Home>>รีวิว>>รีวิว Segway-Ninebot eMOPED B65 จักรยานไฟฟ้าค่าตัว 52,900 บาท
รีวิว

รีวิว Segway-Ninebot eMOPED B65 จักรยานไฟฟ้าค่าตัว 52,900 บาท

หลังจากได้รีวิว Segway-Ninebot eMOPED A35 ไปแล้ว คราวนี้ได้เวลารีวิว eMOPED B65 บ้างครับ สำหรับรุ่นนี้เขาว่าสามารถวิ่งได้เร็วสูงสุด 38 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ต้องปลดล็อกผ่านแอปก่อน) และสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสุดคือ 65 กิโลเมตร พร้อมฟีเจอร์ครบเครื่องแบบเดียวกับรุ่น A35 แลกมากับราคาค่าตัวที่เพิ่มขึ้น 10,000 บาท ก็น่าสนใจว่ารุ่นนี้ขับขี่แล้วจะเป็นอย่างไร ก็ได้เวลายืมมารีวิวกัน 1 สัปดาห์ ได้ขี่ไปโน่นมานี่ แล้วเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันอ่านครับ

ออกตัวล้อฟรีก่อน…

Segway-Ninebot eMOPED B65 คันนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก MONOWHEEL ให้ยืมมาลองขับขี่ โดยขี่กันแบบจริงๆ จังๆ เพื่อจะได้เอาประสบการณ์ในการขี่มาเล่าสู่กันอ่าน เผื่อใครจะใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเพื่อซื้อหามาใช้งานบ้างครับ

เช่นเคยนะครับ ทางร้านเขาส่งมาให้ผมในแบบที่แกะกล่องให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ต้องประกอบใดๆ พร้อมใช้งานเลย แต่ในการซื้อตามปกติ เขาจะส่งมาเป็นกล่อง ซึ่งก็จะต้องมีการประกอบเองบ้างเล็กน้อยครับ ดีไซน์ของรุ่น Segway-Ninebot eMOPED B65 นี่ในขณะที่ส่วนของล้อจะดูมีความคล้ายกัน แต่ตัวบอดี้ของรถแตกต่างกันมากครับ แค่ดูจากด้านข้างเนี่ย ก็จะเห็นว่าท้องรถมีความบางลง แต่ตรงส่วนของเบาะนั่งกลับมีความหนามากขึ้น นั่นเพราะเขาย้ายที่เก็บแบตเตอรี่จะตรงพื้นรถไปที่ตรงเบาะแทนครับ เอาจริงๆ คือ พอเห็นดีไซน์ตำแหน่งวางแบตเตอรี่แบบนี้แล้ว ผมคิดว่ารุ่น A35 นี่น่าจะเอาอย่าง B65 นะ

Segway-Ninebot eMOPED B65 ถ่ายจากด้านซ้าย

อย่างที่ผมบอกครับส่วนของล้อของรุ่น B65 จะคล้ายๆ กับรุ่น A35 นั่นคือ ใช้ล้อขนาด 14 นิ้ว เป็นล้อยางลมแบบ Tubeless แต่ที่แตกต่างนิดหน่อยคือ เขาเปลี่ยนมาใช้ดิสก์เบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังครับ แต่นอกจากนั้นแล้ว โช้กก็ยังเหมือนเดิมครับ คือ ล้อหน้าเป็นโช้กกระบอก ส่วนล้อหลังเป็นโช้กสปริง ส่วนคันถีบนี่ อยู่ในตำแหน่งแบบเดียวกับของรุ่น A35 ครับ และจากที่ผมได้ลองถีบแล้ว ตามคาดเลย ปั่นแทบตาย แทบไม่ไปไหนเลย ฉะนั้นใครที่คิดว่าถ้าแบตเตอรี่หมดแล้วจะสามารถถีบกลับบ้านได้ บอกเลยว่าให้เปลี่ยนความคิดนั้นซะ ถ้าคุณต้องปั่นเจ้านี่ 1 กิโลเมตร รับรองได้ทำ Cardio เต็มเหนี่ยวแน่นอน

