เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา HUAWEI เขาเปิดตัวจอแสดงผล HUAWEI MateView GT ซึ่งเป็นจอแบบ Curved ultrawide ขนาด 34 นิ้ว และเป็นจอแสดงผลสำหรับการเล่นเกมรุ่นแรกของ HUAWEI เลย โดยมีจุดเด่นที่ฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย ดีไซน์ที่สวย ประหยัดพื้นที่ และมี Soundbar แบบสเตริโอในตัวด้วย และในบล็อกตอนนี้ ก็จะมารีวิวให้ได้อ่านกันครับ ว่าเป็นยังไงบ้าง
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
จอ HUAWEI MateView GT ที่รีวิวในบล็อกตอนนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจากทาง HUAWEI ส่งมาให้ลองใช้งานกันครับ ซึ่งในการใช้งานของผม ผมได้ลองใช้ทั้งในการเล่นเกมซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของจอรุ่นนี้ และในขณะเดียวกัน ผมก็ได้ลองใช้งานในการทำงานปกติ รวมถึงการตัดต่อวิดีโอด้วย เพื่อให้ได้ประสบการณ์ครบๆ มาบอกเล่าสู่กันฟังครับ
ก่อนอื่น บอกก่อนเลยนะครับ HUAWEI MateView GT นี่กล่องใหญ่พอสมควรเลยนะ เอาเป็นว่าใส่ท้ายรถ Nissan Kicks คือ เต็มพอดี แล้วคือแพ็กมาดีมาก ข้างในคือใส่มอนิเตอร์เอาไว้ กับขาตั้ง มีโฟมใส่มาแน่นหนาดี เม็ดโฟมอัดแน่นดีมาก แกะออกจากกล่องมานี่ไม่มีหลุดกระจายให้ต้องคอยเก็บกวาดภายหลัง นอกจากนี้ ยังดีไซน์ให้หยิบจอออกจากกล่องได้ง่ายๆ คือ ยกมาทั้งโฟมกันกระแทกเลยครับ ไม่ต้องมาเสียเวลาพยายามพลิกคว่ำกล่อง ค่อยๆ รูดออกมา อันนี้ขอชมเชย

ภายในแพ็กเกจ ประกอบไปด้วยตัวจอ HUAWEI MateView GT พร้อมขาตั้ง แล้วก็มีชาร์จเจอร์แบบ USB-C แบบ 135 วัตต์ มาให้ กับสายเคเบิ้ลหลากหลายแบบมาก คือ USB-C to USB-C high speed data cable, USB-C to USB-A แล้วก็ DP 1.4 ที่หายไป ไม่มีมาให้คือสาย HDMI ครับ เข้าใจว่าคงเพราะเดี๋ยวนี้สาย HDMI คงหาได้ไม่ยากแล้วละมั้ง และผู้ใช้งานที่เป็นเกมเมอร์ส่วนใหญ่ น่าจะใช้สาย DP (Display Port) ต่อกับการ์ดจอละมั้ง ไม่ก็ใช้สาย USB-C เลย

การติดตั้ง ทำได้ไม่ยากเลยครับ แต่ก่อนอื่น ควรจะรู้ถึงมิติของจอแสดงผลไว้หน่อย จะได้เตรียมพื้นที่วางได้ถูกครับ จอ HUAWEI MateView GT ตัวนี้ มีความกว้าง 80.86 เซ็นติเมตร ฉะนั้น ใครมีโต๊ะขนาด 120 เซ็นติเมตร มันก็จะกว้างแบบเต็มๆ พอสมควรครับ ผมแนะนำให้ใช้โต๊ะแบบเรียบๆ ไม่มีชั้นวางใดๆ เลย จะดีที่สุด และความลึกของโต๊ะซัก 60 เซ็นติเมตร เป็นอย่างน้อย จะได้มีพื้นที่วางจอได้ไกลจากตัวเราพอสมควร ไม่ใกล้ระยะสายตาเรามากไป

การติดตั้งจอเข้ากับฐานจอนี่ง่ายมาก แค่ยกจอขึ้นมาวางลงไปให้พอดีกับตัวขอล็อกครับ เล็งไม่ยาก ไม่ต้องใช้น็อตใดๆ ในการยึดเลย และถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นว่าตัวฐานยึดจอเนี่ย มันจะมี Connector ชุดนึงอยู่ครับ อันนี้มีไว้เพื่อเชื่อมต่อกับตัว Soundbar ที่อยู่ตรงฐานนั่นเอง

