ก่อนหน้านี้ผมได้รีวิว HUAWEI FreeBuds 4i ที่เปิดวางจำหน่ายในประเทศไทยไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และงวดนี้ HUAWEI ได้เปิดตัว HUAWEI FreeBuds 4 ต่อเลยครับ ซึ่งถ้าใครติดตามซีรี่ส์ FreeBuds ของ HUAWEI มาก็จะทราบว่ามันจะเป็นรุ่นกลาง ที่เน้นเรื่องความสบายในการสวมฟัง เพราะเป็นดีไซน์แบบ EarBuds (FreeBuds 4i จะเป็น In-ear) และมีชิป Kirin A1 เป็นห่วยประมวลผลเสียงที่ช่วยให้หูฟังมีความเสถียรสูงและเชื่อมต่อได้รวดเร็ว
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
หูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 ที่รีวิวนี้ HUAWEI เอื้อเฟื้อให้มาลองใช้ เพื่อเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันอ่านให้ท่านผู้ฟังครับ
แพ็กเกจของ HUAWEI FreeBuds 4 นี้ประกอบไปด้วยตัวหูฟัง พร้อมกล่องใส่ที่ทำหน้าที่เป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ในตัว และมีสายชาร์จแบบ USB-A to USB-C ความยาวประมาณ 90 เซ็นติเมตร มาให้อีกเส้นนึง เอาไว้ชาร์จแบตเตอรี่ครับ

ดีไซน์ของหูฟัง HUAWEI Freebuds 4 นี่เป็นแบบกล่องทรงกลม แต่ด้านหน้าและด้านหลังแบนเรียบ ผิวเป็นแบบด้าน เวลาจับแล้วไม่ค่อยมีรอยนิ้วมือคือดีงามมาก ตัวที่ผมได้มารีวิวเป็นสี Silver frost คือ สีเทาเงิน ส่วนตัวหูฟังนี่เป็นเดียวกัน แต่ทำผิวเป็นมันวาวสวย ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าจับแล้วจะต้องลายนิ้วมือเต็มแน่ๆ เลย ก็มันวาวซะขนาดนั้น แต่เอาจริงๆ ปรากฏว่า ไม่ค่อยมีรอยนิ้วมือให้เห็นชัดเท่าไหร่ ดีงามมาก
ตัวหูฟังมีเซ็นเซอร์สำหรับใช้ตรวจจับว่าเราสวมหูฟังอยู่หรือไม่ เพื่อใช้ในฟีเจอร์ Smart wear detection สำหรับเล่นหรือหยุดการเล่นเพลงหรือวิดีโอที่เรากำลังฟังหรือดูอยู่เมื่อถอดหูฟังออก และเล่นต่อเมื่อเราสวมหูฟังกลับครับ ก้านหูฟังมีไมโครโฟนสำหรับสนทนา และตัดเสียงรบกวนภายนอกด้วย
ประสบการณ์ในการใช้งานหูฟัง HUAWEI FreeBuds 4
ตัวหูฟัง อย่างที่บอก มันเป็นแบบ EarBuds ที่สวมใส่แล้วล็อกอยู่ในรูหูได้พอดีมาก และสวมใส่สบายจริงๆ ครับ ผมลองสวมฟังยาวๆ แบบ 3-4 ชั่วโมงแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บหูเลย หูฟังเบามาก ข้างละแค่ประมาณ 4.1 กรัมเท่านั้น ใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ ลองพยายามส่ายหัวไปมาแบบแรงๆ หูก็ไม่หลุดหล่นออกมา และผ่านมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 ทนต่อการสาดกระเซ็นของน้ำได้ทุกทิศทาง ดังนั้นเรื่องเหงื่อหรือการใส่ตกฝน ก็สามารถทำได้ไร้ปัญหา แต่อย่าเผลอเอาไปจมน้ำ หรือใส่เครื่องซักผ้าก็แล้วกันนะครับ

การใช้งาน ก็ดาวน์โหลดแอป HUAWEI AI Life มาติดตั้งครับ (Android/iOS) อาจจะดูแหม่งๆ นิดหน่อย เพราะถ้าเป็นระบบปฏิบัติการ Android จะต้องดาวน์โหลดผ่าน HUAWEI AppGallery (ในกรณีใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ HUAWEI) หรือดาวโหลดเป็นไฟล์ apk จากเว็บแทน แต่ถ้าเป็นระบบปฏิบัติการ iOS ก็ดาวน์โหลดจาก Apple App Store ได้ ไม่มีปัญหาใดๆ
ในการเชื่อมต่อ ทำได้ไม่ยากครับ แค่ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏบนหน้าแอปเวลาเราเลือกว่าจะเชื่อมต่อแบบ Manual ก็ได้ แต่ถ้าเกิดเราใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ HUAWEI มันจะมีฟีเจอร์แบบ เปิดฝาก็พร้อมจับคู่อุปกรณ์เลยครับ