ด้วยความที่ล้อเป็นสเปกเดียวกับรุ่น A35 ก็หมายความว่ายางแต่ละเส้นรองรับน้ำหนัก 115 กิโลกรัม และใช้กับแรงดันลม 36psi โดยที่ดีไซน์ของยางเป็นแบบ Tubeless และมีโครงสร้างเป็นผ้าใบและมีเนื้อยางด้านนอกที่แข็งแรงกว่ายางทั่วไป ซึ่งเขาว่ามันจะเก็บลมยางได้ดีและจะทำให้ตัวรถจะสามารถขับขี่ต่อไปได้อีกระยะ แม้ว่าจะเกิดมีอะไรมาตำให้รั่ว … แต่อันนี้ผมไม่ได้ลองนะครับ เลยตอบไม่ได้ว่าจะสามารถขี่ต่อไปได้อีกยาวแค่ไหน แต่เผอิญว่าตอนที่รถมาส่งถึงมือผมใหม่ๆ ลมยางมันอ่อนมากครับ ราวๆ 14psi แต่ผมก็ยังสามารถขับขี่ไปได้อยู่นะครับ เพียงแต่ว่าขี่ก็จะรู้สึกได้เลยว่ายางมันแบนบดถนนอยู่

ผมได้ลองขี่ๆ ให้ป้าๆ แถวบ้าน และให้ภรรยาได้ดูแล้ว ทุกคนลงความเห็นด้วยกันว่า Segway-Ninebot eMOPED B65 นี่ หน้าตาสวยหรือน่ารักสู้รุ่น A35 ไม่ได้ครับ อันนี้ผมก็แอบแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่ทำให้รุ่น B65 ออกมาสไตล์คล้ายๆ กับ A35 หว่า เพราะแม้แต่ผมเองก็ต้องบอกว่ารุ่น A35 หน้าตามันดูดีกว่าจริงๆ และแน่นอน มันมีการออกแบบจุดสำหรับติดป้ายทะเบียนด้วย (มีภาษาจีนเขียนว่า 机号 (Jī hào) ที่แปลเป็นไทยได้ตรงๆ ว่า หมายเลขเครื่อง ด้วย

ความแตกต่างอีกอย่างของรุ่น B65 เมื่อเทียบกับ A35 ในเรื่องดีไซน์ก็คือ รุ่นนี้มันมีพื้นที่วางสัมภาระด้านท้าย ที่ทำจากพลาสติกด้วย แต่อย่างเพิ่งคิดว่ามันเป็นพลาสติกแล้วจะไม่แข็งแรงนะ ถ้าเรามองไปที่ด้านใต้ เราจะเห็นว่ามันมีโครงเหล็กที่แข็งแรงอยู่ด้านล่างครับ อันนี้เวลาที่เราหาอุปกรณ์เสริมที่เป็นเบาะนั่งมา ก็จะทำให้เราสามารถซ้อนคนได้อีกคนครับ

ดีไซน์ของแฮนด์ ซ้าย-ขวา ก็คล้ายๆ กับมอเตอร์ไซค์ครับ แต่เราจะเห็นไฟ LED สำหรับแสดงสถานะความพร้อมในการขับขี่ ไฟสีส้มคือรถอยู่ในโหมดล็อก ซึ่งในโหมดนี้แม้เราจะบิดคันเร่งรถก็จะไม่วิ่ง เป็นระบบเซฟตี้ของรถ ไฟสีเขียวคือพร้อมขับขี่ จะอยู่ในโหมดนี้ก็ต่อเมื่อเบาะนั่งตรวจจับน้ำหนักได้ว่ามีคนมานั่งและขาตั้งรถถูกพับเก็บแล้วเท่านั้น และไฟสีฟ้าแสดงว่าเปิดโหมด Cruise control อยู่ครับ การติดเครื่องจะใช้ NFC Smart key card แตะตรงแดชบอร์ดของรถ ถ้าแตะอีกทีก็จะเป็นการดับเครื่อง หรือเราจะกดปุ่มฟังก์ชันที่แฮนด์ซ้ายค้างเอาไว้ก็ได้

ปุ่มที่แฮนด์ขวาเป็นปุ่มแตรไฟฟ้าครับ เสียงดังเอาการทีเดียว ส่วนปุ่มที่แฮนด์ด้านขวาเป็นปุ่มฟังก์ชัน เอาไว้สั่งงานได้หลายแบบ คือ