พอวางลงตำแหน่งแล้ว ก็ดันสวิตช์ที่อยู่ตรงฐานตัวยึด เพื่อให้มันล็อกกับจอให้สนิทพอดี แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ ความสูงของหน้าจอสูงสุดคือ 54.2 เซ็นติเมตร และสามารถกดความสูงลงมาให้เหลือแค่ราวๆ 44.5 เซ็นติเมตรได้ ไม่ต้องไปหาชั้นวางจอมาช่วยปรับระดับความสูงให้เหมาะสมกับการมอง และยังสามารถปรับหน้าจอก้มเงยได้ตั้งแต่ -5 ถึง 20 องศา

ดีไซน์ส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ อยู่ที่ด้านใต้ของจอ มีฝาปิดเรียบร้อย แกะและใส่ง่ายมาก เพราะยึดติดด้วยแม่เหล็ก ดูเป็นระเบียบดี พอร์ตเชื่อมต่อที่มีมาให้ก็มี (จากซ้ายไปขวา เมื่อมองเข้าทางด้านหลังจอตัวจอแสดงผล)
• พอร์ต USB-C สำหรับจ่ายไฟให้กับจอแสดงผล ใช้ต่อกับชาร์จเจอร์ 135 วัตต์ที่ให้มา
• พอร์ต HDMI1 และพอร์ต HDMI2 รองรับมาตรฐาน HDMI2.0
• พอร์ต DP เอาไว้ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ (มาตรฐาน DP1.4)
• พอร์ต USB-C เอาไว้ต่อกับโน้ตบุ๊ก ในกรณีที่พอร์ต USB-C ของคอมพิวเตอร์รองรับ Display port ด้วย ก็จะสามารถใช้เป็นพอร์ตเชื่อมต่อจอกับคอมพิวเตอร์ได้เลย (ภาพและเสียงจะมาครบ) หรือหากใช้สาย USB-A to USB-C มาเสียบกับคอมพิวเตอร์ ก็จะเป็นการเชื่อมสัญญาณข้อมูลสำหรับไมโครโฟน

ด้านบนของหน้าจอ HUAWEI MateView GT มีไมโครโฟนคู่ติดตั้งอยู่ ทำให้ไม่ต้องไปหาไมโครโฟนมาติดตั้งเพิ่มเลยครับ เวลาเล่นเกมหรือแม้แต่จะใช้ทำงานประชุมออนไลน์ ก็สะดวกครับ ถ้าอยู่คนเดียวก็ไม่ต้องสวมเซ็ตหูฟังเลย

ติดตั้งเสร็จแล้ว พร้อมใช้งานครับ ขอพูดถึงสเปกของจอ HUAWEI MateView GT ซักหน่อยก่อนนะครับ เจ้านี่เป็นจอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 34 นิ้ว มีลักษณะเป็นจอโค้ง 1500R อัตราส่วนการแสดงผล 21:9 ความละเอียด 3,440×1,440 พิกเซล อัตรารีเฟรชเรตของหน้าจอสูงสุดคือ 165Hz มีขอบเขตสีกว้างถึง 90% DCI-P3 หรือ 100% sRGB และความแม่นยำของสี ΔE < 2 แสดงผลสีสันได้สูงสุด 1.07 พันล้านสี Contrast ratio 4,000:1 และรองรับการแสดงผล HDR10 ด้วย

ขาตั้งของ HUAWEI MateView GT นี่ออกแบบมาให้เป็นลำโพง Soundbar ในตัว เป็นลำโพงกำลังขับ 5 วัตต์จำนวนสองตัว มีแถบ Touch volume control ที่มีไฟ LED สามารถแสดง Lighting effect ได้ 8 แบบ คือ Static, Breathing, Colorful, Single Waves, Ripple Waves, Colorful Flow, Colorful Ripples และ Flowing Waves ครับ (แต่การเปิดใช้ Lighting effect จะทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น)