จุดเด่นของ HUAWEI FreeBuds 4 ตัวนี้ก็คือ มันมี Connection center ที่เอาไว้บริหารจัดการการเชื่อมต่อได้ครับ มันจะโชว์ได้เลยว่าเราเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อะไรไว้ ซึ่งเราสามารถจับคู่กับอุปกรณ์ไว้ได้หลายชิ้น แต่ HUAWEI FreeBuds 4 จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุด 2 ชิ้นครับ เราสามารถตั้งค่าใน Connection center ได้เลยว่าอุปกรณ์ไหนบ้างที่เวลาอยู่ใกล้ๆ กับหูฟังแล้ว จะเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติเลย
ที่เด่นกว่า (ที่ผมยังไม่เคยเจอในหูฟังยี่ห้ออื่นๆ ที่ผมเคยใช้) คือ มันสามารถกำหนด Preferred device ได้ ซึ่งมันจะจัดลำดับความสำคัญให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์นี้ก่อนเพื่อน และในกรณีที่มีการกดเรียก Assistant มันก็จะเรียก Assistant บนอุปกรณ์นี้ก่อน ฉะนั้น เมื่อเทียบกับ HUAWEI FreeBuds 4i ที่ต่อได้อุปกรณ์เดียวแล้ว คนมีอุปกรณ์สองตัวที่อยากใช้หูฟังพร้อมๆ กัน เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต อะไรพวกนี้ ใช้ HUAWEI FreeBuds 4 จะเหมาะกว่าครับ

HUAWEI FreeBuds 4 มีสิ่งที่ขาดหายไปใน HUAWEI FreeBuds 4i ที่ผมเคยพูดถึงไปคือ การควบคุมความดังของเสียงผ่านการสัมผัสบนตัวหูฟังครับ งวดนี้สามารถควบคุมได้ผ่าน Gesture 3 แบบเลย คือ แตะสองที, แตะค้าง และ ปาดตรงก้านหูฟัง ซึ่งสามารถไปตั้งค่าได้จากแอป HUAWEI AI Life เลย และแยกการควบคุมเป็นตอนใช้หูฟังฟังเพลงหรือดูหนัง กับตอนที่โทรศัพท์อยู่
หูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 แต่ละข้าง มี Bass engine ช่วยเรื่องการขับเสียงเบส และมีไดรเวอร์ขนาด 14.3 มม. รองรับย่านความไปสูงได้ถึง 40kHz เลย ฉะนั้น จากสเปกแล้ว ก็น่าจะตอบสนองต่อเสียงความถี่ย่านต่ำและย่านสูงได้ดีอยู่นะ
โหมดการตัดเสียงรบกวนทำได้ดีมาก ตัดพวกเสียงหึ่งๆ ออกมาเหี้ยนเลยครับ และเราสามารถเลือกระดับของการตัดเสียงได้สองระดับ คือ Cozy ในกรณีที่มีเสียงรบกวนไม่มาก และ General ในกรณีที่มีเสียงรบกวนเยอะ ซึ่งโดยส่วนตัว ผมชอบโหมด General ครับตัดเสียงรบกวนได้สนิทจริงๆ
อย่างไรก็ดี คำว่าเสียงรบกวนในที่นี้ หมายถึงพวกเสียงหึ่งๆ ย่านความถี่ต่ำ เสียงลม เสียงเครื่องยนต์ อะไรพวกนี้นะครับ ดีไซน์ของ HUAWEI FreeBuds 4 เขาออกแบบมาให้แม้ว่าเราจะได้ยินเสียงเพลงหรือภาพยนตร์ที่เราดูอยู่อย่างชัดเจน แต่ก็จะยังคงได้ยินเสียงภายนอกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เช่น เสียงคนพูด เสียงรถที่วิ่งใกล้ๆ อะไรพวกนี้ ถ้าเกิดเราไม่เปิดเสียงดังมากเกินไปอะนะ ซึ่งผมว่ามันดีนะ เพราะหูฟังตัวนี้มันออกแนวไลฟ์สไตล์เอาไว้ใส่ใช้งานทุกสถานการณ์ แต่สำหรับคนที่อยากได้หูฟังแบบตัดเสียงภายนอกชัดเจน ไม่อยากให้มีเสียงอื่นใดเล็ดลอดมาเข้าหูตอนกำลังฟังเพลงอย่างดื่มด่ำ อันนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบครับ

นอกจากนี้ ตัวหูฟังก็มีการทำ Present ค่า EQ ไว้ให้แล้ว เลือกได้ระหว่าง Default (ไม่ปรับแต่งใดๆ), Bass boost (เร่งเสียงเบส) และ Treble boost (เร่งเสียงแหลม) สำหรับคนที่ต้องปรับเสียงให้เหมาะกับการฟังเพลงขึ้นอีกหน่อยครับ แต่จากที่ผมลองใช้อะ ขนาดไม่ได้ปรับให้เร่งเสียงเบส ก็ตอบสนองกับย่านเสียงต่ำได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเปิด Bass boost นี่ จะได้รู้สึกว่าเบสมันตึบขึ้นอีกหน่อยเลยแหละ และแน่นอน เรื่องเสียงย่านสูงนี่ก็ทำได้ดีทีเดียวเช่ีนกัน
อีกจุดที่น่าสนใจคือ การใช้งานในฐานะชุดหูฟังไร้สายสำหรับสนทนาโทรศัพท์ ที่รองรับการโทรด้วยคุณภาพระดับ HD เลย (เปิดใช้งานผ่านแอป และต้องใช้บริการบนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่รองรับคุณสมบัตินี้ด้วยนะ และไมโครโฟนที่มีการตัดเสียงรบกวนถือว่าทำได้ดีเลยครับ ผมมีลองเอาไปโทรคุยกับเพื่อนผ่าน LINE call โดยแอบไปคุยหน้าพัดลมดู แล้วสนทนาไปตามปกติ เพื่อนผมนี่ไม่รู้เลยว่ามีลมพัดมาแทรกตลอดเวลาฮะ

อีกสองฟีเจอร์ที่ผมไม่ได้ลอง อันแรกคือการทำงานไร้รอยต่อ ในกรณีที่เรามีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของ HUAWEI ครับ ซึ่งในกรณีนี้เรา เราจะสามารถทำการเล่นวิดีโอต่อเนื่องจากสมาร์ทโฟน HUAWEI ไปยังทีวีของ HUAWEI (ที่เรียกว่า HUAWEI Vision) หรือ โน้ตบุ๊ก/แท็บเล็ต ได้ ส่วนเสียงจากวิดีโอ ก็จะไปได้ยินผ่านหูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 แทน ไม่เป็นการรบกวนคนอื่นๆ อันนี้คือ Ecosystem ที่ HUAWEI กำลังสร้างอยู่อย่างแข็งขันมาก

ฟีเจอร์ที่สองที่ไม่ได้ลอง คือ ฟีเจอร์การใช้หูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 เป็นไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียง ซึ่งสามารถบันทึกได้ทั้งแบบภาพรวม คือ เอาเสียงจากแบ็กกราวด์มาบันทึกด้วย หรือ จะใช้ฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนของไมโครโฟน เพื่อให้บันทึกเน้นไปที่เสียงของผู้ที่สวมหูฟังอยู่เป็นหลัก อันนี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนของ HUAWEI บางรุ่นฮะ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ของ HUAWEI)
ส่วนฟีเจอร์สุดท้ายที่เขาบอกว่า หากใช้คู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS หรือ EMUI ก็จะช่วยลดความหน่วงของสัญญาณ หรือ Latency ลง อันนี้คิดว่าไม่ได้มีอะไรมากครับ เพราะหากเราใช้อุปกรณ์ที่รองรับบลูทูธ 5.2 ผมว่า Latency ก็น่าจะต่ำพอสมควรแล้วล่ะ
แบตเตอรี่ของหูฟังไม่ค่อยอึดเท่าไหร่ครับ หากเปิดระบบตัดเสียงรบกวน คือ มันจะใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้ราวๆ 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ถ้าเกิดปิดฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ก็จะฟังได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงครับ อันนี้ต้องทำใจนิดนึงเพราะเขาเน้นให้หูฟังมีน้ำหนักเบามากๆ น่ะผมว่า และค่อนข้างชัดเจนว่าเขาเน้นเรื่องการใช้งานไม่นานมาก แล้วเอามาเก็บเข้ากล่องเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งตัวกล่องเนี่ยมีแบตเตอรี่ 410mAh สามารถชาร์จหูฟังให้เต็มได้ราวๆ 4 รอบครับ ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 100% ของตัวหูฟัง ก็อยู่ที่ 1 ชั่วโมงครับ ส่วนตัวกล่องเก็บหูฟัง ก็ใช้เวลาชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ราวๆ 1 ชั่วโมง เช่นกัน แต่เวลาใช้งานจริงเนี่ย เราจะไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้นหรอก เพราะเราน่าจะชาร์จก่อนแบตเตอรี่หมดอยู่แล้ว
สำหรับผู้ที่สนใจ HUAWEI FreeBuds 4 สามารถซื้อได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
• HUAWEI Online Store https://bit.ly/366bKtk
• Shopee https://bit.ly/36aO2fi
• Lazada https://bit.ly/3AfI22S
• JD Central https://bit.ly/2UfsMCK