ปัจจุบัน Samsung Galaxy Z Fold 2 คือสมาร์ทโฟนเครื่องหลักของผมครับ ตัดสินใจซื้อเพราะโดยส่วนตัว ผมใช้สมาร์ทโฟนจอพับมาตั้งแต่ ZTE Axon M แล้ว แต่ตอนนั้นมันยังเป็นแค่สองจอที่ประกบติดกัน แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงประโยชน์ที่จะได้รับ หากสามารถขยายหน้าจอสมาร์ทโฟนให้ใหญ่ขึ้นมาได้ มันเหมือนมีสมาร์ทโฟนและน้องๆ แท็บเล็ตในเครื่องเดียว สะดวกมากๆ และนี่คือการถอดบทเรียนหลังจากใช้ Samsung Galaxy Z Fold 2 มาได้ 1 ปีเศษๆ ครับ
จอด้านนอกขนาดเล็ก มีความจำเป็นในการใช้งานทั่วไป
ถึงจะเป็นสมาร์ทโฟนแบบที่สามารถกางหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นมาเป็นน้องๆ แท็บเล็ตได้ก็เหอะ แต่มันก็ต้องใช้งานสองมือ และในหลายๆ สถานการณ์ มันก็ไม่เอื้อให้ใช้ในรูปแบบนี้ จริงๆ ต้องบอกว่า ราวๆ 60% ของการใช้งานของผม เป็นการใช้งานด้วยจอด้านนอกครับ คือ หยิบจากกระเป๋ากางเกงออกมา ก็สแกนลายนิ้วมือ ปลดล็อก เปิดใช้งานกันเลย
ตรงนี้เลยเป็นอะไรที่ Samsung Galaxy Z Fold 2 ทำได้ดีกว่า Z Fold รุ่นแรก เพราะหน้าจอแสดงผล มีขนาดที่เต็มพื้นที่ตัวเครื่องมากกว่า แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ มันเป็นแบบผอมยาวอะ อัตราส่วนการแสดงผล 25:9 เวอร์วัง ทำให้ตัวอักษรต่างๆ นอกจากจะเล็กแล้ว บางแอป บางเกม มันก็มีปัญหาเรื่องการแสดงผลด้วย เพราะเราจะไม่ค่อยเจอสมาร์ทโฟนตัวไหน ที่อัตราส่วนการแสดงผลด้านสูง มันสูงปรี๊ด แต่ด้านกว้างกลับแคบซะขนาดนี้

นั่นทำให้ตอนที่ OPPO เปิดตัว Find N นี่ผมลุ้นมาก ว่ามันจะเอามาจำหน่ายในประเทศไทยไหม เพราะว่ามันออกแบบมาให้หน้าจอด้านนอก มีอัตราส่วนการแสดงผลที่พบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบันมากกว่า คือ 18:9 แม้ขนาดหน้าจอจะเล็กแค่ 5.49 นิ้ว ตามแนวทแยงมุม แต่ว่าก็มีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานมากกว่า Samsung Galaxy Z Fold 2 (และ Z Fold 3) เยอะ แต่น่าเสียดายที่ OPPO เขายังไม่มีแผนขาย Find N ในระดับ Global
เอาจริงๆ หน้าจอด้านในก็ได้ใช้งานมากกว่าที่คิดเยอะ แต่ว่า…
บ่อยครั้งที่ผมซื้อสมาร์ทโฟนมาด้วยความคาดหวังว่าจะได้ใช้ฟีเจอร์เด่นของมันบ่อยๆ แต่เอาจริงๆ กลับไม่ค่อยได้ใช้ซะงั้น สำหรับผม สมาร์ทโฟนก็มีไว้โทรศัพท์ คุยแชท ทำวิดีโอคอล ท่องเว็บ เล่นโซเชียลมีเดีย เช็กอีเมล อะไรประมาณนี้ แต่นั่นเลยทำให้ผมได้ใช้งานหน้าจอด้านในที่เมื่อกางออกมาแล้วมีขนาด 7.6 นิ้ว มากกว่าที่คิดเยอะเลย คือ ราวๆ 40% ของการใช้งานของผม ผมจะกางหน้าจอมาใช้งาน