🛵 กดติดๆ กันสองที เป็นการเปิดหรือปิดไฟหน้ารถ
🛵 บีบเบรกไว้ แล้วกดทีนึง จะเป็นการปลดล็อกเบาะ เพื่อเปิดช่องเก็บแบตเตอรี่
🛵 กดค้างไว้เป็นการดับเครื่อง
🛵 ขณะขี่อยู่ กดทีนึง จะเป็นการเปิดใช้งาน Cruise control เพื่อให้รถวิ่งต่อด้วยความเร็ว ณ ขณะนั้น โดยไม่ต้องบิดคันเร่ง

ติดตั้งตัวจับสมาร์ทโฟนไว้ที่แฮนด์ของ Segway-Ninebot eMOPED B65

แม้ว่าหน้าตาของ Segway-Ninebot eMOPED B65 จะไม่ดูดีเท่ารุ่น A35 ในสายตาผม แต่ในแง่ของฟังก์ชันการใช้งาน มันกลับทำได้ดีกว่านะครับ อาจจะเพราะว่ารุ่นนี้สเปกออกแบบให้วิ่งได้ไกลสุด 65 กิโลเมตร ซึ่งมันคือระยะทางที่ไกลมาก และคงมีหลายคนที่อยากขี่ไปที่โน่นนี่นั่น บางทีก็ไม่เคยไปมาก่อน ก็อาจจะต้องพึ่งพา GPS เขาเลยออกแบบมาให้แฮนด์มันมีพื้นที่พอจะให้ติดตั้งตัวจับอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนหรือกล้อง Action cam ได้ครับ

แล้วเขาก็ให้ช่อง USB-A มา 1 ช่องด้วย สามารถเอาสาย USB มาเสียบเพื่อชาร์จสมาร์ทโฟนได้ การใช้ GPS นำทางก็ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเตอรี่จะหมด และการชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนก็ไม่ได้กินแบตเตอรี่ของตัวรถมากจนส่งผลกระทบต่อระยะทางวิ่งโดยรวมซักเท่าไหร่ แต่ผมอะ อยากให้มันดีไซน์ให้มีช่องใส่ของมากกว่า เอาพาวเวอร์แบงก์มาเสียบ ก็ชาร์จได้เหมือนกันแหละ เหนือช่องเสียบ USB จะเป็นตะขอเกี่ยว เอาไว้แขวนโน่นนี่นั่นที่เราซื้อมาได้ครับ มันจะรับน้ำหนักได้ราวๆ 3 กิโลกรัม

ตรงฐานเบาะนั่งรถ มันจะมีช่องสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ของรถครับ เผื่อที่บ้านใครมีปลั๊กอยู่ตรงโรงรถ ก็สามารถเอาอะแดปเตอร์ออกมาเสียบไฟชาร์จได้เลย แต่ถ้าใครไม่มีปลั๊กอยู่ที่โรงรถ ก็สามารถถอดแบตเตอรี่ออกไปชาร์จได้นะครับ แต่แบตเตอรี่หนัก 10 กิโลกรัมนะ ก็จะแอบหนักๆ หน่อย

ช่องใส่แบตเตอรี่มันถูกย้ายไปอยู่ตรงเบาะนั่ง ซึ่งผมบอกเลยว่าเป็นแนวคิดที่ถูกต้องมากครับ หยิบออกมาก็ง่าย พื้นที่ใส่ก็เยอะ แถมในรุ่น B65 นี่ก็ไม่มีปัญหาที่ตัวล็อกฝาปิดช่องแบตมันปิดยากแล้วด้วย กดลงไปเบาๆ ดังแกร๊ก ก็ล็อกเลย แล้วเขาก็คิดเผื่อไว้ว่า ถ้าปิดง่ายแบบนี้ แต่เราอยากจะเปิดฝาทิ้งค้างไว้ มันต้องมีอะไรมาช่วยค้ำไว้หน่อย เขาก็ออกแบบตัวค้ำมาให้ครับ แค่หมุนเพื่อคลายมันออกมา แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าฝาปิดจะเผลอล็อกแล้ว

การเปิดช่องใส่แบตเตอรี่ออกมา ถ้าเราติดเครื่องอยู่ เราก็แค่บีบเบรกแล้วกดปุ่มฟังก์ชันทีนึง หรือใครอยากจะดับเครื่องแล้วเสียบกุญแจก็ได้ ไม่ว่ากัน กุญแจเขามีให้มาสองอัน กันเหนียว แต่งวดนี้ กุญแจดีไซน์แปลกๆ อีกแล้ว คือ ด้ามจับของกุญแจมันทำออกมาปลายแบนๆ นั่นเป็นเพราะว่าเขามีออกแบบให้แบตเตอรี่อะ มีช่องสำหรับใส่กุญแจครับ ถามว่ามีไว้ทำไม อ่านต่อสิ เดี๋ยวก็รู้

