รีวิว HUAWEI Nova 9 สมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลางของ HUAWEI

HUAWEI Nova 9 นี่จริงๆ ควรจะได้ปล่อยรีวิวไปตั้งกะสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายนครับ แต่ว่าด้วยปัญหาด้านซอฟต์แวร์ของเครื่องเดโม ทำให้ผมต้องรออัปเดตซอฟต์แวร์ และหาจังหวะได้ไปเที่ยวนอกบ้าน ไปถ่ายภาพมาเขียนรีวิว ก็เลยเจอโรคเลื่อน มาปล่อยรีวิวเอาป่านนี้ครับ และก่อนรีวิวก็บอกกับทางทีม PR ของ HUAWEI แล้วว่า แน่ใจนะว่าอยากให้ผมรีวิวตรงไปตรงมา ซึ่งเขาก็ตอบว่า จัดไป … งั้นก็เอาเลยครับ

ในกล่อง HUAWEI Nova 9 เราก็จะได้ตัวสมาร์ทโฟน อะแดปเตอร์ (ซึ่งในกล่องเครื่องเดโมไม่มีมาให้) สาย USB-C เคสใส อุปกรณ์ถอดซิม และคู่มือการใช้งานกับใบรับประกันครับ ตัวเครื่องมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียงร้อยแล้ว แม้จะไม่เต็มหน้าจอ แต่ก็โค้งไปตามขอบจอด้านข้าง ช่วยเรื่องกันรอยได้ระดับนึงแหละ

ตัวสมาร์ทโฟน เป็นจอ OLED ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2,340×1,080 พิกเซล อัตราส่วนการแสดงผล 19.5:9 มีอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz มาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอด้วย

ด้านหลังก็เป็นกล้องดิจิทัล 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้อง Ultra Vision ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.9 กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 กล้องมาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4 และมี Depth sensor 2 ล้านพิกเซล f/2.4 อีกตัว พร้อม LED flash ตัวกล้องหลักเนี่ยใหญ่เวอร์วังมาก

รอบๆ ตัวเครื่องก็มีรูไมโครโฟนด้านบน ปุ่ม Power และ Volume อยู่ทางขวา ส่วนด้านล่างมีทั้งถาดใส่นาโนซิม รองรับ 2 ซิม รองรับ 4G LTE และมีลำโพงของตัวเครื่อง

HUAWEI Nova 9 มาพร้อมกับสองสีให้เลือก คือ สีฟ้า Starry blue และสีดำ Black (เออ เขาเรียกสั้นๆ ว่า Black จริงๆ คุณอ่านไม่ผิดหรอก) ตัวที่ผมได้มารีวิว ก็น่าจะเห็นจากรูปแล้วว่าคือสีฟ้า Starry blue ซึ่งมีผิวสัมผัสดูดีมาก แอบลื่นๆ แต่ผมชอบอะ และไอ้สีฟ้า Starry blue นี่มันคือดูเป็นเกล็ดประกาย และสะท้อนแสงในมุมต่างๆ แล้วสวยดี

สเปกของ HUAWEI Nova 9 ที่เขาให้มาเป็นยังไงบ้าง

HUAWEI Nova 9 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลเป็น Qualcomm Snapdragon 778 4G ครับ ซึ่งบอกตรงๆ ว่าแอบผิดหวังพอสมควร ที่เลือกใช้รองรับแค่ 4G ทั้งๆ ที่คู่แข่งจำนวนไม่น้อย มีสมาร์ทโฟน 5G ในราคาที่เริ่มต้นถูกกว่านี้อีก ด้านหน่วยความจำก็ให้มา 8GB และความจุ 256GB ที่ถือว่าโอเค พอกินพอใช้สำหรับโลกยุคปัจจุบัน

