เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา HUAWEI ได้เปิดตัว HUAWEI WATCH 3 และ HUAWEI WATCH 3 Pro ไป และตอนนี้ก็ถึงเวลาของการเปิดตัวในประเทศไทยบ้างครับ ด้วยความที่แอบไปจกมาลองใช้งานได้ก่อน และได้ลองใช้งานมาพักใหญ่ๆ แล้ว ก็ขอถือโอกาสเขียนรีวิว เล่าให้อ่านกันว่าสมาร์ทวอทช์ตัวล่าตัวนี้มีฟีเจอร์เด่นๆ อะไรบ้าง และประสบการณ์ในการใช้งานเป็นยังไงนะครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
HUAWEI WATCH 3 ที่รีวิวครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจากทาง HUAWEI ส่งมาให้ลองใช้งาน เพื่อทดสอบฟีเจอร์ต่างๆ จะได้นำมาเล่าสู่กันอ่าน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้ได้อ่านกันครับ แน่นอนว่าผมก็จะรีวิวอย่างตรงไปตรงมาเช่นเคย
แพ็กเกจของ HUAWEI WATCH 3 ประกอบไปด้วยตัวสมาร์ทวอทช์เอง เอกสารการรับประกัน และแผ่น QR code สำหรับไปดาวน์โหลดแอป HUAWEI Health แล้วก็มีแท่นชาร์จแบบไร้สายมาให้ สายมีความยาวประมาณ 80 เซ็นติเมตร

ตัวสมาร์ทวอทช์เป็นหน้าปัดขนาด 46.2 มิลลิเมตร ถ้าเทียบกับมาตรฐานของนาฬิกาแล้วก็คือ 46 มิลลิเมตร นั่นแหละครับ ตัวเรือนมีความหนาประมาณ 12.15 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก(ไม่รวมสาย) 54 กรัม หน้าจอแสดงผลเป็นแบบกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.43 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด 466×466 พิกเซล วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือนเป็นสแตนเลสและเซรามิก มีให้เลือก 4 รุ่นเลย คือ
• Actvive Edition ตัวเรือนสีดำ สายนาฬิกาเป็นฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (ยางสังเคราะห์ที่ใช้ฟลูออโรคาร์บอน)
• Classic Edition ตัวเรือนสีเงิน สายนาฬิกาเป็นหนัง
• Classic Edition ตัวเรือนสีเงิน สายเป็นไนลอน
• Elite Edition ตัวเรือนสีเงิน สายนาฬิกาเป็นสแตนเลส

ตัวที่ผมได้มารีวิวเป็นรุ่น Active Edition ครับ ตัวเรือนสีดำเงาวาวมาก ตัวกระจกสำหรับหน้าปัดนาฬิกานี่ผมไม่มีข้อมูลว่าใช้กระจกชนิดใด แต่ก็น่าจะเป็นแบบป้องกันรอยขีดข่วนได้ประมาณนึงตามมาตรฐานสมาร์ทวอทช์ แต่ด้านหลังของตัวเรือน ทำจากเซรามิกครับ มีพวกเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ด้วย นอกจากนี้ก็มีไมโครโฟน และลำโพงในตัวด้วย

สายนาฬิกา เป็นแบบมาตรฐาน 22 มิลลิเมตร หากใครอยากเปลี่ยนสายเป็นแบบอื่น เชื่อว่าในอนาคตคงสามารถหาซื้อเพิ่มได้ หรืออาจจะลองไปดูสายนาฬิกามาตรฐานตามร้านขายหรือซ่อมนาฬิกาดูก็ได้ครับ