ตอนถอดแบตเตอรี่อะ มันมีความเก๋ซ่อนอยู่ คือ มันจะมีระบบกลไกที่จะดันแบตเตอรี่ให้เอียงขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถหิ้วแบตเตอรี่ออกไปได้ง่ายๆ ครับ และไอ้ช่องใส่กุญแจสำหรับเปิดฝาปิดช่องแบตเนี่ย เขามีไว้เพื่อให้เราเอากุญแจมาเก็บ เวลาที่เราหิ้วแบตเตอรี่ออกมาเตรียมจะใส่ จะได้ไม่ลืมหยิบกุญแจออกมาครับ กลายเป็นต้องเดินเข้าๆ ออกๆ หลายรอบ ซึ่งอันนี้เป็นเล็กๆ น้อยๆ ที่ดีไซน์ออกมาได้เผื่อดีมาก … การใช้งานก็คือ ตอนที่แบตอยู่ในตัวรถ เราก็แค่ติดเครื่อง บีบเบรก กดปุ่มฟังก์ชัน เพื่อเปิดฝาปิด พอถอดแบตเตอรี่ออกไปชาร์จเสร็จ เอากลับมา ฝาปิดมันล็อก ก็หยิบกุญแจจากแบตเตอรี่นี่แหละออกมาไข แล้วก็เก็บเข้าที่เดิม

เสียดายแค่ว่า อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่แอบใหญ่ไปนิด และตัวรถก็ไม่มีที่เก็บให้ การจะขี่ไปแล้วไปชาร์จระหว่างทางไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะต้องพกอะแดปเตอร์แยกไป แถมระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตให้เต็มโดยเริ่มจาก 0% ไปที่ 100% มันคือ 8 ชั่วโมง โคตรนานครับ ถ้าคิดว่าจะขี่ไปไกลๆ จนแบตเตอรี่ใกล้จะหมดแล้วจะชาร์จนี่คิดว่าไม่เวิร์กแน่นอน ส่วนเรื่องที่คิดว่าจะพกแบตเตอรี่สำรองไว้รอเปลี่ยนด้วย ระยะทางจะได้เพิ่มเป็น 2 เท่า ให้ย้อนกลับไปอ่านดูน้ำหนักของแบตเตอรี่นะครับ 10 กิโลกรัม นะจ๊ะ จะพกยังไงดี

ไฟหน้าของ Segway-Ninebot eMOPED B65

ไฟหน้าของ Segway-Ninebot eMOPED B65 ก็จะคล้ายๆ กับรุ่น A35 ครับ คือ เวลาเครื่องติดตามปกติ มันจะเปิดไฟ Daylight เอาไว้ให้ แต่เมื่อตกกลางคืน เราสามารถกดปุ่มฟังก์ชัน 2 ทีติดเพื่อเปิดไฟหน้าจริงๆ ได้ ซึ่งมันสว่างแบบหายห่วงครับ นอกจากนี้ก็สามารถใช้วิธีเคาะที่แดชบอร์ด 2 ทีติด เพื่อเปิดไฟได้เช่นกัน แต่สำหรับผม ผมแนะนำให้ปิดฟังก์ชันนี้ในแอปดีกว่า เพราะการที่รถสะเทือนแรงๆ 2 ทีติดกัน ก็อาจะถูกมองว่าเป็นการสั่งเปิด-ปิดไฟได้เช่นกัน แม้ว่าในตอนทดสอบการขับขี่จริงของผม จะไม่พบว่ามีการเผลอเปิดหรือปิดไฟโดยบังเอิญก็ตาม แต่ Safety first ครับผมว่า อีกอย่าง การเปิด-ปิดไฟด้วยการกดปุ่มฟังก์ชันก็ไม่ได้ยากตรงไหน จริงๆ ง่ายกว่าการเคาะแดชบอร์ด้วยเหอะ

