หากติดตามบล็อกของผม คงทราบกันว่าผมได้รีวิว Segway-Ninebot eMOPED A35 และ eMOPED B65 ไปแล้ว ซึ่งราคาก็ต้องบอกตรงๆ ว่า มีหลายคนคอมเมนต์กับผมว่า แพงขนาดนี้ (42,900 บาท และ 52,900 บาท ตามลำดับ) ไปซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่ดีกว่าเหรอ ยิ่งถ้าเทียบกับจักรยานไฟฟ้าทั่วไป ที่ผมเคยซื้อมาและรีวิวไปแล้ว (7,900 บาท) กับอีกคัน (19,900 บาท) ที่ผมยังไม่เคยรีวิว (เดี๋ยวรีวิวให้เลย ช่วงนี้คึก) มันยิ่งค่าตัวแตกต่างกันมาก แล้วทำไมถึงได้มีคนที่ยอมจ่ายแพงเพื่อจะซื้อจักรยานไฟฟ้าของ Segway-Ninebot ล่ะ? ในฐานะคนที่เคยลองมาหมดแล้ว ก็จะขอมาออกความเห็นให้ได้อ่านกันนะครับ โดยจะขอเน้นไปที่การเทียบกับจักรยานไฟฟ้าคันละ 19,900 บาทเป็นหลักละกัน
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บทความนี้เขียนขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น และอยากออกความเห็นของตัวเองล้วนๆ โดยยึดจากประสบการณ์ในการได้ขี่จักยานไฟฟ้า Deco Z1 ที่ผมซื้อมาใช้ที่บ้าน และจักรยานไฟฟ้า Segway-Ninebot eMOPED B65 เพราะเป็นของที่ผมได้ลองใช้งานแล้วจริงๆ นะครับ ดังนั้น ก็ยังอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากอีกหลายๆ ท่าน ที่อาจจะได้เคยลองใช้ยี่ห้ออื่น รุ่นอื่น กันมา สามารถมาคอมเมนต์เพื่อแชร์ความเห็นกันได้ครับ
ราคาที่แตกต่างกันชนิดเท่าตัวเศษของจักรยานไฟฟ้า Segway-Ninebot eMOPED A35 หรือ B65 เทียบกับจักรยานไฟฟ้าทั่วๆ ไป อย่าง Deco Z1 ที่ผมใช้เนี่ย มันก็มีเหตุและผลของมันนะครับ คือ พวกฟีเจอร์ต่างๆ รายละเอียด การออกแบบ มันมีที่มาที่ไปของมันว่าทำไมถึงทำให้ราคาแพง แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่ใช่ว่าของแพงกว่าจะมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานไปซะทุกอย่างเหมือนกันนะ มาลองดูกันครับ
ความใส่ใจของการออกแบบจักรยานไฟฟ้า
จักรยานไฟฟ้าทั่วไปที่ราคาไม่แพง เท่าที่ผมสังเกต มันจะมีการออกแบบมา 2 สไตล์ คือแบบ จักรยานไฟฟ้าจีนไม่มีแบรนด์ ที่จะหน้าตาคล้ายๆ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าล้อใหญ่ที่มีการใส่เบาะนั่งเข้าไป ซึ่งจะมีคันถีบอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับเบาะนั่งมาก เรียกว่ามีไว้เพื่อเลี่ยงภาษีของจีนอะ (จักรยานไฟฟ้าจะเสียภาษีน้อยกว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า) กับอีกแบบคือ หน้าตาเหมือนจักรยานเลย ตำแหน่งของคันถีบจะเยื้องออกมาด้านหน้าเบาะนั่งหน่อย ทำให้ปั่นได้ง่ายขึ้น (แต่ก็ยังหนักอยู่ เพราะรถมันหนัก และไม่มีเฟืองทด)




