ชั่วโมงอยู่นะ กับน้ำหนักตัวเครื่อง 1.43 กิโลกรัม ก็เรียกว่าไม่ได้หนักเวอร์มาก สบายๆ อยู่สำหรับหลายๆ คน
อยากแนะนำว่า ตัว HUAWEI PC Manager เนี่ย ในส่วนของ Settings > Optimization เขามีฟีเจอร์ในการตั้งค่า Battery Protection ที่จะช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่โดยการปรับวิธีการชาร์จให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานครับ คือ
*️⃣ Home จะเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นเสียบสายชาร์จค้างเอาไว้ตลอดเวลา มันจะจำกัดปริมาณการชาร์จแบตเตอรี่ไว้ที่ 70%
*️⃣ Office จะเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีการสลับใช้งานระหว่างเสียบสายชาร์จและถอดออกไปใช้กำลังไฟจากแบตเตอรี่ ในโหมดนี้จะจำกัดการชาร์จแบตเตอรี่ไว้ที่ 90% เพื่อให้มีแบตเตอรี่มาพอสำหรับใช้งานแบบไม่เสียสายชาร์จ
*️⃣ Travel จะชาร์จแบตเตอรี่ไว้จนเต็ม 100% เลย เพื่อที่ว่าเวลาจะต้องถอดสายชาร์จไปเดินทาง จะมีแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
HUAWEI MobileApp Engine (Beta)
ในขณะที่ Microsoft โม้มานานแล้วว่า Windows 11 จะสามารถรันแอปของระบบปฏิบัติการ Android ได้ โดยจะไปจับมือกับ Amazon แต่จนป่านนี้เราก็ยังไม่ได้ใช้ซะที HUAWEI เขาก็ส่ง HUAWEI MobileApp Engine (Beta) มาให้ลองใช้กันแล้ว ซึ่งสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ Windows 10 เลย และ Windows 11 ก็ใช้ได้นะ ณ ตอนนี้
อย่างไรก็ดี ณ ตอนนี้ก็อย่างที่ผมจั่วหัวเอาไว้ HUAWEI MobileApp Engine มันยังเป็นเบต้าอยู่ครับ ก็จะยังไม่ได้มีมาให้กับตัวคอมพิวเตอร์ของ HUAWEI แต่อย่างใด แต่ว่าหากเราติดตั้ง HUAWEI PC Manager เวอร์ชันล่าสุดแล้ว เวลาไปที่หน้าจอ Home เราก็จะเห็นลิงก์ที่จะให้ไปดาวน์โหลด HUAWEI MobileApp Engine Beta Program ครับ อ้อ! จะใช้ ต้องเป็นรุ่นที่ใช้ CPU Intel และเป็น Core i5 ขึ้นไปด้วยนะ
ในการติดตั้ง HUAWEI MobileApp Engine มันก็จะให้เราติดตั้ง HMS Core (HUAWEI Mobile Service) ด้วย พอติดตั้งเสร็จแล้ว เราก็จะเห็นรายการของแอปต่างๆ ที่มีให้ดาวน์โหลด ซึ่ง ณ ตอนมีแอปยอดนิยมในประเทศไทยให้ดาวน์โหลดราวๆ 30 ตัว และมีแอปอื่นๆ จากทั่วโลกมากกว่า 10,000 แอปให้ดาวน์โหลดด้วย
สำหรับคำถามว่า แล้วแบบนี้เราจะสามารถทำ Sideloading ติดตั้งแอปจากไฟล์ apk เลยได้ไหม? คำตอบคือ เท่าที่พยายามลองดู ยังทำไม่ได้ครับ แต่มีข่าวลือว่าในอนาคตจะทำได้ อันนี้ก็ไม่รู้จะยังไง แต่โดยหลักการอะ HUAWEI AppGallery เขาก็ดาวน์โหลดไฟล์ apk มาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วก็ค่อยติดตั้งอะ แต่ผมพยายามลองเปิดไฟล์ apk ด้วยตัว Executable ต่างๆ ของ AppGallery เท่าที่จะนึกออกแล้ว ก็ไม่มีตัวไหนที่รับผิดชอบการแตกไฟล์โดยตรงแฮะ
