เอาจริงๆ หูฟังไร้สายนี่เต็มบ้านแล้วครับ จึงค่อนข้างหาเหตุผลยากที่จะซื้อหูฟังตัวใหม่มาใช้ โดยไม่กำจัดตัวเก่าออกไปก่อน แต่เผอิญว่าผมอยากได้หูฟังแบบ True wireless ไว้ใช้ตอนประชุมออนไลน์ผ่านโน้ตบุ๊ก ที่ปัจจุบันผมใช้หูฟังแบบ Over-ear เป็น Plantronics Voyager Focus UC อยู่ คือ อยากมีสองแนวไว้ให้เลือกสลับใช้อะ แล้วเผอิญไปเจอเจ้านี่ Amorus NR-550 TWS ที่เป็นหูฟังจีนก๊องแก๊ง แต่ดันมีฟีเจอร์เก๋ๆ น่าสนใจ คือ ตัวกล่องเก็บหูฟังอะ มันมีจอขนาด 1.33 นิ้ว ไว้แสดงผลรูปภาพใดๆ ที่เราเลือกไว้ได้ฮะ และตัวกล่องก็รองรับการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน Qi wireless charging ด้วย และโม้โฆษณาฟีเจอร์ไว้เยอะมาก ในราคารวมค่าส่งแล้ว 6-7 ร้อยกว่าบาทนิดๆ (อยู่ที่ว่าซื้อตอนไหน) เลยจัดมาใช้ แล้วรีวิวให้อ่านกัน เผื่อใครจะสนใจ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
หูฟังไร้สาย Amorus NR-550 TWS ตัวนี้ ซื้อมาเอง รีวิวเอง กะว่าจะใช้เอง แล้วก็ถือโอกาสรีวิวให้อ่าน เผื่อใครจะสนใจอยากลองใช้บ้าง หรือใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ก่อนว่าฟีเจอร์อะไรใช้ได้ อะไรโม้ คุณภาพมันดีแค่ไหนเนอะ
แพ็กเกจเรียกว่าไม่เลวครับ ดูดีมีแบรนด์จีน 🤣 ในกล่องประกอบไปด้วยตัวหูฟังและกล่องใส่ สายชาร์จแบบ Micro USB ยาวแค่ 28 เซ็นติเมตร ซึ่งคิดว่าคงจะไม่ได้ใช้ มีคู่มือการใช้งานเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ด้านในกล่อง มันจะมี QR code สำหรับสแกนเพื่อไปดาวน์โหลดแอปอยู่ รองรับทั้ง iOS และ Android และหากใครใช้ยี่ห้อใดก็ตามที่ไม่มี Google Play Store ก็ไปดาวน์โหลด APK มาติดตั้งได้ครับ

ตัวกล่องหูฟังและตัวหูฟัง บอกเลยว่าวัสดุก็สมกับราคาแหละ อย่าไปคิดว่ามันจะเรียบหรูดูดีอะไร มีสองสีให้เลือกคือขาวและดำ ผมเลือกซื้อสีดำมาครับ ซึ่งพอได้ลองมาแล้วก็นึกได้ว่า จริงๆ น่าจะเลือกสีขาวมากกว่า เพราะหูฟังผมมีแต่กล่องสีดำหมดเลย อยากได้สีขาว 555 มันเป็นพลาสติกแบบดำด้านไม่ได้ดูก๊องแก๊งมาก แต่ถ้าไปเทียบกับงานแบรนด์ มันก็ดูก๊องแก๊งกว่าอะแหละ

ตัวกล่องมันจะมีพอร์ตชาร์จเป็น Micro USB อยู่ตรงด้านล่างของกล่อง แล้วก็มีหน้าจอแสดงผลขนาด 1.33 นิ้ว ซึ่งสเปกไม่บอกว่ามีความละเอียดในการแสดงผลเท่าไหร่ แต่พิจารณาจากการแสดงผลข้อมูลต่างๆ แล้ว ก็เรียกว่าน่าจะมีความละเอียดที่สูงดีประมาณนึงแหละ กล่องจะมีแบตเตอรี่อยู่ในตัวใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับหูฟังได้ ตามสเปกแล้วเขาเขียนว่ามีแบตเตอรี่ 300mAh ครับ