และชื่อก็บอกแล้วใช่ไหมครับว่ามันคือ Touch volume control มันก็คือตัวปรับระดับความดังของเสียงลำโพงของ Soundbar ด้วยการสัมผัสเลยครับ สามารถแตะตรงนี้ทีนึง แล้วมันก็จะแสดงระดับความดังของเสียงเป็นแถบสีขาวขึ้นมาครับ เราอยากได้เสียงดังค่อยแค่ไหน ก็แตะเลื่อนเอาได้ตามสะดวกเลย

ได้เวลาเล่าประสบการณ์การใช้งาน HUAWEI MateView GT บ้างล่ะ
การเปิดหน้าจอ ก็แค่กดปุ่มควบคุม 5 ทิศทางครับ และหากต้องการปิดจอ ก็แค่กดปุ่มเดียวกันนี้ค้างไว้ 3 วินาทีครับ มันจะปิดทั้งจอและ Soundbar พร้อมๆ กันเลย

การตั้งค่าหน้าจอ HUAWEI MateView GT ทำได้ไม่ยากครับ มันมีปุ่มควบคุม 5 ทิศทางอยู่ตรงด้านล่างของหน้าจอ ซึ่งเอาไว้ใช้ตั้งค่าสี ความสว่าง การแสดงผลภาพ ฯลฯ ใช้งานค่อนข้างสะดวก เราสามารถเลือก Lighting effect สำหรับ Soundbar ได้จากเมนูนี้ด้วยเช่นกัน

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ถ้าอยากจะใช้งาน HUAWEI MateView GT ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด ก็ควรจะเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต DP หรือ USB-C นะครับ เพราะข้อจำกัดด้านแบนด์วิธของ HDMI2.0 มันจะทำให้รีเฟรชเรตจำกัดอยู่ที่ 100Hz เท่านั้นครับ นอกจากนี้ ตัวฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ของคุณ ก็ควรจะต้องรองรับการแสดงผลที่รีเฟรชเรตสูงด้วย
การมีรีเฟรชเรตที่สูงระดับ 165Hz เนี่ยมันให้ประโยชน์อย่างมากเวลาที่เราเล่นเกมที่มีแอ็กชันเร็วๆ เยอะๆ ครับ เช่น เกมขับรถแข่ง หรือเกมเครื่องบิน อะไรพวกนี้ นอกจากนี้ตัวจอแสดงผลยังรองรับมาตรฐาน HDR10 และมี Contrast ratio สูงถึง 4,000:1 การจะนำมาดูหนัง หรือเล่นเกมที่รองรับการแสดงผลแบบ HDR ก็จะทำให้ได้ภาพที่สว่าง มีความสด สมจริงมากขึ้นด้วย
รีเฟรชเรตสูงๆ มีผลอย่างไรต่อการเล่นเกม ผมแนะนำให้ดูวิดีโอด้านบนครับ ตอนท้ายๆ จะมีการให้ดูอนิเมชันของเกมที่เล่นบนจอแสดงผลที่มีรีเฟรชเรตแตกต่างกันไป โดยเริ่มจาก 60Hz, 120Hz, 144Hz และ 240Hz ครับ

นอกจากนี้ HUAWEI MateView GT ยังมีฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมอยู่ด้วยในการตั้งค่า GamingVision > Game assist ซึ่งประกอบไปด้วย
• Dark field control ที่เอาไว้ช่วยเร่งความสว่างของบริเวณที่มืดของหน้าจอขึ้นมาอีกนิด เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ช่วยให้เรามีโอกาสเห็นคู่ต่อสู้ในมุมมืดได้ดีขึ้น สำหรับเกมแนว FPS ค่อนข้างเหมาะ
• Refresh rate เอาไว้แสดงรีเฟรชเรตของการแสดงผล ณ ขณะนั้นเอาไว้บนหน้าจอ
• Crosshair เอาไว้แสดง “เป้ายิง” ตรงกลางของหน้าจอ หรือตรงส่วนอื่นๆ ของหน้าจอ (สามารถใช้ปุ่มควบคุม 5 ทิศทางปรับตำแหน่งของ Crosshair ได้) ซึ่งจะมีประโยชน์กับเกมแนว FPS ที่มี Crosshair ขนาดเล็ก มองเห็นไม่ค่อยชัด ซึ่งเราสามารถเลือกได้ 5 แบบ เป็นสีแดงหรือสีเขียวก็ได้