พวกจักรยานไฟฟ้าจีนราคาถูก ก็จะใช้วัสดุเป็นเหล็กชุบกันสนิม และมีบอดี้เป็นพลาสติก งานประกอบก็จะดูก๊องแก๊ง ตามราคาค่าตัว ขนาดไม่ใหญ่มาก ขี่คนเดียวสบายๆ แต่ถ้าจะมีคนนั่งซ้อน ถ้าเป็นเด็กก็จะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะเบียดๆ ส่วนจักรยานไฟฟ้าแบบที่ราคา 19,900 บาท วัสดุก็จะดูดีขึ้นมาหน่อย มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ขี่สบายกว่า รวมถึงตอนนั่งซ้อนด้วย
สำหรับ Segway-Ninebot eMOPED A35 และ B65 นั้น ดีไซน์ออกมาค่อนไปทางมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเลยครับ เรียกว่าถ้าเอามาวิ่งถนนใหญ่ ตำรวจจราจรคงเพ่งเล็งอะ แต่มันก็แลกมาด้วยการที่นั่งสบายกว่า เช่นกัน รายละเอียดในการใส่ใจอื่นๆ ก็เช่น ล้อยางลมขนาด 14 นิ้ว ที่เลือกใช้ยางที่มีโครงสร้างผ้า ที่เก็บลมได้ดีกว่า ทำให้แม้จะเกิดยางรั่วซึม มันก็จะยังพอวิ่งต่อไปได้อีกระยะนึง … อันนี้ตามที่เขาโฆษณามานะ ผมยังไม่เคยได้ลองให้จักรยานไฟฟ้าทุกรุ่นที่ผมเคยได้ลอง ยางแตกดู ถ้าทำแบบนั้นก็ลงทุนไป๊


ความทุ่มทุนในการใส่อุปกรณ์เพื่อประสบการณ์ในการขับขี่ของ Segway-Ninebot eMOPED A35 และ B65 ก็มีมากกว่า เห็นได้จากที่ว่า แม้ล้อหน้าของ eMOPED A35/B65 กับ Deco Z1 จะมีโช้กหน้าแบบกระบอกเหมือนกัน แต่ Deco Z1 ไม่มีโช้กหลังครับ เวลาขี่แล้วเจอทางขรุขระ หรือพวกลูกระนาด มันสะเทือนกันกันเยอะเลย



แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจักรยานไฟฟ้าทั่วไปอย่าง Deco Z1 จะมีอะไรที่ด้อยกว่า Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 เสมอไปนะครับ จักรยานไฟฟ้าพวกนี้ มันเหมือนกับถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับแม่บ้านขี่ไปซื้อของที่ตลาดที่แท้ทรูครับ มันมักจะมาพร้อมกับตะกร้าใส่ของด้านหน้า พร้อมฝาปิดมิดชิด มีเบาะนั่งด้านหลัง เผื่อสำหรับคนซ้อน มีไฟเลี้ยวที่ด้านท้าย (ซึ่งไฟไม่สว่างมาก เหมาะสำหรับใช้ตอนกลางคืนมากกว่า) มาให้แล้ว ส่วน Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 เนี่ย มันเหมือนออกแบบมาสำหรับขี่ชิลล์ๆ และสำหรับประเทศที่มีช่องทางสัญจรสำหรับจักรยาน/จักรยานไฟฟ้าอยู่แล้ว ไอ้ของพวกนี้เลยน่าจะกลายเป็นอุปกรณ์เสริมซะมากกว่า
ฟีเจอร์พิเศษต่างๆ ในการขับขี่
ของแพงกว่าอย่าง Segway-Ninebot eMOPED เนี่ย มันก็ต้องยัดฟีเจอร์มาให้เยอะกว่าอยู่แล้วครับ และมันจะสะท้อนให้รู้สึกได้ตลอดระยะเวลาที่เราขี่เลย เมื่อลองเทียบกันดูแล้ว เริ่มตั้งแต่การสตาร์ทรถ ที่ eMOPED นี่เขาใช้ NFC Smart key card ในการติดเครื่อง พกพาการ์ดพวกนี้สะดวกมาก ในขณะที่จักรยานไฟฟ้าจีนทั่วไปใช้กุญแจบิดเอา ความรู้สึกคือต้องพกกุญแจเพิ่ม ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่