และการกางหน้าจอออกใช้งานแล้ว เราก็จะได้การแสดงผลที่ใหญ่โตขึ้น หากเราใช้งานในแบบ Portrait และหากเราใช้งานในแบบ Landscape เราก็จะสามารถได้พื้นที่การแสดงผลคล้ายๆ กับแท็บเล็ต เราจะได้ประโยชน์จากพื้นที่การแสดงนี้ เช่น เวลาเปิด Gmail มันก็จะแสดงผลรายการอีเมลที่อยู่ใน Inbox ของเราในด้านซ้าย และรายละเอียดเนื้อหาอีเมลในด้านขวาได้

หรือจะแบ่งเปิดหลายๆ แอปพร้อมๆ กัน ก็ทำได้เช่นกัน แต่ด้วยขนาดหน้าจอแค่ 7.6 นิ้วอะ การเปิดแอปหลายๆ ตัวพร้อมกัน มันก็เป็นแค่ฟีเจอร์เอาไว้อวดเฉยๆ แหละนะ ใช้งานจริงไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรหรอกครับเอาจริงๆ
แต่ปัญหาก็คือ ตัวแอปต่างๆ ที่มีให้ใช้สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์อะ หลายแอปมันมักง่าย ไม่ใช่แค่แอปโนเนม หรือแอปที่เจาะกลุ่ม Niche ที่เลือกที่จะละเลยการรองรับฟีเจอร์บางอย่าง เช่น การแสดงผลในแบบ Landscape การย่อขยายหน้าจอแอป หรือการรองรับการทำงานในโหมด Multi-window อะไรพวกนี้ ส่งผลให้หน้าจอที่กางออกมาได้แบบนี้ รวมถึงอุปกรณ์จำพวกแท็บเล็ตเอง ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็เช่น แอปช้อปปิ้งอย่าง Lazada และ Shopee หรือ แอปธนาคารทั้งหลาย ที่ไม่รองรับการแสดงผลในโหมด Landscape
แล้วยังมีประเด็นเรื่องฟีเจอร์ Continue app on cover screen อีก ที่เวลาเปิดแอปบนหน้าจอเล็ก แล้วจะมาใช้ต่อตอนกางหน้าจอใหญ่ แล้วพอใช้เสร็จ อยากจะปิดหน้าจอใหญ่ กลับไปใช้บนหน้าจอเล็ก ไม่ใช่ทุกแอปที่จะรองรับการใช้งานต่อระหว่างหน้าจอใหญ่ไปหน้าจอเล็ก
แต่สองประเด็นนี้ ยังพอจะมีทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ครับ การที่แอปไม่รองรับการแสดงผลในโหมด Landscape สามารถดาวน์โหลดแอปชื่อ Rotation control มาติดตั้ง แล้วเลือกให้บังคับแอปแสดงผลในแบบ Landscape ได้ ส่วนเรื่องฟีเจอร์ Continue app on cover screen ผมมีเขียนบล็อก การตั้งค่าเพื่อให้ Samsung Galaxy Z Fold 2 แสดงผลแอปบนจอใหญ่ได้แบบเต็มจอ และสามารถทำ Continue app on cover screen ได้ทุกแอปด้วย (kafaak.blog) เอาไว้แล้ว
หน้าจอพับอะ รอยพับน่ารำคาญไหม? ทนทานแค่ไหน?
ต้องทำใจหน่อยนะว่ารอยพับหน้าจอของ Samsung Galaxy Z Fold 2 นี่แบบ ใหญ่ ลึก เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะถ้าเกิดทำมุมให้แสงตกกระทบ สร้างเงาตรงบริเวณร่องให้ดีๆ เอานิ้วลากผ่านนี่คือแบบ รู้สึกได้ทุกผิวสัมผัส แต่ถ้าถามว่า น่ารำคาญไหมเวลาใช้งาน ก็ต้องบอกว่าพอยกขึ้นมาอ่านเนื้อหาจริงๆ แล้วยิ่งถ้าเนื้อหามันอยู่บนพื้นสีขาวหรือสีดำ เราแทบไม่ทันได้สังเกต (ไม่ใช่มองไม่เห็นนะ แค่ไม่ทันได้สังเกต) จะรู้สึกตัวอีกทีคือตอนเอานิ้วลากผ่านมันนั่นแหละ