ส่วนการทำงาน เท่าที่สังเกตคือ พอติดตั้งเสร็จ HUAWEI AppGallery มันจะทำไฟล์แอปต่างๆ ให้กลายเป็น Executable file (.exe) ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็นไฟล์แอป ไฟล์สำหรับถอนการติดตั้งแอป ไฟล์คอนฟิก ไฟล์ไอคอน และรูปของแอป แค่นี้เลย
ลองเล่นเกม Garena Free Fire ดูครับ ลองเปิดแบบกราฟิกธรรมดา ไปจนถึงกราฟิกแบบ Ultra ทุกอย่างดันไปให้สุด ก็ต้องเข้าใจนิดนึงว่าการทำงานของ HUAWEI MobileApp Engine เนี่ยดูจะคล้ายๆ กับการจำลองเครื่องบนระบบปฏิบัติการ Windows ครับ มันก็จะกินทรัพยากรเครื่องพอสมควร แต่ก็ดีว่าตัวฮาร์ดแวร์ของ HUAWEI MateBook 14S ตัวนี้ให้หน่วยประมวลผลมาประสิทธิภาพดี และหน่วยความจำก็เยอะอยู่ ก็ยังพอจะเล่นได้แบบไม่สะดุด … แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ แนะนำว่าปิดการทำงานของโปรแกรมอื่นๆ ไปเลยจะดีที่สุด
แต่จุดเด่นของการใช้ HUAWEI MobileApp Engine ก็คือ เราสามารถใช้คีย์บอร์ด เมาส์หรือ TouchPad ในการควบคุมการเล่นเกมได้เลยครับ เพราะมันจะมีการตั้งค่าปุ่มเอาไว้ให้ประมาณนึงอยู่แล้ว และหากเกมที่เราเล่น มันมี On-screen button ที่แตกต่างออกไป เราก็สามารถไปตั้งค่าได้ด้วยตัวเอง และเซฟเก็บไว้เป็นโปรไฟล์ได้ด้วย เล่นเกมอย่าง Garena Free Fire ด้วยคีย์บอร์ดกับเมาส์ ยังไงมันก็แม่นกว่าอะ 🤣🤣
นอกจากนี้ การเล่นบนโน้ตบุ๊กก็มีจุดเด่นเหนือการเล่นบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตทั่วไปอีกหลายอย่าง เช่น การจับภาพหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอหน้าจอ ก็สะดวกกว่า ซึ่งตัว HUAWEP MobileApp Enginer มันมีฟีเจอร์นี้มาให้เรียบร้อย และการสตรีมภาพจากเกมไปถ่ายทอดสดก็ทำได้ง่าย เพราะสามารถส่งสัญญาณภาพออกจากพอร์ต HDMI ไปที่เครื่องที่จะทำ Live streaming ได้เลย โน้ตบุ๊กมันทำงานได้เสถียรกว่าสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว เพราะการเล่นเกมแบบนี้ ไม่ได้เพิ่มความร้อนให้โน้ตบุ๊กมากเท่ากับพวกสมาร์ทโฟน แม้จะเล่นเกมไปชาร์จแบตเตอรี่ไปก็ตาม
ค่า Default ของการแสดงผลของแอปที่เปิดมาคือแสดงผลเป็นแนวนอนนะครับ ซึ่งก็เท่ากับจะมองว่าอุปกรณ์ของเราคือแท็บเล็ตนั่นเอง ดังนั้นเวลาเอามาแสดงผลแอปที่ถูกออกแบบมาใช้บนสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ที่เน้นการแสดงผลแนวตั้ง มันก็จะดูแปลกๆ หน่อย แต่ HUAWEI MobileApp Engine ก็ใช้ประโยชน์จากการแสดงผลแบบแนวนอนมาแสดงผลแอปบางตัวที่ทำงานในแนวตั้งเพิ่ม เช่น Lazada เนี่ย ถ้าผม Scroll ดูสินค้าไปเรื่อยๆ มันก็จะเป็นหน้าจอปกติแบบเดียวกับบนสมาร์ทโฟนครับ แต่พอผมแตะเลือกสินค้า รายละเอียดของสินค้านั้น จะมาปรากฏบนด้านขวา ทำให้การช้อปออนไลน์ได้ประสบการณ์ดีมากขึ้น เหมือนใช้แท็บเล็ตอยู่