ยุคนี้แล้ว หน้าจอแสดงผลของสมาร์ทโฟนราคาประมาณนี้ ถ้าจะให้แจ่มก็ต้องเป็น OLED หรือ AMOLED รองรับอัตรารีเฟรชภาพ 120Hz แล้ว ซึ่ง HUAWEI ก็ไม่ได้พลาดในจุดนี้แต่อย่างใด และพยายามชูจุดขายว่าสามารถทัชได้แม่นยำ และตอบสนองต่อการทัชได้รวดเร็ว เพราะมีค่าการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอสูง 300Hz ในส่วนของการปรับตั้งหน้าจอ เราสามารถปรับตั้งให้อัตรารีเฟรชลงไปอยู่ที่ 60Hz เพื่อประหยัดพลังงาน หรือให้เป็น 120Hz จะได้ลื่นๆ เนียนๆ หรือจะให้ซอฟต์แวร์มันปรับอัตราการรีเฟรชตามการใช้งานก็ได้

ตัว Storage 256GB ที่ให้มา ถือว่า HUAWEI เลือกแบบความเร็วสูงมาให้ใช้ ผมลองทดสอบความเร็วแล้ว ได้ความเร็วในการอ่านที่ 970MB/s และความเร็วในการเขียนที่ 404MB/s ถือว่าเร็วดีไม่น้อยเลย มันจะมีประโยชน์ตอนโหลดแอป โหลดเกมขึ้นมา และตอนติดตั้งแอป ติดตั้งเกมหรืออัปเดตโน่นนี่นั่น ก็จะทำได้เร็ว

ประสบการณ์ในการใช้งาน HUAWEI Nova 9

ผ่านมาหลายปี HUAWEI เริ่มเอาตัวรอดโดยไม่มี Google Mobile Services ได้แล้ว พวกแอปที่คนไทยใช้กันเยอะๆ ถ้ามันไม่ต้องไปผูกกับพวก Google Account นี่ แทบจะมีให้ดาวน์โหลดบน HUAWEI AppGallery หมดแล้ว อันไหนที่ไม่มีให้ดาวน์โหลดจาก AppGallery โดยตรง ก็จะมีการไปค้นหาไฟล์ APK จากแหล่งที่น่าเชื่อถืออย่าง APKPure มาให้ พวก Twitter หรือ Facebook ก็ดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ ส่วนพวกแอปยอดนิยมของคนไทยอย่าง LINE, เป๋าตังค์ แอปธนาคารต่างๆ แอปช้อปปิ้งออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee รวมถึงพวกแอปอย่าง 7-Eleven หรือ True Money Wallet นี่ก็มีให้ดาวน์โหลดไปใช้

ส่วนบริการนำทางอย่าง Google Maps ที่หมดสิทธิหาทางใช้ HUAWEI เขาก็มี Petal Maps ซึ่งแม้ว่าตอนนี้ Point of Interest จะยังมีไม่มากเท่ากับ Google Maps แต่ถ้าพวกจุดใหญ่ๆ ร้านดังๆ คนรู้จักกันเยอะๆ นี่ ผมลองสุ่มๆ ค้นดู ก็มีครบถ้วนอยู่นะ ขนาดพวกคาเฟ่เล็กๆ ชิคๆ แถวๆ สมุทรสาคร นครปฐม ก็ค้นหาเจอ ถือว่าชดเชยกันพอไหวแหละ และตัว Petal Maps มันก็มีให้ดาวน์โหลดบน Google Play แล้ว แต่ยังไม่มีเวอร์ชันบน iOS นะ

ดังนั้น ในการใช้งานของผม ที่เล่นทั้ง Twitter, Facebook, LINE และถนัดพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ด Gboard ของ Google (แต่ไม่ได้ใช้ฟีเจอร์ที่ต้องเชื่อมต่อกับ Google Account) โดยรวม ผมก็ไม่เจอติดขัดอะไรมาก สเปกฮาร์ดแวร์ของ HUAWEI Nova 9 ก็เรียกว่าให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ไหลลื่นดี และที่ผมชอบอีกอย่างคือ มันมีโหมด Eye comfort ที่ลดการแสดงผลสีฟ้าลง ให้สบายตาขึ้นเวลาต้องมองจอนานๆ และหากต้องอ่านตัวอักษรเยอะๆ ก็เปิด eBook mode เลย หน้าจอกลายเป็น Grayscale สบายตาขั้นสุด