ประสบการณ์ในการขี่ Segway-Ninebot eMOPED B65

ในบางประเทศ เขามีการจำกัดความเร็วพวกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าเอาไว้ที่ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นเลยทำให้ Segway-Ninebot eMOPED B65 ก็ถูกจำกัดไว้ที่ความเร็วนี้เป็น Default แต่เราสามารถปลดล็อกความเร็วนี้ได้ด้วยแอปครับ ซึ่งเมื่อปลดล็อกแล้ว ความเร็วก็จะไปสูงสุดที่ 38 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามสเปก แต่ผมลองเอาไปขี่ แล้วใช้แอปจำพวก GPS Speedometer เพื่อวัดความเร็วในการขี่โดยอาศัยข้อมูลจาก GPS พบว่า ได้ความเร็วที่ 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ แต่สำหรับรถรุ่นแรกๆ ที่วางจำหน่าย (รวมถึงคันที่ผมได้มารีวิวนี้) ความเร็วที่แสดงบนแดชบอร์ดจะไปหยุดที่ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น อยากรู้ความเร็วที่แท้จริง ก็ต้องเอาสมาร์ทโฟนมาช่วยจับให้แบบผมนี่แหละ

หน้าจอสมาร์ทโฟน เปิดแอป GPS Speedometer เพื่อวัดความเร็วในการขี่ ได้ความเร็ว 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วในระดับ 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เจ้านี่แทบจะเป็นน้องๆ มอเตอร์ไซค์แล้วครับ เอาจริงๆ ถ้าเจอมอเตอร์ไซค์คันไหนขี่ช้าๆ ในซอย หรือเจอพวกรถสามล้อขายหมูปิ้ง ไก่ย่าง ขายไอศกรีม อะไรพวกนี้ เราเร็วกว่าแบบแซงได้สบายๆ ครับ แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกับมอเตอร์ไซค์เกิ๊น มันก็จะทำให้พี่ตำรวจจราจรเพ่งเล็งเอาง่ายๆ ดังนั้น มันจึงเหมาะที่จะเอาไปใช้ขับขี่แถวบ้าน หรือตามถนนชนบทมากว่านะครับ ผมก็ไม่ได้เอาคันนี้มาออกถนนใหญ่ (พระราม 2) ในการรีวิวครั้งนี้ แต่ไปขี่ในเส้นทางแถวบ้านที่เคยใช้ตอนรีวิวรุ่น A35 เพื่อประเมินระยะวิ่งคร่าวๆ เบื้องต้น และลองเอาไปขี่จากบ้านไปที่วัดพันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร โดยผ่านเส้นบางขุนเทียนชายทะเล ไป-กลับ ระยะทาง 45 กิโลเมตร

แฮนด์ของ Segway-Ninebot eMOPED B65 คือ นิ่งมาก ขี่มือเดียวได้สบายๆ จริงๆ จังๆ กระจกมองข้าง สำหรับจักรยานไฟฟ้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูง 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งมีประโยชน์ และจำเป็นมากๆ ครับ เพราะเวลาเราขี่ชิดริมซ้ายของถนน (เนื่องจากเราคือรถที่วิ่งช้ามากๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์คันอื่น) มันก็จะมีจังหวะที่เราจะต้องเบี่ยงเพื่อหลบรถที่จอดอยู่หรือหลบจักรยาน หรือรถใดๆ ที่ขับช้ากว่าเราในขณะนั้น กระจกมองข้างก็จะทำให้เราไม่ต้องเหลียวหลังไปมองรถที่ตามมา ซึ่งการไม่มองด้านหน้าในความเร็วสูงๆ มันอันตรายมาก กระจกมีความแน่นหนาดี ไม่เขยื้อนง่ายแม้จะอยู่ในสภาพถนนที่ขรุขระ

โช้กหน้าและหลัง ร่วมกับล้อยางลมขนาด 14 นิ้ว ทำให้เราสามารถขับขี่บนสภาพผิวถนนชนบทในกรุงเทพมหานครที่เต็มไปด้วยท่อระบายน้ำ และพื้นผิวที่ขรุขระมากๆ ได้อย่างราบรื่น ถ้าขรุขระไม่มากเนี่ย โช้กมันช่วยซับแรงกระแทกได้ค่อนข้างดีเลย แต่ถ้าเกิดเจอพวกลูกระนาด หรือขรุขระเยอะๆ อันนี้ก็อาจจะต้องยกตูดขึ้นมาหน่อยนะครับ ไม่งั้นกระแทกพอสมควรอยู่