บอกได้เลยว่าจอ HUAWEI MateView GT นี่รองรับการเล่นเกมคุณภาพระดับ 3K ได้สบายๆ ครับ และถ้ามีคอมพิวเตอร์ที่การ์ดจอดีๆ สามารถแสดงผลที่รีเฟรชเรตสูงๆ ได้ ก็จะไปได้ถึงระดับ 165Hz เลย ฉะนั้น สัดส่วนการแสดงผล 21:9 นี่ทำให้เราได้เห็นภาพ “ด้านกว้าง” มากขึ้นด้วย และเวลาดูภาพยนตร์ซึ่งถ่ายทำมาสำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ ก็จะได้ภาพแบบเต็มๆ จอด้วย ไม่มีขอบดำเลย

Soundbar ที่มากับ HUAWEI MateView GT บอกเลยว่าจิ๋วแต่แจ๋วมาก ความดังนี่ใช้ได้เลยครับ และคุณภาพเสียงก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว เสียงดังกังวาล แต่ด้วยความที่เป็น Soundbar ขนาดไม่ใหญ่มาก เราก็จะไม่ได้ยินเสียงเบสแบบตึ้บๆ อะไรแบบนี้ จากที่ผมฟังเสียงแล้ว มันดูเหมือนจะจูนออกมาเพื่อใช้สนทนาแบบ Voice chat เวลาเล่นเกม หรือประชุมออนไลน์มากกว่า เพราะจะได้ยินเสียงกลางและสูงค่อนข้างชัด เสียงคนพูดนี่ชัดแจ๋วเลย เวลาฟังเพลงจะรู้สึกได้ว่าเสียงเพลงจะเบากว่าเสียงคนร้อง
แต่ถ้าไม่ซีเรียสอะไรมาก โดยเฉพาะถ้าปกติสิ่งที่เราฟังคือพวกประชุมออนไลน์ หรือดูคลิปบน YouTube ที่พวกคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทำ ผมว่าก็ไม่จำเป็นต้องหาลำโพงมาติดตั้งเสริมครับ แต่ถ้าเกิดอยากจะใช้ลำโพงแยกออกมา จอ HUAWEI MateView GT ก็มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ให้ใช้ต่อกับลำโพงออกมาครับ

ที่จะได้ประโยชน์ที่สุดแบบสุดๆ เลย ก็จะเป็นงานด้านมัลติมีเดียและกราฟิกซะมากกว่าครับ เพราะว่าพื้นที่การแสดงผลจากอัตราส่วน 21:9 เวลาเอามาใช้ตัดต่อวิดีโอก็คือโอเคมากครับ พื้นที่การแสดงผลที่กว้างขึ้น ทำให้เราได้พื้นที่ในการแสดงภาพวิดีโอได้สองจอใหญ่ๆ พร้อมกันเลย และตัว Timeline ของวิดีโอสำหรับตัดต่อก็เห็นได้ยาวขึ้นด้วย โปรแกรมกราฟิกและตกแต่งภาพ ก็จะได้พื้นที่ในการแสดงผลของ Project ที่ทำอยู่มากขึ้น และมีพื้นที่สำหรับการวางพวกกล่องเครื่องมือค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
ใครที่เล่นเกมด้วย ทำงานด้านกราฟิกหรือตัดต่อวิดีโอด้วย HUAWEI MateView GT ค่อนข้างจะตอบโจทย์ทีเดียว