ระบบเซฟตี้ในการขี่เนี่ย พวกจักรยานไฟฟ้าจีนทั่วไปผมไม่เห็นนะครับ คือ พอสตาร์ทรถแล้ว หากบิดคันเร่งมันก็วิ่งเลยนะครับ อาจจะอันตรายสำหรับผู้ขี่ที่ยังไม่คล่องแคล่ว หรือแม้แต่คล่องแคล่วแล้ว ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เช่น เผลอบิดคันเร่งตอนที่กำลังเข็นรถเก็บ อะไรแบบนี้ แต่ถ้าเป็น Segway-Ninebot eMOPED ละก็ มันจะมีเซฟตี้ 2 ชั้นเลย คือ ถ้าขาตั้งยังไม่เอาขึ้น และไม่มีน้ำหนักกดลงที่บนเบาะนั่ง ต่อให้บิดคันเร่งมันก็จะยังไม่วิ่ง


ระบบกันขโมยเนี่ย บางคันก็ไม่มี (เช่น Deco Z1 เป็นต้น) ทั้งๆ ที่ราคาก็ 19,900 บาทแน่ะ แต่ในขณะที่บางคันเขาก็มีมาให้นะ ไอ้คันละ 7,900 บาทที่ผมซื้อมาก่อนหน้า (ตอนนี้ให้น้องชายไปแล้ว) มีกุญแจรีโมตแบบรถยนต์เลยครับ แต่ก็เป็นฟีเจอร์ที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ เพราะถ้ารีโมตแบตหมด บรรลัยเลย จะขี่จักรยานไปยังไงล่ะ
แต่ตัว Segway-Ninebot eMOPED นี่มันมีระบบกันขโมยแบบ Built-in มาให้แล้ว ขอแค่ว่าเสียบแบตเตอรี่อยู่ ถ้ามีใครพยายามจะขยับรถไป เซ็นเซอร์มันตรวจจับได้มันก็จะร้องเตือนครับ และไม่ต้องกลัวว่าจะปิดสัญญาณกันขโมยไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ต้องกลัวแบตรีโมตหมดเหมือนจักรยานไฟฟ้าจีนทั่วไป NFC Smart key card มันไม่มีแบตเตอรี่อะ


ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System หรือ BMS) ก็เป็นอีกปัจจัยนึงที่แตกต่างกันเมื่อเทียบระหว่าง Segway-Ninebot eMOPED กับจักรยานไฟฟ้าทั่วไปครับ คือ จักรยานไฟฟ้าทั่วไปอะ เขาจะใช้วิธีง่ายๆ ในการบอกระดับแบตเตอรี่ นั่นก็คือ การประเมินจากแรงดันไฟที่เหลืออยู่ของแบตเตอรี่ ซึ่งมันก็พอจะบอกได้แหละ แต่มันมีข้อจำกัดร้ายแรงอย่างนึง นั่นก็คือ ตอนที่จอดรถไว้พักใหญ่ๆ แล้วสตาร์ตอีกครั้ง แบตเตอรี่มันจะมีแรงดันไฟกลับมาสูงอีกครั้งในชั่วระยะเวลานึง ทำให้เราจะเห็นว่าปริมาณแบตเตอรี่มีมากกว่าความเป็นจริงเสมอ ซึ่งเราต้องขี่ซักพักนึงอ่ะ ให้ระดับแรงดันไฟของแบตเตอรี่มันกลับสู่ความเป็นจริง เราถึงจะได้เห็นระดับแบตเตอรี่ที่แท้จริง ซึ่งบางทีมันอาจจะเหลือน้อยกว่าที่เราจะขี่จักรยานไฟฟ้าไป-กลับจุดหมายได้
แต่ถ้าเป็น Segway-Ninebot eMOPED เขาจะมีระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ที่ดีมาก สามารถคำนวณปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือได้อย่างแม่นยำ และแม้ว่าเราจะจอดไว้พักใหญ่ๆ แล้วกลับมาสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง ระดับแบตเตอรี่มันก็เป็นจะเป็นไปตามความเป็นจริงตลอด ทำให้วางใจได้ว่าเราจะไม่เผลอลืมชาร์จ แล้วมาใช้งานตอนแบตเตอรี่เหลือน้อยๆ นอกจากนี้แล้ว ระบบ BMS ก็ยังช่วยควบคุมในเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่อีกด้วย เรียกว่ามีความปลอดภัยสูงเลยแหละ