พื้นถนนในกรุงเทพที่เต็มไปด้วยท่อและผิวถนนที่ขรุขระ

ดิสก์เบรกหน้าหลัง มันตั้งให้เบรกแบบหยุดกึกได้มากขึ้นได้ แต่การปรับตั้งที่ผมได้มาตอนรีวิว จะเป็นการเน้นความนุ่มนวลในการเบรก มันจะไม่หยุดกึกทันทีครับ เท่าที่ผมลองคือ ถ้าวิ่งมาเร็วสุด 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะเบรกจะอยู่ที่ราวๆ 5-6 เมตรเลยทีเดียวนะครับ แต่สามารถลดระยะเบรกลงได้ด้วยการเบรกล้อหน้าและล้อหลังพร้อมกันครับ

ด้วยความที่ Segway-Ninebot eMOPED B65 มีความเร็วที่สูงกว่ารุ่น A35 มาก เลยไม่แปลกใจที่แรงบิดของมอเตอร์ก็จะสูงกว่าด้วยเช่นกัน ทำให้การขี่ขึ้นสะพานสูงๆ เนี่ย คือสบายมากๆ ครับ สะพานสูงๆ ที่ถ้ารุ่น A35 เนี่ย เราจะต้องขี่ทำความเร็วมาระดับนึงก่อนถึงจะขึ้นไปได้ ถ้าเป็นรุ่น A65 นี่คือขี่ขึ้นได้สบายๆ ครับ และต่อให้ไม่ต้องทำความเร็วมาระดับนึง แต่บิดขึ้นสะพานจาก 0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปเลย ก็ยังทำได้สบายๆ ครับ แต่ต้องรู้เอาไว้ด้วยนะว่าอะไรแบบนี้มันจะกินแบตเตอรี่เยอะอยู่

การขี่ในระยะทางไกลๆ นั่งนานๆ ก็ยังทำได้สบายๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกเมื่อยก้นใดๆ เรียกว่าขี่กินลมได้ชิลล์ๆ เลย ที่ผมลองก็อย่างที่บอก ขี่ไป-กลับ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ใช้เวลาไปชั่วโมงครึ่ง จากแบตเตอรี่ 93% ลงมาเหลือ 15% ครับ ถ้าเทียบบัญญัติไตรยางค์แล้ว ก็น่าจะขี่ไปได้ไกลสุด 57 กิโลเมตร โดยความเร็วเฉลี่ย 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในสถานการณ์ที่ผมขี่จริงคือ ช่วงถนนโล่งๆ แถวบางขุนเทียนชายทะเลผมบิดเต็ม 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ และมันมีทั้งสะพานสูงหลายครั้งทีเดียว แต่ถ้าให้ผมบอกระยะแบบเซฟๆ ผมว่า ซัก 50-52 กิโลเมตร จะดีกว่าครับ

ผมชอบแบตเตอรี่และระบบ Battery Management System ของ Segway-Ninebot eMOPED B65 มากครับ มันทำให้แรงดันไฟที่จ่ายให้มอเตอร์ค่อนข้างคงที่นะ สังเกตได้จากการที่ความเร็วสูงสุดของตัวรถยังสามารถรักษาเอาไว้ได้ค่อนข้างคงที่ คือ แม้แบตเตอรี่จะเหลือต่ำกว่า 50% แล้ว มันก็ยังวิ่งได้ 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และตอนที่แบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 30% มันก็ยังวิ่งได้ 34-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่

Segway-Ninebot eMOPED B65 จอดอยู่ริมถนนชนบทเส้นหนึ่ง

นี่ถ้าใครมีบ้านอยู่ต่างจังหวัด มีวิวสวยๆ หรืออยู่ใกล้ถนนติดทะเล ที่การจราจรไม่คับคั่งมาก จะขี่ชิลล์ได้สบายๆ มากครับ ผมคิดว่าพวกรีสอร์ตหรือโรงแรมถ้าจะคิดจัดหาเอาไว้ให้ลูกค้าได้เช่าไปขี่ก็เป็นไอเดียที่ดีเช่นกันนะ ส่วนใครที่ซื้อใช้ที่บ้านเพื่อขี่ไปตลาด หรือไป 7-11 หรือหาข้าวกินระยะไกลๆ หน่อย นี่ก็สบายอยู่ครับ ระยะวิ่งสูงสุดระดับ 50 กิโลเมตร (จากที่ผมประเมิน ไม่ใช่จากสเปก) ถ้าเราไม่ได้วิ่งไกลมากละก็ หลายๆ วันค่อยชาร์จแบตเตอรี่ทีนึงก็ยังไหว