แต่หากเราต้องการจะใช้งานแบบสไตล์สมาร์ทโฟน ก็สามารถแตะที่เครื่องหมาย 4 จุดตรง Title bar ด้านบน แล้วเลือก Rotate เพื่อจำลองการหมุนหน้าจอ ให้แอปแสดงผลแบบแนวตั้งได้ครับ แล้วการใช้งานบนโน้ตบุ๊กแบบนี้ ทำให้เราเปิดได้หลายๆ แอปพร้อมกันครับ สำหรับแอปช้อปปิ้งแล้ว มันทำให้เราสะดวกมากๆ เวลาที่เราต้องการเปรียบเทียบราคาของสินค้าชนิดเดียวกัน บนต่างแพลตฟอร์มกันครับ หรือจะเปิดแอปหลายๆ ตัวใช้งานพร้อมกันก็ได้เช่นกัน
ผมบังเกิดความสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วถ้าเกิดผมใช้งานแอปจำพวกที่มันต้องใช้กล้องดิจิทัล จะสามารถทำงานได้ไหม? คำตอบคือ ทำได้สบายเลยครับ ผมลองใช้ Camera360 ดู ก็สามารถถ่ายเซลฟี่ตัวเองได้สบายๆ เพียงแต่มันมีข้อจำกัดว่า มันมองกล้องเว็บแคมเป็นกล้องหน้า ซึ่งก็มีความละเอียดแค่ 720p (ประมาณ 9 แสนพิกเซล) และโน้ตบุ๊กก็จะไม่มีกล้องหลัง ฉะนั้น ภาพที่ได้ก็จะไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่
ที่ผมชอบอีกอย่างคือ การมีแอปเพื่อความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็น Bilibili หรือ WeTV หรือแม้แต่แอปอ่านนิยายอย่าง Joylada และ HUAWEI เองก็ให้แอป HUAWEI Books ที่ก็มีหนังสือฟรีให้อ่านอยู่ไม่น้อย ที่น่าเสียดายมันก็แค่ว่า HUAWEI โดนกีดกันทางการค้าจากสหรัฐ พวกแอปหลายๆ ตัวที่มีพื้นฐานมาจากสหรัฐ ก็ไม่มีให้ดาวน์โหลดอะ เช่น Netflix หรือพวกโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter อะไรพวกนี้
แต่ถามว่าเดือดร้อนไหม? ไม่เลย เพราะเราไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตอยู่นะ เราใช้คอมพิวเตอร์อะ หลายๆ อย่างเราก็เปิดเวอร์ชันเว็บแทนได้ หรือ Netflix นี่ เราก็ดาวน์โหลดจาก Microsoft App Store ได้แมะ 🤣🤣
สิ่งที่ผมยังไม่แน่ใจก็คือ พวกไฟล์ต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยแอปที่รันด้วย HUAWEI MobileApp Engine มันจะไปถูกเก็บไว้ที่ไหน แต่ที่พอจะรู้บ้างคือ การจำลองเป็นอุปกรณ์ Android นี้ HUAWEI เขาจำลองเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 9 ครับ แล้วก็สร้าง Partition สำหรับ Storage ไว้ที่ราวๆ 128GB อาจจะเป็นไปได้ว่าพื้นที่สำหรับใช้เก็บพวกไฟล์ ก็อาจจะเป็นพวก Virtual disk ก็ได้นะ อันนี้เป็นอะไรที่น่าค้นหาต่อไป
HUAWEI Super Device
อีกฟีเจอร์นึงที่ขอพูดถึงนิดหน่อย แต่ผมได้มีการเขียนถึงเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วในบล็อก ของผม ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำให้เราเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบนิเวศน์ของ HUAWEI ได้สะดวกมากๆ เริ่มจากพวกหูฟังหรือลำโพงไร้สาย ที่จะมีป๊อปอัปเด้งขึ้นมาให้เราเชื่อมต่อเลยเมื่อเราเริ่มเปิดใช้งาน