จักรยานไฟฟ้าทั่วไป จะไม่มีการเชื่อมต่อกับแอปนะครับ ข้อมูลทุกอย่างก็ดูกันบนแดชบอร์ดไป ซึ่งจริงๆ ก็เรียกว่าพอแล้วสำหรับการใช้งานพื้นฐาน ถ้าแค่ต้องการจักรยานไฟฟ้าสำหรับขี่ไปซื้อของที่ตลาดหรือ 7-Eleven ขี่ไปทานข้าวที่ร้านอาหาร แต่การยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อซื้อ Segway-Ninebot eMOPED นี่เราจะได้ความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอป เพื่อปรับแต่งฟีเจอร์ต่างๆ ที่มันมีมาให้ รวมถึงการอัปเดตเฟิร์มแวร์ของระบบรถจักรยานไฟฟ้า เพื่อให้มันทำงานได้ดีขึ้น แต่ก็อย่างที่บอกนะ มันคือฟีเจอร์ที่ Nice-to-have คือไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่คนที่อยากได้ เขาก็อาจจะพร้อมจ่ายแพงขึ้นเพื่อสิ่งนี้



จักรยานไฟฟ้าทั่วไป การชาร์จแบตเตอรี่ก็แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่น ว่ามันดีไซน์เอาไว้ยังไง บางยี่ห้อบางรุ่นก็ชาร์จแบตเตอรี่ที่ตัวรถอย่างเดียว บางยี่ห้อก็อาจจะยอมให้เราถอดแบตเตอรี่ออกมาชาร์จในบ้านได้ แต่ Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 มันออกแบบให้ชาร์จที่ตัวรถก็ได้ หรือถอดแบตเตอรี่มาชาร์จในบ้านก็ได้ การชาร์จในบ้านได้มันสะดวกกว่าการที่ต้องชาร์จที่ตัวรถครับ เพราะที่จอดรถของทุกบ้าน ไม่ได้มีปลั๊กไฟให้เสียบเสมอไป หรือถ้ามี ก็อาจจะอยู่ในจุดที่ไม่สะดวกในการเสียบชาร์จ (บ้านผมก็ต้องหาปลั๊กพ่วงมาต่อเพิ่ม)
ประสบการณ์ในการขับขี่
เอาจริงๆ ถ้าเกิดว่าไม่เคยได้ลองขี่เปรียบเทียบกัน ก็อาจจะไม่ทันได้สังเกตว่าการขี่ Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 มันนิ่มและนิ่งกว่าการขี่จักรยานไฟฟ้าทั่วไปพอสมควรนะ ฉะนั้นก็ต้องบอกว่าหากใครคิดว่าได้ลองขี่จักรยานไฟฟ้าจีนทั่วไปก็รู้สึกโอเคแล้วแหละ และไม่ได้มีงบประมาณมากมายในการซื้อจักรยานไฟฟ้าไฮโซ ผมว่ามันก็ไม่มีปัญหาอะไรแหละครับ คือ เท่าที่ผมลองขี่ Deco Z1 มา ในกรณีที่เกิดจำเป็นต้องขี่มือเดียวแฮนด์มันก็จะส่ายๆ หน่อย แต่ก็อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ (ถ้าเราขี่จักรยานแข็งอยู่แล้ว) หรือเวลาต้องเบรกมันก็เบรกได้กะทันหันดี (ดรัมเบรก) แต่ถ้าขี่มาเร็วๆ ก็จะแอบหัวทิ่มนิดๆ