สำหรับคนที่กังวลเรื่องการขี่ขณะฝนตก Segway-Ninebot eMOPED B65 นี่ตัวรถกันน้ำระดับ IPX5 (ป้องกันน้ำจำพวกฉีดพ่นรุนแรงได้ พูดง่ายๆ ขี่ตากฝนไหวอยู่) ส่วนแบตเตอรี่กันน้ำระดับ IPX7 (ป้องกันน้ำระดับที่แช่น้ำลึก 1 เมตรได้ 30 นาที) ฉะนั้นถ้าแค่ฝนตกปรอยๆ ขี่ลุยได้สบายๆ ครับ น้ำขังนิดหน่อยก็ฝ่าไปได้ (แต่ถ้าฝนตกหนักๆ ไม่ควรขี่เพราะอันตรายจากวิสัยทัศน์ และหากน้ำท่วมเยอะๆ ก็ไม่ควรขี่เช่นกัน เพราะจะมองไม่เห็นหลุมบนถนนนะ)

ตอนผมลองขี่ไปที่ จ.สมุทรสาคร ก็มีโอกาสเจอช่วงถนนที่น้ำขังเล็กน้อย และได้ลองขี่ลุยน้ำดู ก็แหวกน้ำลุยสบายๆ ครับ แต่ปัญหามันอยู่ที่น้ำที่กระเด็นมัน พอรถมันวิ่งไวๆ หน่อย น้ำมันก็ตีไซด์โค้งเข้ามาโดนตัวรถได้อยู่ดีครับ และขาเราก็อยู่แค่นั้นแหละ ก็เปียกไปนิดหน่อย ฉะนั้นใครจะขี่ลุยน้ำ แล้วใส่กางเกงขายาว ก็ระวังๆ หน่อยเน้อ

บทสรุปการรีวิว Segway-Ninebot eMOPED B65

ก็เรียกว่าสมราคาค่าตัว 52,900 บาทครับ คือ มันมีความสามารถระดับน้องๆ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เว้นแต่ว่าความเร็วสูงสุดจะได้แค่ 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ตามที่ผมรีวิวได้จริง) เลยทำให้มันจดทะเบียนไม่ได้ และไม่ค่อยอยากแนะนำให้เอามาขี่ออกถนนใหญ่นะครับ เพราะเดี๋ยวพี่ตำรวจจราจรจะเพ่งเล็ง แต่ที่มันให้มามากกว่าพวกมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากจีนส่วนใหญ่คือฟีเจอร์ด้านการใช้งานและความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับแอปได้ ระบบ Batter Management System ที่ดีกว่า ทำให้เราต้องพิจารณาแหละ ว่าสเปกระดับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จดทะเบียนได้ มีประโยชน์ในการใช้สอยกว้างกว่า สำคัญกว่า หรือ ฟีเจอร์ด้านการใช้งานและความปลอดภัยสูงๆ มันสำคัญกว่า เมื่อต้องจ่ายเงินเท่าๆ กัน แต่ถ้าเราไม่ได้ออกถนนใหญ่ ใช้งานแค่ในช่วงถนนชนบทละก็ มันก็ใช้งานได้เทียบเท่าพวกมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแหละ เพราะในถนนชนบทที่สะพานเยอะๆ โค้งเยอะๆ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ มันขี่กันเต็มที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอะ ยกเว้นรถจะโล่งจริงๆ และไม่มีลูกระนาด อาจจะเจอพวกขับ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบ้าง ความเร็วของ eMOPED B65 นี่ก็จะไม่ได้ช้ากว่าเขามากเท่าไหร่

MONOWHEEL ให้การรับประกัน 2 ปีสำหรับมอเตอร์ และ 3 ปีสำหรับแบตเตอรี่ (หรือระยะทาง 60,000 กิโลเมตร) ครับ ถ้าสนใจก็แวะไปดูได้ที่เว็บไซต์ Ninebot eMoped B65 (monowheel.bike)

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ผมใช้แค่ดูว่ามีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ผมกี่คน กี่ครั้ง และดูหน้าเว็บไหนบ้าง ถ้าคุณปิดการใช้งาน ผมก็จะไม่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านบล็อกของผมกี่คน กี่ครั้ง
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า