ตัว HUAWEI WATCH 3 มีปุ่มอยู่สองปุ่ม อ้างอิงตามคู่มือของ HUAWEI ปุ่มด้านบนที่มีลักษณะเหมือนเม็ดมะยม คือปุ่ม Up ทำได้ทั้งกดและหมุน ส่วนปุ่มด้านล่างเรียกปุ่ม Down ครับ วิธีการใช้งานว่าปุ่มไหนทำอะไรได้บ้าง อยู่ในคู่มือของ HUAWEI แล้ว
โดยรวม เรียกว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ดีไซน์สวยงาม และมีความหรูหราบึกบึนมากทีเดียวครับ HUAWEI WATCH 3 Active Edition นี่อารมณ์จะแนวๆ สำหรับคนเน้นใช้งานในทุกสถานการณ์ คือ ใส่ไปทำงาน ออกงาน หรือแม้แต่ออกกำลังกายก็ได้ สายแบบยางมันพร้อมใช้ทุกสถานการณ์มาก แต่ผมนี่อยากให้ Huawei ทำสายสแตนเลสสีดำเข้าเซ็ตกับรุ่น Active Edition มาขายเพิ่มเลยฮะ เพราะว่ามันจะทำให้ดูหรูขึ้นไปอีก
ประสบการณ์ในการใช้งาน HUAWEI WATCH 3
ในแง่ของการสวมใส่ ผมว่า HUAWEI WATCH 3 เหมาะกับข้อมือของผู้ชายมากกว่า เพราะหน้าปัดนาฬิกาค่อนข้างใหญ่ คือ 46 มิลลิเมตร และตัวเรือนค่อนข้างหนัก (เฉพาะตัวเรือน 54 กรัม) ผมลองให้ภรรยาลองสวมดูแล้ว เธอบอกเลยว่าแอบหนักไปหน่อย แต่ด้วยความที่รุ่น Active Edition เป็นสายชนิดยาง เลย
การจะใช้งาน HUAWEI WATCH 3 นั้น ถ้าอยากตั้งค่าและดูข้อมูลที่ตัวสมาร์ทวอทช์เก็บมาได้แบบเต็มเหนี่ยว ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอป HUAWEI HEalth ก่อนครับ ซึ่งถ้าเป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั่วไป ก็จะต้องดาวน์โหลดเป็นไฟล์ apk ผ่านทางเบราว์เซอร์ (โดยการสแกน QR Code ที่มาในแพ็กเกจ เพื่อจะได้ลิงก์สำหรับดาวน์โหลด) หรือถ้าใช้สมาร์ทโฟนของ HUAWEI ก็จะดาวน์โหลดได้ผ่าน AppGallery ครับ ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS นั้น ดาวน์โหลดผ่าน Apple App Store ได้ตามปกติ

ใครที่คิดว่า HUAWEI WATCH 3 จะต้องใช้กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ HUAWEI บอกเลยว่าไม่ใช่นะครับ แม้จะใช้กับของยี่ห้ออื่นก็สามารถใช้ได้ปกติครับ เพียงแต่ฟีเจอร์สะดวกๆ บางอย่างมันจะใช้ไม่ได้ (เดี๋ยวค่อยพูดถึงตอนท้าย) แต่ก็ไม่ใช่ฟีเจอร์คอขาดบาดตายครับ
ฟีเจอร์ในฐานะสมาร์ทวอทช์ของ HUAWEI WATCH 3
ว่ากันด้วยเรื่องของฟีเจอร์กันก่อน ในฐานะสมาร์ทวอทช์ ปัจจุบันคนเราก็คาดหวังกับฟีเจอร์ด้านสุขภาพกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การตรวจจับการนอนหลับ การเป็น Activity tracker ติดตามการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง การว่ายน้ำ ฯลฯ ตลอดไปจนถึงเทรนด์ล่าสุด ยุคการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การวัดค่า SpO2 หรือ ความเข้มของของออกซิเจนในเลือด ตัว HUAWEI WATCH 3 นี่มีหมดครับ
• เซ็นเซอร์ด้านหลัง สามารถนำมาใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ทั้งแบบรายครั้ง หรือให้วัดเป็นระยะๆ ตลอดเวลาเลยก็ได้ (แม้กระทั่งตอนนอนหลับ) แค่มันจะกินแบตเตอรี่มากขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งเราสามารถกำหนดให้ตัวสมาร์ทวอทช์เตือนเราได้ หากอัตราการเต้นของหัวใจสูงหรือต่ำกว่าที่กำหนดเกิน 10 นาที
• การวัดค่า SpO2 ซึ่งสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ๆ เริ่มวัดกันได้แล้ว แต่ของ HUAWEI WATCH 3 ทำได้มากกว่าตรงที่ มันวัดโดยอัตโนมัติได้ตลอดเวลา เก็บข้อมูลเป็นประวัติเอาไว้ได้ และสามารถกำหนดให้ตั้งเตือน (ในขณะที่เราตื่นอยู่) ในกรณีที่ค่า SpO2 ต่ำกว่าที่กำหนดได้ด้วย