ตัวหูฟัง ดีไซน์คงไม่ต้องบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากอะไรนะครับ แค่เปลี่ยนสีเอง ถ้าซื้อสีขาวมาคงเหมือนกว่านี้ 🤣 ลองเอามาใส่ในหูแล้วใช้งานดู เรียกว่าโอเคเลยแหละ ดีไซน์แบบนี้ต้นฉบับเขาพิสูจน์มาแล้วว่าใส่แล้วใช้งานนานๆ โอเค ไม่เจ็บหู และอีกหลายๆ ผู้ผลิตก็ลอกแบบดีไซน์นี้ไปใช้แหละ

ตรงหูฟัง เราจะเห็นจุดวงกลมสีเงินอยู่สองจุด อันนึงอยู่ตรงด้านใน อีกอันอยู่ด้านข้าง มันเป็นเซ็นเซอร์เอาไว้ตรวจจับว่าเราใส่หูฟังอยู่ในหูหรือไม่ เพื่อเอาไว้เล่นและหยุดเพลงหรือวิดีโอที่เรากำลังฟังหรือดูอยู่โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตหรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows เท่าที่ผมลองดู แต่เนื่องจากต้นทุนหูฟังมันคงหมดไปกับจอแสดงผลเยอะแล้ว เขาเลยดูเหมือนจะใส่ใจกับเซ็นเซอร์ค่อนข้างน้อยอะ เซ็นเซอร์แอบไวมาก ถ้าเราสวมหูฟังไว้ไม่หลวมๆ นี่ การเล่นเพลงหรือดูวิดีโออาจสะดุดได้ หากเรามีการขยับตัวขยับปากในลักษณะที่ทำให้ตำแหน่งหูฟังมันขยับ อันนี้ถือเป็นข้อติ แต่ถ้าเราสวมหูฟังไว้ดีๆ แล้ว ก็ไม่เจออาการนี้นะ

ถ้าดูในรูปดีๆ จะเห็นรูเล็กๆ รูนึงตรงก้านหูฟัง (เห็นไหมฮะ) อันเนี้ยนอกจากจะเป็นรูไมโครโฟนแล้ว (ตามที่คู่มืออธิบาย) มันยังเป็นจุดที่คู่มือเรียกว่า Touching zone เอาไว้ใช้แตะเพื่อสั่งงานหูฟังอีกด้วยครับ โดยมันสั่งงานได้หลายแบบ อยู่ที่ว่าอยู่ในโหมดอะไร โทรศัพท์ เล่นเพลง หรือ อยู่เฉยๆ
• ถ้าใช้งานโทรศัพท์ การแตะทีนึง (ฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้) จะเป็นการรับหรือกดวางหูจบการสนทนา การแตะค้างไว้ 1 วินาที (ฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้) จะเป็นการวางหูไม่รับโทรศัพท์
• ถ้าใช้งานฟังเพลงอยู่ การแตะทีนึง (ฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้) จะเป็นการเล่นหรือหยุดเพลง การแตะหูซ้ายสามทีจะเป็นการลดเสียง แตะหูขวาสามทีเป็นการเพิ่มเสียง แต่ถ้าแตะหูซ้ายสองทีจะเป็นการเล่นเพลงก่อนหน้า และแตะหูขวาสองทีจะเป็นการเล่นเพลงถัดไป
• ถ้าอยู่เฉยๆ อยากเรียก Siri ใช้ก็แตะสองที (ฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้) แต่ถ้าเป็น Google Assistant (หรือ Personal assistant อื่นๆ บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เช่น Bixby) ให้แตะค้างไว้ 2 วินาที (ฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้)
ต้องตินิดนึงคือ ในคู่มืออะ มันบอกว่าการเปลี่ยนเพลงคือแตะสามที การปรับเสียงคือแตะสองที แต่ในทางปฏิบัติจริง มันสลับกันครับ และพอลองใช้แล้ว แอบหงุดหงิดมาก เพราะตัวหูฟังมันไม่ค่อยตรวจจับการแตะหลายๆ ทีได้แม่นเท่าไหร่ อยากจะลดเสียงหรือเพิ่มเสียง มันกลายเป็นเปลี่ยนเพลงหรือหยุดเล่นเพลงไปซะงั้น สรุปคือ ถ้าจะสั่งแค่เล่นหรือหยุดเพลง ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าจะเปลี่ยนเพลงหรือปรับระดับเสียง หยิบสมาร์ทโฟนมาสั่งหงุดหงิดน้อยกว่า