ในทางกลับกัน Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 จะพยายามเน้นประสบการณ์ในการขี่ที่นิ่ม นิ่ง นั่งสบาย เกิดจำเป็นต้องขี่มือเดียว ก็ทำได้สบายๆ นิ่งมาก แฮนด์ไม่ส่ายเลย ส่วนเรื่องการเบรกก็อยู่ที่เราตั้งเบรก แต่มันเป็นดิสก์เบรก ถ้าเราตั้งให้เบรกหยุดกึก เวลาขี่มาเร็วๆ ก็จะหัวทิ่มเอาง่ายๆ อาจจะตั้งให้เบรกไม่แข็งมาก แล้วใช้การเบรกสองข้างพร้อมกันช่วย หรือการตั้งค่า Regenerative brake ให้มันหนักๆ เข้าไว้ (ตั้งผ่านแอป) เวลาผ่อนคันเร่งมันก็จะช่วยเบรกได้อีกทาง
แอบเทียบ Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 กับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหน่อย
ค่าตัวของ Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 เนี่ย แอบไปเทียบชั้นกับพวกมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจีนหลายยี่ห้อหลายรุ่นเลยครับ ก็เลยมีคำถามว่า แบบนี้ไปซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเลยไม่ดีกว่าเหรอ? อันนี้มันก็แล้วแต่จริงๆ ครับ คือ มันก็จะกลับไปที่เหตุผลเรื่องของฟีเจอร์ที่ eMOPED เขามี แต่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจีนทั่วไปไม่มี (เชื่อมต่อแอป มีระบบ Batter Management System มีระบบเซฟตี้ในการขี่)
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจีนทั่วไป จะได้เปรียบตรงความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า Segway-Ninebot eMOPED A35/B65 และอาจจะมีระยะทางวิ่งที่ไกลกว่า แต่หากต้องการวิ่งให้ได้ไกลตามสเปกเนี่ย อยากให้สังเกตให้ดีๆ นะครับว่าภายใต้เงื่อนไขอะไร เช่น มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Deco รุ่น Super Ace นี่ ระยะทางวิ่งไกลสุด 70-80 กิโลเมตร แอบโหดกว่าของ eMOPED B65 แต่ต้องวิ่งเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ ซึ่งก็คือความเร็วระดับ eMOPED B65 นั่นแหละ และอาจจะวิ่งได้จริงๆ ซัก 65-70 กิโลเมตร (ลองเดาดูนะครั อันนี้) ส่วน eMOPED B65 อาจจะวิ่งได้ซัก 50-55 กิโลเมตร
บทสรุป
โดยรวมแล้วผมมองว่าคนที่ตัดสินใจเลือกจักรยานไฟฟ้าทั่วไป ราคา 19,900 บาท อย่าง Deco Z1 เนี่ย ปัจจัยหลักๆ มันก็คือเรื่องบที่ไม่สูงมากเกินไป ในขณะที่ก็ได้สเปกและฟีเจอร์ในเกณฑ์ที่พื้นฐาน รับได้ แต่สำหรับคนที่ยอมจ่ายเพิ่มขึ้นในระดับ 42,900 บาท หรือ 52,900 บาท ทั้งๆ ที่ราคานี้อาจจะซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบจดทะเบียนได้เลย ก็น่าจะเป็นเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ ที่ Segway-Ninebot eMOPED ให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซฟตี้ เรื่องการเชื่อมต่อแอป ระบบจัดการแบตเตอรี่ที่ดี และประสบการณ์ในการขี่ที่นิ่งและนิ่มมากๆ แหละครับ