แต่ที่มีมากกว่านั้นคือ ถ้าเกิดเราใช้พวกสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ HUAWEI แล้ว เราจะสามารถทำโน่นนี่นั่นได้อีกเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แท็บเล็ตเป็นหน้าจอพกพาไร้สาย ช่วยเพิ่มพื้นที่การทำงานให้กับ HUAWEI MateBook 14S หรือการรันแอปใดๆ บนสมาร์ทโฟนอย่าง HUAWEI P50 Pro บนหน้าจอโน้ตบุ๊ก รับโทรศัพท์จากทางนี้ได้โดยตรง หรือถ่ายโอนไฟล์ไปมาระหว่างโน้ตบุ๊กและสมารร์ทโฟน/แท็บเล็ต ผ่าน File Explorer หรือ HUAWEI Share
แนวคิด HUAWEI Super Device เป็นอะไรที่ดีมาก และได้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ยอดเยี่ยม และจริงๆ เขาก็มีอุปกรณ์อื่นๆ อีกนะ เช่น จอคอมพิวเตอร์อย่าง HUAWEI MateView หรือ จอโทรทัศน์อย่าง HUAWEI Vision ก็ต้องดูต่อในอนาคตว่า HUAWEI จะมีอุปกรณ์อะไรมาเข้าระบบนิเวศน์เพิ่มอีก และจะมาทำงานร่วมกันอย่างไร
บทสรุปการรีวิว HUAWEI MateBook 14S
หลายๆ คนอาจจะแอบตกใจกับราคา 55,990 บาท ที่แรงใช่ย่อย โดยเฉพาะเมื่อไปเทียบกับพวกเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ราคาประมาณนี้เขาจะได้การ์ดจอแบบแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX3050 หรือ RTX3060 อะไรแบบนี้เลย แต่ก็ต้องบอกว่าค่าตัวของ HUAWEI MateBook 14S นี้มันมากับสเปกสำหรับการทำงานมากกว่า เช่น หน้าจอแสดงผลความละเอียด 2.5K รีเฟรชเรต 90Hz พอร์ตการเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 4 SSD NVMe M.2 ที่ให้มา 1TB และยังไม่นับเรื่องฟีเจอร์ด้านระบบนิเวศน์ เผื่อใครที่จะใช้อุปกรณ์อื่นๆ ของ HUAWEI เพิ่มด้วย
ฉะนั้น จะเลือกแบบไหน ผมว่าก็ต้องดูว่าที่สุดแล้ว เราอยากซื้อโน้ตบุ๊กมาทำอะไรกันแน่
สนใจอยากซื้อ … จนถึง 30 มิถุนายน 2565 มีโปรโมชันนะ
HUAWEI ฝากผมมาบอกว่า ซื้อ HUAWEI MateBook 14S ทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2565 นี้ จะได้รับกระเป๋าเป้สะพายหลัง HUAWEI Backpack มูลค่า 1,090 บาท ฟรีทันทีครับ โดยแต่ละรุ่นของ HUAWEI MateBook 14S ก็มีให้เลือกดังนี้
💻 HUWAEI MateBook 14S รุ่น Core i7 (แรม 16GB SSD 1TB) จอสัมผัส สี Space gray 55,990 บาท
💻 HUAWEI MateBook 14S รุ่น Core i7 (แรม 16GB SSD 512GB) จอสัมผัส สี Space gray 49,990 บาท
💻 HUAWEI MateBook 14S รุ่น Core i7 (แรม 8GB SSD 512GB) จอสัมผัส สี Spruce green 40,990 บาท และถ้าซื้อในช่วงโปรโมชันนี้ ลดอีกทันที 4,000 บาท
ทั้งหมด รับประกัน 2 ปีครับ และช่องทางการจำหน่ายก็ตามนี้เลยครับ