ทดลองเอามาใช้งานดูคุณภาพเสียง ถือว่าเทียบกับราคาแล้วก็พอใช้ได้อยู่ครับ แสดงผลเสียงย่านต่ำและย่านกลางได้ดีประมาณนึง แต่เสียงจะออกมาแนวก้องๆ นิดนึง ซึ่งสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักฟังที่เจนจัดมาฟัง อาจจะไม่รู้สึกอะไรหากไม่มีอะไรมาให้เทียบ แต่ผมลองเทียบกับเสียงที่ได้จากหูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 ที่เป็นดีไซน์ Earbuds เหมือนกัน มันจะเห็นความแตกต่างเยอะอยู่ครับ แต่แน่นอน ราคาของหูฟัง Amorus NR-550 นี่กับ HUAWEI FreeBuds 4 มันก็แตกต่างกันอยู่เยอะ(มาก) ก็เลยเป็นอะไรที่พอเข้าใจได้
ลองใช้โทรศัพท์กับประชุมออนไลน์ดู ตามวัตถุประสงค์หลัก พบว่าแบบนี้ครับ
• เสียงดังฟังชัดดี ทั้งเสียงจากคู่สนทนา และเสียงจากเราไปหาคู่สนทนา
• อย่าคิดว่าจะมีระบบตัดเสียงรบกวนใดๆ ในหูฟังราคา 6-7 ร้อยบาทแบบนี้
• แบตเตอรี่อึดอยู่ ประชุมยาว 2 ชั่วโมงกว่า ก็ยังคุยต่อได้ คิดว่าแบตเตอรี่ได้ 3 ชั่วโมงตามที่มันโม้แหละ
• แบตเตอรี่หูซ้ายกับหูขวาลดด้วยอัตราความเร็วไม่เท่ากัน (อะไรวะ งง) แบตเตอรี่หูขวาอยู่ได้ราว 2 ชั่วโมง แบตเตอรี่ก็เหลือ 10% แล้ว ต้องเอาไปชาร์จ แต่หูซ้ายนี่ยังอยู่ได้ยาวๆ เลย
• เลือกหยิบใช้ทีละหูได้ เวลาประชุมก็จะได้สลับกันใช้งานได้ ถ้าสลับหูก่อนที่จะแบตเตอรี่หมด จะสลับหูได้ค่อนข้างไว แต่หากรอจนแบตเตอรี่หมดค่อยสลับหู มันจะวุ่นๆ เวลาพยายามเชื่อมต่อใหม่
• ระบบปฏิบัติการ Windows ป่วนมาก เวลาพยายามเชื่อมต่อหูฟัง และสลับหูฟังที่เป็นบลูทูธ ผมลองมาหลายยี่ห้อแล้ว อาการเดียวกันเป๊ะ แต่เท่าที่ลองใช้ดู แม้จะป่วนๆ แต่ก็พอรับได้
ตัวหูฟังอะ บอกสเปกว่ารองรับ Bluetooth 5.1 และรองรับโปรโตคอล HSP/HFP/A2DP/AVRCP ครับ ผมลองเอามาดูหนัง ฟังคลิป YouTube ดู พบว่าเสียงไม่ค่อยมีอาการหน่วงเท่าไหร่ เรียกว่าตรงปากดีครับ ทำให้เบาใจได้ประมาณนึง คือ ผมเคยเจอลำโพงไร้สายที่แบบ หน่วงหนักมาก ดูๆ ไปซักพักนี่แบบว่า เสียงดีเลย์ ดูหนังไม่มันเลย 🤣 แอบเสียดายตรงที่มันไม่รองรับ aptX นะครับ ผมลองเชื่อมต่อแล้ว มันใช้ SBC ครับ
ลูกเล่นเก๋ๆ ของหูฟัง Amorus NR-550 TWS ตัวนี้ก็หนีไม่พ้นหน้าจอแสดงผลขนาด 1.33 นิ้ว นี่แหละครับ ซึ่งมันเอาไว้แสดงผลได้สองอย่าง คือ ภาพที่เราอัปโหลดเข้าไปผ่านแอป กับแสดงสถานะแบตเตอรี่ของทั้งหูฟังและกล่องเก็บหูฟัง ซึ่งทำให้มันเจ๋งมาก เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาเชื่อมต่อกับแอปเพื่อดูข้อมูลเลย และจริงๆ แล้ว แอปที่มันให้ดาวน์โหลดก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเชื่อมต่ออะไรกับกล่องหูฟังมากไปกว่าการอัปโหลดรูปด้วย 😅