• วัดความระดับความเครียดของเรา ซึ่งใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้ประมาณนึง เพราะบางครั้งเราอาจจะไม่รู้สึกตัวว่าร่างกายเราตึงเครียดฮะ แต่จากข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ ในขณะที่เราไม่ได้ออกกำลังกาย ทาง HUAWEI เขามีอัลกอริธึมในการคำนวณเพื่อประเมินระดับความเครีดของเราได้
• ตรวจจับการนอนหลับด้วย HUAWEI TruSleepTM ที่ช่วยประเมินคุณภาพของการนอนหลับของเรา และให้คำแนะนำกับเราได้ประมาณนึง เพื่อปรับปรุงคุณภาพของการนอนหลับของเรา ซึ่งจากที่ผมลองใช้มาหลายคืน มันก็ตรวจจับได้ค่อนข้างตรงดีครับ คือ นอนประมาณกี่โมง ตื่นเช้ากี่โมง กลางดึกตื่นมาบ้างไหม กี่ครั้ง อะไรแบบนี้ แต่ด้วยน้ำหนักและขนาดของตัวเรือนของ HUAWEI WATCH 3 อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สะดวกเท่าไหร่ หากจะใส่ตอนนอนครับ หลายคนอาจจะรู้สึกว่า HUAWEI Band 6 จะดูเหมาะสมกว่า

• การตรวจจับการออกกำลังกายในฐานะ Activity tracker ซึ่งรองรับทั้งการเดินและการวิ่ง (ในร่มและกลางแจ้ง) การเดินป่า การว่ายน้ำ เล่นสกี ไดร์ฟกอล์ฟ ไตรกีฬา และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งด้วยเซ็นเซอร์มากมาย ทั้ง Acceleration sensor, Gyro sensor, Geomagnetic sensor (เอาไว้เป็นเข็มทิศ), Optical heart rate sensor (เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ), Ambient light sensor, Barometric pressure sensor (เอาไว้วัดความกดอากาศ) และ Temperature sensor (ใช้วัดอุณหภูมิที่ผิวหนังของเราได้) และยังรองรับ GPS+GLONAS+Galileo+BeiDou ซึ่งเรียกว่าเป็นระบบนำทางชั้นนำที่ใช้กันอยู่บนโลกหล้าใบนี้ ช่วยให้ HUAWEI WATCH 3 พร้อมสำหรับตรวจจับการออกกำลังกายแทบทุกชนิดได้เลย
• เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ สามารถตรวจวัดอุณหภูมิของผิวหนังของเราได้ ซึ่งว่ากันว่าช่วยให้เราสามารถประเมินสุขภาพของผิวได้ระดับนึง เพราะผิวคนเราจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 33.5-36.9°C ครับ