แต่หากใช้ไปนานๆ จะหงุดหงิดหน่อย ตรงพวกแอปที่เราดาวน์โหลดเป็น APK นี่แหละ คือพวกแอปที่ดาวน์โหลดผ่าน HUAWEI AppGallery นี่มันอัปเดตคล้ายๆ กับ Google Play Store เลย กด Update all จบ แต่พวกแอปที่ดาวน์โหลดเป็น APK มาเนี่ยวุ่นวายหน่อย เพราะต้องอัปเดตแบบ Manual ครับ ยิ่งดาวน์โหลดพวกนี้มาเยอะ ก็ต้องไปไล่อัปเดตกันรัวๆ

ในฐานะส่วนหนึ่งของ HUAWEI Ecosystem แล้ว หากเราใช้แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และหูฟังของ HUAWEI ด้วยแล้ว ก็จะได้ประสบการณ์ในการใช้งานแต่ราบรื่นเลยแหละ เราจะสามารถถ่ายโอนไฟล์ระหว่าง HUAWEI Nova 9 กับคอมพิวเตอร์ HUAWEI ได้ เชื่อมต่อกับหูฟังรวดเร็วและง่ายดาย ถือเป็นจุดแข็งนึงของ HUAWEI

เรื่องแบตเตอรี่ ให้มา 4,300mAh ถือว่าเยอะพอสมควร รองรับการชาร์จเร็วแบบ 66 วัตต์ แรงระดับชาร์จโน้ตบุ๊กเลย จากแบตเตอรี่ 0% ชาร์จแค่ 18 นาทีก็ได้แบตเตอรี่ 60% แล้ว และหากชาร์จไป 38 นาทีก็เต็ม 100% สบายๆ

จุดขายของ HUAWEI Nova 9 คือการถ่ายรูป แต่…

สเปกกล้องของ HUAWEI Nova 9 บอกเลยว่าไม่ได้แย่นะครับ กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซลเนี่ย แต่ผมรู้สึกว่ากล้อง Ultrawide 8 ล้านพิกเซล แอบน้อยไปหน่อย น่าจะได้ซัก 12 ล้านพิกเซล กำลังดี ส่วนกล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซลก็เช่นกัน ถ้าได้ซัก 5 ล้านพิกเซลจะดีมากครับ

User Interface ของกล้อง HUAWEI Nova 9 ก็ใช้งานไม่ยาก และมีลูกเล่นค่อนข้างครบครัน ตามยุคตามสมัยที่สมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้ เน้นเรื่องความสามารถของกล้องดิจิทัล มี AI มาช่วยในการตรวจจับภาพว่าเป็นภาพประมาณไหน และทำการปรับแต่งภาพให้เหมาะสม ผมลองเอาไปถ่ายรูปหลายๆ แบบดู ก็พบว่า

• ตัว AI สามารถตรวจจับซีนของภาพได้ดีพอสมควร
• หลังจากได้อัปเดตแก้ปัญหาเรื่องการถ่ายภาพที่ผมเจอไปได้เยอะเลย ภาพถ่ายออกมาคุณภาพดีขึ้นมาก
• แต่ผมยังพบว่าซอฟต์แวร์ก็ยังพยายามปรับแต่งสีและ Contrast ของรูปเยอะไปหน่อย ส่งผลให้บ่อยครั้งเลยที่ภาพที่ถ่ายมาได้ จะแตกต่างจากสิ่งที่เราเห็นในเฟรมครับ ตรงนี้ผมไม่ชอบเท่าไหร่

ความพยายามของซอฟต์แวร์ในการปรับภาพ ก็ส่งผลกระทบตอนถ่ายรูปในสภาพแสงน้อยด้วย คือ สำหรับคนที่อยากได้ภาพสว่างๆ อันนี้ผมบอกเลยว่า HUAWEI Nova 9 นี่ถ่ายภาพออกมาแล้ว ภาพสว่างขึ้นเยอะเลยครับ แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยรายละเอียดของภาพที่ลดลงไปบ้าง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ผมว่ารับได้ แต่เวลาเจอภาพที่มีแสงเงาเยอะๆ หน่อย ซอฟต์แวร์มันดันพยายามจะปรับภาพให้มี Contrast สูงๆ ซะงั้น ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่ชอบอีกเช่นเคย

