เอาจริงๆ คือ พอเข้ากลุ่มจัดโต๊ะคอม มันก็เริ่มเรื่องเยอะขึ้นเรื่อยๆ แหละ ตอนแรกใช้โน้ตบุ๊ก ต่อมามี Portable monitor ตามมาด้วยเปลี่ยนเอา HUAWEI MateView GT 34″ เข้ามาใช้ และปิดท้ายด้วยเพิ่มจอ Dell P2217H มือสองมาอีก หมดเรื่องจอแล้ว ไปเรื่องโต๊ะต่อ ซื้อโต๊ะ Tam มาใช้เป็นครั้งแรก ล่าสุดนี่ซื้อ Lux meter มาใช้วัดความเข้มของแสงสว่างแล้ว ว่าแต่มันสำคัญตรงไหน ทำไมถึงต้องมาวัดกัน บล็อกนี้จะมาให้คำตอบครับ
ผลกระทบของแสงสว่างต่อการทำงาน
ถ้าเกิดว่าความสว่างในพื้นที่ที่เราอยู่มันไม่เหมาะสม มันจะส่งผลกระทบต่อเราได้ใน 2 เรื่องหลักๆ ครับ อย่างแรกเลยก็คือสุขภาพสายตาของเรา เพราะว่าพอแสงสว่างมันน้อยเกินไป หรือแสงจ้าเกินไป กล้ามเนื้อตาของเราก็จะทำงานหนักมากขึ้น ไม่ว่าจะต้องพยายามเพ่งเพื่อให้เห็นได้ชัดขึ้นเพราะมันมืดเกินไป มองเห็นไม่ค่อยชัด หรือพยายามหรี่ตาแล้วเพ่งเพราะแสงมันจ้ามากเกินไป มองได้ลำบาก
หน่วยในการวัดความสว่าง
เวลาเราซื้อหลอดไฟ เราจะคุ้นกับหน่วยที่เรียกว่า วัตต์ แต่นั่นไม่ใช่หน่วยวัดความสว่างนะครับ จริงอยู่ว่าหลอดไฟที่วัตต์สูงๆ จะสว่างมาก แต่ด้วยความที่ปัจจุบันหลอดไฟมันมีหลายหลายชนิดมาก หลอดไฟที่ต่างชนิดกัน แม้จะจำนวนวัตต์เท่ากัน ก็อาจจะให้ความสว่างที่แตกต่างกันได้ครับ เพราะ วัตต์ มันคือหน่วยวัดการใช้พลังงานไฟฟ้าตะหากล่ะ ฉะนั้น เราจะเห็นว่าพวกหลอดไฟแบบไส้ 100 วัตต์ เนี่ย จะให้ความสว่างแค่พอๆ กับหลอดไฟแบบ LED ประมาณ 12-13 วัตต์ เท่านั้นเอง
สำหรับการวัดความสว่าง เขามีหน่วยวัดอยู่ 2 หน่วยหลักๆ คือ
💡 ลูเมน (Lumen) เป็นหน่วยของปริมาณของแสงที่ออกจากแหล่งกำเนิดแสง (เช่น หลอดไฟ) มันจะมีค่าคงที่ เพราะไม่ว่าจะติดหลอดไฟไว้ที่ไหน ตราบเท่าที่เราจ่ายไฟให้ตามสเปกของมัน ปริมาณของแสงที่ออกมาจากหลอดไฟก็จะเท่าเดิมเสมอ
💡 ลักซ์ (Lux) เป็นหน่วยของความเข้มของแสง ณ จุดใดจุดหนึ่งที่เราวัด ซึ่งจะมีค่าไม่คงที่ แค่ขยับไปวัดที่อื่น ห่างไปนิดเดียว ก็อาจจะมีผลทำให้ค่าที่ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เวลาที่เราเลือกซื้อหลอดไฟ เราอยากได้สว่างมากน้อยแค่ไหน ให้ดูจากค่าลูเมนครับ แต่หากเราต้องการให้นั่งทำงานแล้วสบายตา มีแสงสว่างในปริมาณที่เหมาะสม เราต้องมาวัดค่าลักซ์ครับ
แล้วต้องสว่างแค่ไหนถึงจะพอ?
มันมีค่ามาตรฐานอยู่ สำหรับของประเทศไทย มันมีประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง ที่ประกาศไว้ทางราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 (อ่านเอาได้จากด้านล่าง) ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า เรากำลังพูดถึงแสงสว่างสำหรับพื้นที่ไหน และเราต้องการทำอะไรในพื้นที่นั้น
เช่น ในห้องทำงาน หรือ สำนักงาน ที่มีการใช้งานคอมพิวเตอร์ เขาก็จะแนะนำให้มีความเข้มของแสงสว่างอยู่ที่ 400-500 Lux ครับ ฉะนั้นสำหรับสายจัดโต๊ะคอม ผมก็อยากแนะนำว่าให้วัดค่าความเข้มของแสงสว่างได้อยู่ที่ 400-500 Lux แหละครับ สำหรับการวัด ก็เอา Lux meter มาวัด ณ จุดที่เรานั่งทำงานนั่นแหละ