ข้อสังเกต…
ข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ค่า SpO2 ค่าความเครียด คะแนนการนอนหลับ อุณหภูมิผิวหนัง เอาไว้สำหรับอ้างอิงเพื่อใช้เตือนถึงความผิดปกติได้ แต่ไม่สามารถเอาไปใช้วินิจฉัยในทางการแพทย์ได้ เพราะ HUAWEI WATCH 3 นี่ไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์นะครับ เมื่อเราสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เราควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง
นอกจากนี้ ตัว HUAWEI WATCH 3 ยังออกแบบมาให้กันน้ำได้ลึกสุดถึง 5ATM หรือพูดง่ายๆ ดำน้ำได้ลึก 50 เมตรเลยทีเดียว (ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 ซึ่งเป็นมาตรฐานการกันน้ำของนาฬิกาข้อมือ) เรียกว่าไม่ต้องคุยกันเรื่องมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นเลยแหล
HUAWEI WATCH 3 รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งผ่าน WiFi 802.11b/g/n (รองรับเฉพาะย่าน 2.4GHz เท่านั้น) และ 4G ผ่าน eSIM (ซึ่งต้องไปตั้งค่าที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่คุณใช้บริการอยู่) รองรับทั้ง UMTS: B1/B3/B5/B6/B8/B19 และ LTE: B1/B3/B5/B6/B7/B8/B9/B18/B19/B20/B26/B38/B39/B40/B41 เลยครับ แต่ตรงนี้เสียดายที่ผมไม่ได้ลอง เพราะเดี๋ยวมันจะวุ่นวายกับการเลิกใช้บริการ หากจะไปตั้งค่า eSIM เพื่อรีวิวน่ะ แต่ในกรณีที่คุณซื้อ HUAWEI WATCH 3 ไปใช้ คุณจะสามารถตั้งค่า eSIM แบบเบอร์เดียวกับเบอร์มือถือหลักของคุณได้ เพื่อที่จะใช้บริการโทรศัพท์ได้ทั้งจากสมาร์ทโฟน หรือจาก HUAWEI WATCH 3 นี่เลย และการมี eSIM ก็จะทำให้เจ้านี่ต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงได้อีก
ยังไม่จบนะฮะ เจ้านี่ก็ยังรองรับบลูทูธ 5.2 BR+BLE ด้วย เราสามารถจับคู่ตัว HUAWEI WATCH 3 กับหูฟังบลูทูธได้โดยตรงเลยครับ เพื่อเอาไว้ใช้โทรศัพท์ หรือแม้แต่ฟังเพลงที่เก็บไว้บนตัวสมาร์ทวอทช์
User Interface และ User Experience ของ HUAWEI WATCH 3
User Interface ของ HUAWEI WATCH 3 นั้น เป็นการใช้งานผสมผสานระหว่างการสัมผัส (Touch) และการใช้ปุ่มกด การเข้าถึงข้อมูลจาก Activity tracker นั้น HUAWEI ออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายๆ แค่ปัดหน้าจอไปด้านข้างเท่านั้นเอง และการเข้าถึงแอปอื่นๆ ในตัวสมาร์ทวอทช์นั้น ก็แค่กดที่เม็ดมะยม เราก็จะเห็นอินเทอร์เฟซที่คุ้นๆ ตาครับ หมุนเม็ดมะยมเพื่อซูมเข้าซูมออกขนาดของไอคอนของแอปได้

ตัว HUAWEI WATCH 3 มีหน่วยความจำมาให้ 2GB และมีความจุ 16GB เราสามารถดาวน์โหลดแอปต่างๆ มาเข้าไปในสมาร์ทวอทช์ได้ ผ่าน HUAWEI AppGallery ที่มีอยู่ในตัวสมาร์ทวอทช์เลย ซึ่งค่อนข้างสะดวก โดยเฉพาะหากเราได้เชื่อมต่อผ่าน WiFi หรือ 4G อยู่แล้ว อะไรหลายๆ อย่าง เราสามารถทำผ่านตัวสมาร์ทวอทช์ได้โดยตรงเลย โดยไม่ต้องง้อสมาร์ทโฟน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
โดยรวมถือว่า HUAWEI ออกแบบอินเทอร์เฟซมาได้ดีนะครับ การแสดงผลบนหน้าจอกลมๆ เล็กๆ ของสมาร์ทวอทช์ ถือว่าตัวอักษรใหญ่ ดูง่าย การใช้งานลื่นไหล แต่ถ้าจะให้ติ ผมว่ามันก็ยังมีนิดหน่อย เช่น หน้าจอการตั้งค่าของ AppGallery มันมีข้อความที่ยาวเกินกว่าที่จะแสดงผลได้ และถูกตัดทอนออกไป ตรงนี้ ควรออกแบบให้ข้อความเป็นตัววิ่ง เพื่อจะได้อ่านข้อความได้ครบๆ มากกว่า เพราะตอนนี้ที่เห็น ผมนึกไม่ออกว่าฟีเจอร์ Auto-install apps over… นี่หมายถึงอะไร คือ จะเปิดก็ยังไม่รู้ว่าเปิดแล้วจะเป็นยังไง เป็นต้น
ปุ่ม Down สามารถไปตั้งค่าในตัวสมาร์ทวอทช์ได้ เพื่อใช้เป็นปุ่มลัดในการเรียกแอปที่ต้องการขึ้นมา เช่น Workout เพื่อตรวจจับการออกกำลังกาย หรือ Music เพื่อฟังเพลง เป็นต้น ถือว่าค่อนข้างสะดวกอยู่
ภาพรวมไลฟ์สไตล์การใช้ HUAWEI WATCH 3
เท่าที่ผมลองใช้ HUAWEI WATCH 3 มาตลอด 1 สัปดาห์ เรียกได้ว่ามันทำหน้าที่ในฐานสมาร์ทวอทช์ได้ดีทีเดียวครับ การแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ สามารถเลือกได้ว่าอยากให้แสดงการแจ้งเตือนจากแอปไหนบ้าง จะได้รู้ว่าอันไหนเป็นการแจ้งเตือนที่สำคัญ ควรหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู และแน่นอนว่ามันแสดงผลการแจ้งเตือนเป็นภาษาไทยได้อย่างไม่มีปัญหา