อาจจะเป็นที่ซอฟต์แวร์บนเครื่องเดโมที่ยังไม่สมบูรณ์ก็ได้ละมั้ง แต่ผมสังเกตว่าความสามารถด้านการถ่ายภาพแบบ HDR ของ HUAWEI Nova 9 ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ดูจากรูปทางซ้ายที่ผมถ่ายภาพโดยแตะโฟกัสไปที่ตรงรถไฟ ส่งผลภาพดูสว่างมาก และท้องฟ้าก็ Overexposed ไปเลย ซึ่งหากไปเทียบกับสมาร์ทโฟนคู่แข่งยี่ห้อนึง ผมทำแบบเดียวกัน แต่ซอฟต์แวร์มันจะตรวจจับได้เลยว่า ภาพนี้ต้องถ่ายเป็น HDR และทำให้ท้องฟ้ามันไม่ Overexposed ได้โดยที่รายละเอียดของชานชาลาไม่หายไป แต่ของ HUAWEI Nova 9 ผมต้องจงใจแตะเฟรมภาพจนได้จุดที่เราได้ภาพแบบทางขวามือ ทีงี้ซอฟต์แวร์ดันไม่ขยันปรับให้ 😥😥

โหมดมาโคร แอบเสียดายที่ความละเอียดของเซ็นเซอร์น้อยไปหน่อย แค่ 2 ล้านพิกเซล แต่มันก็สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้ 4 เซ็นติเมตรได้สบายๆ เปิดมุมมองใหม่ๆ ของการถ่ายรูปได้ค่อนข้างดีทีเดียว

กล้องเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซล ได้ภาพออกมาเบลอกว่าที่คิดครับ อันนี้ผมเดาว่าเป็นปัญหาด้านซอฟต์แวร์ของเครื่องเดโมอีกเช่นเคย ตอนถ่ายเซลฟี่สองคนยิ่งหนักกว่าครับ กลายเป็นว่าคนถ่ายภาพไม่เบลอแล้ว แต่คนที่อยู่ด้วยนี่หลุดโฟกัสไปเลย และโหมดบิวตี้อะ บางทีก็พยายามปรับหน้าเราซะภาพเบี้ยวเลย ดูรูปขวาสุดครับ

โดยรวม ผมคิดว่าตัวฮาร์ดแวร์กล้องของ HUAWEI Nova 9 ถือว่าดีแหละ ตัวปัญหาคือซอฟต์แวร์ที่น่าจะเป็นกับตัวเครื่องเดโมที่ผมได้มารีวิว ซึ่งสังเหตุได้จากการที่คุณภาพของภาพมันดีขึ้นหลังจากอัปเดตเฟิร์มแวร์ แต่มันก็ยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่ปรับปรุงได้อีกเยอะเลยนะ

บทสรุปการรีวิว HUAWEI Nova 9

ถ้าพิจารณาแค่ในส่วนของประสิทธิภาพและความสามารถ HUAWEI Nova 9 ก็นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่สเปกดี ให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีอยู่ครับ ทว่าด้วยสนนราคาค่าตัว 16,990 บาท แล้วทำให้ HUAWEI Nova 9 แอบเสียเปรียบคู่แข่งอยู่หน่อยครับ เพราะที่สเปกพอๆ กันนี้ คู่แข่งค่ายนึงที่อาจจะด้อยกว่าตรงที่ให้ความจุมาแค่ 128GB และชาร์จเร็วได้แค่ 25 วัตต์ แต่ก็รองรับ 5G และสนนราคาแค่ 14,000 มีทอน ส่วนอีกค่ายนึง ซึ่งสเปกพอๆ กันและความจุ 256GB เหมือนกัน แต่ก็รองรับ 5G อีกเช่นกัน ราคาก็ 15,990 บาท แถมยังรองรับการชาร์จเร็วระดับ 65 วัตต์ด้วย

เจอคู่แข่งมาแบบนี้ HUAWEI Nova 9 เลยมีข้อด้อยกว่าคู่แข่งสองเรื่องเลย คือไม่รองรับ 5G และไม่มี Google Mobile Services ด้วย พอราคามาแพงกว่าคู่แข่งนิดหน่อยด้วยแล้ว ยิ่งอาจทำให้ลูกค้าฉุกคิดนะครับ