สำหรับการทำงาน หน้าจอแสดงผลแบบ 21:9 ช่วยให้เราสามารถทำงานแบบเปิดสองหน้าต่างโปรแกรมได้ภายในจอเดียว โดยที่ไม่ยังได้พื้นที่ในการใช้งานค่อนข้างโอเคอยู่ครับ การทำงานเอกสารโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ต้องแปลเอกสาร หรือแปลพวกซับไตเติ้ล หน้าจอแบบ 21:9 นี่ตอบโจทย์อย่างมาก
และอย่างที่ผมบอกไปในตอนแรก สำหรับคนทำงานแล้วต้องประชุมออนไลน์ ไมโครโฟนคู่ที่มาพร้อมกับหน้าจอเลย ทำให้เราไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อไมค์มาเพิ่ม ระบบไมค์เป็นแบบรับเสียงได้รอบทิศทาง และมี AI ช่วยในเรื่องของการตัดเสียงรบกวนที่เป็นแบ็กกราวด์ และลดเสียงสะท้อน (Echo) ออกด้วย ในกรณีที่เราประชุมออนไลน์โดยใช้ไมโครโฟนและลำโพงจากตัวจอ HUAWEI MateView GT เอง
ตามสเปกที่เขาว่าไว้คือ สามารถรับเสียงได้จากระยะไกลถึง 4 เมตร ซึ่งเอาจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครใช้งานโดยไปพูดอยู่ไกลขนาดนั้นหรอกนะครับ แต่อาจจะมีความเป็นไปได้ตอนที่เราประชุมอยู่แล้วต้องเดินไปไหนมาไหนบ้าง เช่น เดินไปหยิบน้ำมาดื่ม อะไรแบบนี้ ซึ่งผมก็ลองทดสอบด้วยการพูดแบบระดับเสียงปกติ จากระยะ 70 เซ็นติเมตรจากหน้าจอ แล้วลองพูดไปเดินไปจนถึงระยะราวๆ 4 เมตร ซึ่งแม้เสียงจะเบาลงไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าพอได้ยินครับ ดูผลการทดสอบจากคลิปด้านบน และรบกวนเปิดเสียงดังเต็มๆ หน่อยนะครับ

ไม่เพียงเท่านั้นนะครับ พวกอุปกรณ์จำพวก Mobile device ที่รองรับการเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอกผ่านพอร์ตเช่น HDMI หรือ USB-C อย่างเช่น HUAWEI MatePad Pro 12.6” นี่ก็สามารถมาต่อกับจอ HUAWEI MateView GT นี่ เพื่อให้ได้ขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นแบบนี้ก็ได้ครับ และหากเราต่อคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ตนึง (เช่น HDMI, DP) แล้วต่อพวก Mobile device กับอีกพอร์ตนึง (HDMI, USB-C) ก็จะสามารถสลับใช้งานได้ด้วย โดยแค่เปลี่ยน Soure เท่านั้นเอง
อีกฟีเจอร์นึง ที่ผมเจอในอุปกรณ์ของ HUAWEI บ่อยมาก ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตก็คือโหมด Low blue light (ซึ่งอาจจะเรียกแตกต่างกันออกไปตามอุปกรณ์) มันจะเป็นโหมดที่ตัดเอาแสงสีฟ้าออกจากจอครับ ภาพที่ได้จะเป็นโทนอุ่น ออกเหลืองๆ ขึ้น ซึ่งเอาไว้เวลาที่เราต้องจ้องมองหน้าจอเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะตอนกำลังอ่านเอกสารหรืออ่านข้อมูลจากเว็บไซต์เยอะๆ มันจะช่วยลดอาการเมื่อยลงของดวงตาลงได้ครับ
บทสรุปการรีวิว HUAWEI MateView GT
เป็นมอนิเตอร์ที่เรียกว่าครบเครื่องและจบในตัวเดียวมาก มีไมโครโฟนและลำโพงในตัวเรียบร้อย ไม่ต้องไปหาอะไรเพิ่ม ยกเว้นต้องการความเป็นส่วนตัว ก็อาจจะหาชุดหูฟังมาใช้เสริม นี่ถ้าเกิดมีกล้องเว็บแคมแบบป๊อบอัพมาให้ด้วยนี่จะน่าทึ่งมากๆ ครับ 555 พอร์ตการเชื่อมต่อเรียกว่าพร้อมรองรับทุกอุปกรณ์เลยเหอะ ทั้ง HDMI, DP และ USB-C
ถ้าจะเอามาใช้ เตรียมพื้นที่โต๊ะให้ดีๆ เลยนะครับ เพราะจอ HUAWEI MateView GT นี่ใหญ่โตเอาเรื่องอยู่นะครับ แต่ถ้าหาซื้อมาใช้แล้ว เอามาติดไฟ RGB เพิ่มดีๆ ละก็ โต๊ะทำงานหรือโต๊ะเล่นเกมคงสวยน่าดูเลย
ราคาเปิดตัวแอบถูกกว่าที่คิดนะ (ตอนที่เขาส่งมาให้ผมรีวิวยังไม่บอกราคา ต้องรอเขาประกาศตอนเปิดตัว) คือ 17,990 บาท