ซึ่งตัวแอปอะ มันจะให้เราเลือกรูปอะไรก็ได้จากในสมาร์ทโฟน มาเลือก Crop เฉพาะส่วนที่จะแสดงออกผ่านหน้าจอได้ แอปมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย (ขออภัยที่ขี้เกียจแคปหน้าจอแอปให้ดูนะฮะ มันไม่มีอะไรมากมายจริงๆ) เลือกรูปเสร็จ Crop เสร็จ ก็กดอัปโหลดรูปเข้ากล่อง รอซัก 1-2 นาทีก็เรียบร้อย (ใช้เวลานานหน่อย เพราะส่งข้อมูลผ่านบลูทูธ)

อย่างไรก็ดี ผมพบว่าเหมือนมันจะมีปัญหาอะไรกับมือถือ Samsung รึเปล่าไม่แน่ใจ ผมลองอัปโหลดรูปด้วย Samsung Galaxy Z Fold 2 ดู พบว่าภาพแตกเละเลยฮะ ตอนแรกนึกว่าเป็นปัญหาจากแอป แต่พอเอาใช้ iPhone 7 Plus อัปโหลดดู อ้าว ไม่มีปัญหา ใช้ HUAWEI MatePad 11 ดูก็ อ้าว ไม่มีปัญหาอะ อาจจะเป็นปัญหาของ Samsung Galaxy Z Fold 2 ตัวเดียวก็ได้นะ Samsung รุ่นอื่นๆ อาจไม่เป็นก็ได้ แต่พอดีผมไม่มีให้ทดสอบอะ เอาไว้เป็นข้อสังเกตแล้วกันนะครับ

ปกติแล้ว พวกหูฟังแบรนด์มันจะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้กับหูฟังด้วย เพื่อแก้บั๊ก ปรับปรุงคุณภาพผ่านซอฟต์แวร์ อะไรแบบนี้ แต่สำหรับ Amorus NR-550 TWS นี่ ไม่ต้องไปคาดหวังอะไรนะครับ มันไม่มีช่องทางให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ใดๆ เลย และก็บอกเลยว่าไม่คิดว่าผู้ผลิตจะอัปเดตเฟิร์มแวร์อะไรแล้วแหละ แต่จริงๆ น่าจะมีหน่อยนะ เช่น ให้แสดงผลภาพเคลื่อนไหวได้อะไรแบบนี้อะ 😎

แอบเสียดายตรงที่ มันไม่มีปุ่มสำหรับสั่งงานให้เปิดหน้าจอแสดงผลอะ ถ้าเราอยากจะเห็นภาพบนหน้าจอ ต้องเปิดฝากล่องสถานเดียวครับ มันจะแสดงภาพที่เราอัปโหลดขึ้นมาก่อน จากนั้นก็จะแสดงสถานะแบตเตอรี่ครับ ถ้าเราสวมหูฟังอยู่ มันจะแสดงแบตเตอรี่เฉพาะแค่ตัวกล่อง ระดับแบตเตอรี่ของหูฟัง ดูได้ผ่านสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่เราเชื่อมต่ออยู่ เช่นบน Windows 11 นี่ก็ไปดู Bluetooth & devices ได้ แต่ถ้าหูฟังอยู่ในกล่อง มันจะแสดงแบตเตอรี่ของทั้งหูฟังทั้งสองข้างกับตัวกล่องด้วย

เวลาแบตเตอรี่ของหูข้างไหนใกล้จะหมด มันจะมีเสียงตึงๆ เตือนครับ ตอนแบตเตอรี่เหลือราวๆ 10% ก็ให้เตรียมใส่กล่องชาร์จได้เลย ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ตัวกล่อง เลือกได้สองทาง คือ ผ่านพอร์ต Micro USB ตอนเสียบชาร์จ หน้าจอแสดงผลมันก็จะแสดงระดับแบตเตอรี่ให้ดูด้วย สะดวกมากมาย ตามสเปกแล้ว แบตเตอรี่ชาร์จจาก 0% – 100% ก็จะใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง

แต่ที่เจ๋งกว่าคือ มันรองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วยครับ เอากล่องไปวางไว้บนที่ชาร์จไร้สาย มันก็จะแสดงภาพสถานะของการชาร์จว่าเป็นการชาร์จแบบไร้สายเลย หรูหราหมาเห่ามาก แต่การชาร์จแบบไร้สายก็จะใช้เวลานานหน่อยคือจาก 0% – 100% ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
ฟีเจอร์นึงที่มันโม้เอาไว้คือ ถ้าใช้กับ iPhone เนี่ย มันจะมี Auto match connection หรือก็คือ พอปิดฝากล่องขึ้นมา iPhone มันจะตรวจจับ แสดงอนิเมชัน แล้วให้เรา Connect ได้เลย แต่ในความเป็นจริง ผมลองกับ iPhone 7 Plus แล้วไม่ได้ผล ตอนแรกคิดว่า iPhone เก่าไป ก็เลยไปหยิบ iPhone 12 Pro ของภรรยามา ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน สรุปเลยคิดว่า Auto match connection นี่โม้ครับ … แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรนะ หูฟังอันนึง 7 ร้อยกว่าบาท จะเอาอะไรมาก มันรองรับการชาร์จไร้สายนี่ก็เลิฟแล้ว
อีกฟีเจอร์นึงที่โม้คือ มันบอกว่าสามารถแยกเชื่อมต่อหูฟังแต่ละข้าง กับอุปกรณ์คนละตัวได้ หรือก็คือ เชื่อมหูข้างซ้ายกับสมาร์ทโฟน เชื่อมหูข้างขวากับแท็บเล็ตได้ อะไรแบบนี้ แต่ผมลองแล้ว พอเชื่อมต่อเสร็จ มันก็เชื่อมต่อหูฟังทั้งสองข้างเลยจ้า มันเลือกทีละข้างไม่ได้ครับ อันนี้ก็โม้มามั่วๆ อีกเช่นกัน แต่ก็พอพิจารณาราคาแล้ว เอาเหอะ ยอมยกผลประโยชน์ให้จำเลยไป แต่ก็ต้องเขียนบอกไว้ตรงนี้ว่าฟีเจอร์นี้ใช้ไม่ได้นะครับ
ข้อเสียอีกเรื่องของเจ้านี่ และพวกหูฟังแบบ True wireless อีกหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรุ่นราคาประหยัดก็คือ มันเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้แค่ทีละตัวเท่านั้นครับ ถ้าจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ก็ต้อง Disconnect แล้วไปจับคู่กับตัวอื่น ซึ่งถ้าเราเชื่อมไว้หลายตัว มันจะวุ่นตอนใช้งาน เพราะต้องไปกด Disconnect อุปกรณ์อื่น แล้ว Connect เฉพาะตัวที่เราต้องการใช้ ถ้าจะให้ดี ควรเลือกไปเลยว่าจะใช้กับตัวไหน แล้วเชื่อมกับตัวนั้นตัวเดียวพอ ข้อดีคือ เชื่อมต่อง่ายมาก และเชื่อมต่อได้ไวมากครับ
สรุปแล้วหูฟังไร้สาย Amorus NR-550 TWS เวิร์กไหม?
ตอนผมซื้ออะ เหมือนมันลดราคา รวมค่าส่งแล้วหกร้อยนิดๆ เอง แต่ ณ ตอนที่เขียนบล็อกนี้มันกลายเป็นเจ็ดร้อยนิดๆ แล้ว ฉะนั้น ขอเรียกว่าหูฟังราคา 6-7 ร้อยบาทแล้วกัน ราคาเท่านี้ คุณภาพหูฟังถือว่าโอเคนะ แบตเตอรี่ก็เรียกว่าอึดประมาณนึง (สเปกบอกว่าใช้งานได้ราวๆ 3 ชั่วโมง หากเปิดฟังที่ระดับเสียง 80%) เท่าที่ลองดูก็น่าจะได้ประมาณนั้นแหละครับ เวลาจะประชุม ถ้าต้องประชุมนานๆ ก็เอามาใช้ทีละหู ก็จะช่วยให้เราใช้งานต่อเนื่องได้ยาวๆ

เมื่อคุณภาพเสียงโอเคแล้ว ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อหรือไม่ อยู่ที่ไอ้ฟีเจอร์เก๋ๆ อย่างการอัปโหลดรูปขึ้นไปแสดงบนจอ LCD บนตัวกล่อง สร้างความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแบบนี้นี่แหละ ถ้าสนใจอยากซื้อ กดลิงก์ซื้อได้จากร้านเดียวกับที่ผมซื้อเลยฮะ ด้านล่างนี่