ทีนี้ถามว่าทนทานไหม? ผมก็สังเกตว่าในกลุ่มบน Facebook ชุมชนผู้ใช้ตระกูล Z Fold | Z Flip เนี่ย มีหลายคนที่ออกมาบ่นว่าจะแตกตรงบริเวณรอยพับ ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำตก แบบอยู่ๆ ก็แตก ทั้งสองตระกูลนั่นแหละ แต่คนที่ใช้งานคนอื่นๆ อีกตั้งเยอะแยะ เขาก็ไม่เคยมีปัญหานะ (ผมก็คนนึง) ผมว่าสำหรับคนใช้งานแบบระมัดระวังประมาณนึง คือ ไม่เผลอทำตกหล่นบ่อยๆ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ


หน้าจอด้านใน เขามีการติดฟิล์มเอาไว้ เนื้อฟิล์มเป็นแบบนิ่มครับ และด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนแบบจอพับ บริเวณจุดพับพอใช้ไปนานๆ ก็ฟิล์มก็อาจจะเริ่มเผยอออกมา มีฟองอากาศเข้าไปอยู่ในนั้น หรือโชคร้ายกว่า เช่นผม ขอบด้านข้างดันเผลอออกมานิดนึง ฟองอากาศก็เข้าไปได้จ้า และเนื่องจากเนื้อฟิล์มเป็นแบบนิ่ม ดันพลาดท่า เผลอเอาเล็บที่แสนจะสั้นกุดของผม จิกไปบนหน้าจอซะงั้น ผลคือ เป็นรอยจิกเลยจ้า … แต่ 1 ปีที่ผ่านมา หน้าจอก็ยังแสดงผลได้ดี ไม่มีปัญหาใดๆ
ใช้มา 1 ปีแล้วหน่วงไหม การอัปเดตซอฟต์แวร์ล่ะ?
ได้ยินมาว่าระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มีชื่อเสียงเรื่องใช้ไปนานๆ แล้ว จะเริ่มหน่วงเริ่มช้า ผมก็เริ่มเจออาการนี้บน Samsung Galaxy Z Fold 2 บ้าง แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นที่ตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ หรือตัวซอฟต์แวร์ของ Samsung เอง คือ ผมจะเจออาการกับบางแอป ที่บางทีดันทำ Gesture ลากจากด้านล่างขึ้นด้านบน เพื่อจะเข้าหน้าจอ Recent apps หรือ ดีดแอปทิ้งเพื่อปิดแอป ไม่ค่อยได้ และบางทีในโหมดกล้องถ่ายรูป ก็กดชัตเตอร์ไม่ติดซะงั้น และบางทีกดไปแล้ว 3 วินาที ชัตเตอร์ถึงจะลั่น (อ้าว?) แต่ไม่ได้เป็นบ่อย นานๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆ ถึงจะเจอซักที เลยต้องสรุปว่า ไม่หน่วงละกัน แต่อาจจะมีกุกกักให้น่ารำคาญบ้าง … แต่สิ่งนึงที่ผมทำคือ ตั้งเวลาให้มันรีสตาร์ตตัวเองสัปดาห์ละหน กับ Auto optimize daily (ไปตั้งได้ใน Settings > Battery and device care แล้วแตะไอคอน จุดสามจุด ตรงมุมบนด้านขวา แล้วเลือก Automation จากนั้นก็เปิด Auto optimize daily กับ Auto restart at set times)
ส่วนเรื่องการอัปเดตซอฟต์แวร์ มันก็มาทุกเดือนนะ แค่จะมาวันไหนก็ไม่รู้ แต่มันมาทุกเดือนแหละ มันจะมีแก้บั๊ก แล้วก็อัปเดต Security patch ด้วย แต่ของเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา Samsung เหมือนจะขี้เกียจ ไม่ออกอัปเดตเฉย คิดว่าเขาคงกะอัปเดตรวดเดียวเป็น Android 12 One UI 4 กันภายในเดือนมกราคมนี้แหละ ตามที่ข่าวเขาว่านะ (แต่ตอนนี้ใครใช้ Galaxy Z Fold 3 จะได้อัปเดตเป็น Android 12 กันไปก่อนแล้วล่ะ)