หน้าปัดนาฬิกาก็มีให้เลือกหลายแบบอยู่ แบบสวยๆ ก็มีเยอะ แต่หลายอันก็ต้องเสียตังค์ซื้อมานะ ซึ่งก็ไม่แพงมาก มีตั้งแต่ 14.99 บาท ไปจนถึง 119.99 บาทเลยทีเดียว แต่สำหรับคนไม่อยากเสียเงิน ก็มีของฟรีให้เลือกประมาณ 100 กว่าแบบอยู่ครับ

หากใครโทรศัพท์มา เราก็สามารถเลือกที่จะหยิบสมาร์ทโฟนมารับ หรือสามารถรับผ่าน HUAWEI WATCH 3 ได้โดยตรง เพราะตัวสมาร์ทวอทช์มีทั้งไมโครโฟนและลำโพงในตัว ซึ่งค่อนข้างสะดวก โดยเฉพาะเวลาที่กำลังขับรถอยู่ ก็สามารถใช้เป็นแฮนด์ฟรีได้เลย

สำหรับคนชื่นชอบเสียงเพลง ความน่าสนใจของ HUAWEI WATCH 3 คือ มันมีแอป Huawei Music มาให้ในตัว ซึ่งเราสามารถฟังเพลงได้โดยตรงจากแอปนี้ โดยการสตรีมผ่านอินเทอร์เน็ต (WiFi หรือ 4G) หรือดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในตัวสมาร์ทวอทช์ (ในความจุ 16GB ที่เขามีให้) ซึ่งสามารถเปิดเพลงออกจากลำโพงของตัวสมาร์ทวอทช์เองได้ หรือจะจับคู่กับหูฟังไร้สาย หรือแม้แต่ระบบเครื่องเสียงของรถยนต์ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธได้ด้วย อย่างไรก็ดี ถ้าอยากใช้บริการ HUAWEI
เอาจริงๆ ถ้ากะว่าจะแค่โทรศัพท์ได้ ฟังเพลงได้ เนี่ย สมาร์ทโฟนไม่ต้องพกแล้วอะ ใช้ HUAWEI WATCH 3 เรือนเดียวจบเลยเหอะ
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น
• Emergency SOS ที่ให้เราสามารถตั้งค่าบุคคลที่จะเป็นที่ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน (Emergency contact) ได้ แล้วเราสามารถติดต่อไปยังบุคคลคนนี้ได้ ด้วยการกดปุ่ทมเม็ดมะยม 5 ทีติดกัน หรือในกรณีที่เราเปิดใช้งาน Fall detection เอาไว้ หากตัวสมาร์ทวอทช์ตรวจจับได้ว่าเรามีการล้ม มันก็จะทำการติดต่อไปยัง Emergency contact ให้โดยอัตโนมัติเลย
• Hand gestures ที่ให้เราสั่งงานเพื่อรับโทรศัพท์ ด้วยการกำมือข้างที่สวม HUAWEI WATCH 3 แล้วคลายมือเร็วๆ มันเป็นฟีเจอร์ด้าน Accessability ที่อำนวยความสะดวกเราได้มาก เวลาที่เราอยากรับโทรศัพท์ แต่เราไม่สะดวกที่จะเอามืออีกข้างมากดรับ
• Celia ที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะของค่าย Huawei ที่จะให้เราสามารถสั่งงานสมาร์ทวอทช์ด้วยเสียงได้ แต่อันนี้ผมยังไม่ได้ลองฮะ เพราะหาทางเปิดฟีเจอร์นี้ไม่เจอ