ทีนี้ก็จะมีคำถามอีกว่า แล้วถ้าเราไม่มี Lux meter (ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่แพงนะ ประมาณ 700 บาท รวมค่าส่ง ซื้อจาก Lazada เดี๋ยวแปะลิงก์ให้ด้านล่าง) เราจะใช้แอปบนสมาร์ทโฟนแทนได้ไหม? ผมก็เลยลองเอามาวัดเทียบกันครับ โดยใช้แอป Lux Meter ติดตั้งบน Samsung Galaxy Z Fold 2 เทียบกับ Lux meter ของ UNI-T รุ่น UT383 ครับ


ตอนกลางคืน ผมก็ปิดไฟห้องทำงานเลยครับ แล้วเปิดเฉพาะ Xiaomi Light Bar ก่อน วัดความเข้มของแสงสว่างในสภาพสลัวๆ ซึ่งตัว Lux meter ของ UNI-T ก็จะได้ค่าราวๆ 104-109 Lux แต่แอปมันวัดได้ 132-133 Lux ครับ เรียกว่าค่าแตกต่างกันไปประมาณนึงเลย (ราวๆ 30%)


ทีนี้เลยเอาใหม่ เปิดไฟ Xiaomi Light Bar เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเปิดไฟ LED ในห้องทำงานด้วย งานนี้สว่างจ้าเลยครับ ได้ 357-358 Lux ส่วนค่าที่ได้จากแอป ก็ใกล้เคียงครับ คือ 350-358 Lux เลยทำให้รู้สึกว่า แอปมันจะวัดแม่นกว่า ถ้าเกิดอยู่ในที่ที่ค่อนข้างสว่างเหรอเนี่ย?
อย่างไรก็ดี ผมมีข้อสรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Lux meter บนสมาร์ทโฟน ดังนี้
📱 iPhone ไม่น่าจะเหมาะจะเอามาทำ Lux meter เท่าไหร่ ผมลองเอามาวัดแล้ว ค่าเพี้ยนไปจาก Lux meter ของ UNI-T เยอะมาก และพอลองเทียบ iPhone 7 Plus กับ iPhone 12 Pro ก็ต่างกันโหดมาก (iPhone 12 Pro บอก 112 Lux iPhone 7 Plus บอก 55 Lux ในขณะที่ตัว Lux meter วัดได้ประมาณ 340 Lux)
📱 แอปไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเพี้ยน เพราะผมลองเปลี่ยนแอปแล้ว ก็ได้ค่าใกล้ๆ ของเดิม อันนี้เข้าใจได้ เพราะแอปมันอ่านค่าที่ได้จากเซ็นเซอร์อยู่แล้วอะ
📱 Samsung Galaxy Z Fold 2 ดูจะได้ให้ค่าใกล้เคียงกับ Lux meter ที่สุดแล้ว เพราะลองไปเอา HUAWEI P50 Pro มาวัด ค่าก็เพี้ยนไปไกลเช่นกัน
📱 สรุปว่า ถ้าจะวัด หา Lux meter จริงๆ มาวัดไปเลยน่าจะดีกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่บนพื้นฐานที่ว่า Lux meter ที่ผมซื้อมานั้น มันให้ค่าที่ถูกต้อง แม่นยำ นะครับ เพราะโดยหลักการแล้ว อุปกรณ์วัดใดๆ พวกนี้ ควรมีการสอบเทียบก่อน แต่อันนี้เราซื้ออุปกรณ์ที่เฉพาะทางมาเลย และก็ไม่ใช่ยี่ห้อไก่กา เป็นของ Uni-Trend Technology บริษัทสัญชาติจีนที่ผลิตเครื่องวัดต่างๆ และได้รับการรับรองมาตรฐานมากมาย เราก็ต้องเชื่อมันหน่อยแหละว่าน่าจะถูกต้องที่สุด
แล้วถ้าแสงสว่างไม่พอ จะทำยังไง?
ก็ถ้าไม่เปลี่ยนหลอดไฟให้สว่างขึ้น ก็อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มจำนวนหลอดไฟเข้าไป หรือหาโคมไฟมาติดตั้งเพิ่มครับ ความเข้มของแสงสว่างอะ ยิ่งเราอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดแสงมากเท่าไหร่ ความเข้มของแสงสว่างก็จะลดลงเท่านั้น ฉะนั้น หากไม่ติดขัดอะไร พวกโคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟหนีบ นี่แหละ ประหยัดพลังงาน และให้ความสว่างที่เหมาะสมได้แน่นอน