และบางฟีเจอร์ที่มีเฉพาะผู้ใช้งานอุปกรณ์ใน Ecosystem ของ HUAWEI เอง เช่น ใช้ HUAWEI WATCH 3 ในการควบคุมการเล่นเพลงสมาร์ทโฟนของ HUAWEI และสามารถซิงก์เพลย์ลิสต์ระหว่างสมาร์ทโฟนกับทีวีหรือลำโพงของค่าย HUAWEI ได้ และการใช้ HUAWEI WATCH 3 เป็นรีโมตควบคุมกล้องแบบไร้สาย ซึ่งอันนี้ต้องเช็ก Compatibility ของอุปกรณ์ด้วยนะครับ
แบตเตอรี่ของ HUAWEI WATCH 3
ตามสเปกแล้ว ถ้าเราใช้งานตามปกติ HUAWEI เขาบอกว่า HUIAWEI WATCH 3 นี่แบตเตอรี่จะอยู่ได้ราวๆ 3 วัน (ใน Smart mode ให้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการใช้แบตเตอรี่) ในขณะที่ถ้าเราใช้ Ultra-long battery life mode ก็จะอยู่ได้สูงสุด 14 วัน ซึ่งบอกตรงๆ ว่าผมไม่คิดจะซื้อสมาร์ทวอทช์มาเพื่อเปิดใช้โหมด Ultra-long batter life แล้วใช้งานโน่นนี่นั่นไม่ได้แน่นอน ผมก็เลยเปิดใช้งานแบบปกติ แต่ไม่ได้มีการเอาออกไปใช้วิ่งออกกำลังกายเปิด GPS หรือเปิดเพลงฟัง เน้นใช้งานในฐานะสมาร์ทวอทช์ รับข้อความแจ้งเตือนและใช้เป็น Activity tracker ในชีวิตประจำวัน ก็บอกได้เลยว่าแบตเตอรี่จะอยู่ได้ราวๆ 3 วัน ตามที่ HUAWEI เขาบอกครับ แต่ถ้าให้ผมประเมินเอง ผมว่า ประมาณเย็นๆ ของวันที่สอง หรือเช้าๆ ของวันที่สาม ก็ควรจะชาร์จแบตเตอรี่ได้แล้ว

ข่าวดีสำหรับคนใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ HUAWEI ที่รองรับฟีเจอร์ Reverse charging หรือการชาร์จแบบไร้สายจากตัวสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เพราะมันใช้ชาร์จ HUAWEI WATCH 3 ได้ครับ
บทสรุปการรีวิว HUAWEI WATCH 3
เป็นสมาร์ทวอทช์เรียบหรู ดูดี มี 4G ให้ใช้ ฟีเจอร์ครบเครื่อง ลูกเล่นเยอะมาก ไม่จำเป็นต้องใช้กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ HUAWEI ด้วย แต่ถ้าใช้ร่วมกันใน Ecosystem ของ HUAWEI มันจะครบเครื่องสุด ยอมรับว่า HUAWEI พัฒนา Ecosystem มาได้ดีทีเดียวครับ ผมมองว่ารุ่นนี้จะเหมาะกับผู้ชาย เพราะขนาดของหน้าปัดนาฬิกาค่อนข้างใหญ่ และมีน้ำหนักตัวเรือนพอสมควร แต่เรือนเดียวจบจริงๆ ทั้งในฐานะสมาร์ทวอทช์สำหรับไลฟ์สไตล์ คนออกกำลังกาย และคนทำงาน ครบเครื่องจริงๆ
มีจุดติในเรื่องของ UI ที่ยังไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องคอขาดขบาดตายขนาดนั้น
สำหรับผู้ที่สนใจ HUAWEI WATCH 3 สามารถซื้อได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
• HUAWEI Online Store https://bit.ly/2Ugx0tQ
• Shopee https://bit.ly/3AH1dTi
• Lazada https://bit.ly/3jQk6NO
• JD Central https://bit.ly/3yzi8p7