เมื่อเดือนที่ผ่านมา ASUS Thailand เขาเปิดตัวคอมพิวเตอร์แบบ All-in-One ตัวล่าสุด ASUS AIO V241EAK โดยมีให้เลือกสองรุ่นคือ BA060T ราคา 17,990 บาท และ BA010TS ราคา 24,990 บาท โดยตั้งใจจับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานตามบ้าน หรือแม้แต่ในออฟฟิศ ที่ต้องการประหยัดเนื้อที่ และต้องการคอมพิวเตอร์สำหรับใช้ทำงานแบบครบเครื่อง จบภายในตัวเดียว และทาง PR เขาก็ติดต่อส่งตัว ASUS AIO V241EAK-BA010TS ซึ่งเป็นตัวท็อปสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมาให้ผมได้ลองใช้ แล้วรีวิวให้ได้อ่านกันครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
ASUS AIO V241EAK-BA010TS ที่รีวิวครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก ASUS Thailand ส่งมาให้ลองใช้ แล้วรีวิวให้ได้อ่านกันครับ และเช่นเคย ทุกอย่างที่เขียนในนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของผม จากการที่ได้ทดลองใช้งานมาแล้ว และแชร์ประสบการณ์ให้ผู้ติดตามเว็บได้อ่านกัน
แพ็กเก็จของ ASUS AIO V241EAK-BA010TS นี่ก็จะประกอบด้วยตัวเครื่อง มีลักษณะเป็นหน้าจอแสดงผลขนาด 23.8 นิ้ว หรือก็ปัดเลขกลมๆ เป็น 24 นิ้วได้นั่นแหละ น้ำหนักของตัวเครื่อง 5.4 กิโลกรัม บอดี้หลักเป็นอลูมิเนียม แต่ด้านหลังนี่เป็นพลาสติก มีปุ่ม Power และพอร์ตต่างๆ อยู่ด้านหลัง ซึ่งประกอบไปด้วยพอร์ต HDMI 1.4 (out), USB 3.2 Gen 1 (5Gbps) จำนวน 4 พอร์ต, พอร์ต HDMI 1.4 (in), พอร์ต RJ45 Gigabit LAN และช่องเสียบสายอะแดปเตอร์ DC โดยใช้อะแดปเตอร์เป็นแบบ 90 วัตต์
ในความเป็น All-in-One นั้น หมายความว่าเราซื้อเครื่องนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะหาอะไรที่เป็นความชอบส่วนตัวแล้วละก็ เราแทบไม่ต้องหาอะไรมาใส่เพิ่ม เพราะมันมีคอมพิวเตอร์มาให้ มีคีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สายมาให้เป็นเซ็ต ทั้งคู่เป็นแบบใส่ถ่าน แล้วใช้ USB Dongle เสียบเอา แล้วก็ยังมีเครื่องอ่านและเขียน DVD มาให้ด้วย ที่ขาดไปก็จะเป็นหูฟังนี่แหละ

เว็บแคมกับไมโครโฟนก็ไม่ต้องซื้อ เพราะมีกล้องเว็บแคมความละเอียดระดับ HD 720p และไมโครโฟนแบบสเตริโอมาให้แล้ว มีไฟ LED สำหรับแสดงสถานะของการใช้งานกล้องด้วย ถ้าเปิดกล้องอยู่ รูเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างกล้องเว็บแคม กับรูไมโครโฟนด้านขวาก็จะมีไฟ LED สีขาวติด

ด้านใต้ของจอเนี่ย จะมีลำโพงแบบสเตริโออยู่ และด้านขวามือของหน้าจอ จะมีพอร์ต USB 2.0 ช่องเสียบสายออดิโอ 3.5 มม. และปุ่มเปิดปิดหน้าจออยู่ด้วย พอร์ต USB 2.0 ตัวนี้แหละ ที่เอาไว้เสียบ USB Dongle ของคีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สายที่แถมมานะครับ จะได้ไม่เปลืองพอร์ต USB 3.2 Gen 1 ที่ให้มา 4 พอร์ต เพราะแบนด์วิธที่ต้องใช้สำหรับคีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สายมันแค่นี้ก็พอแล้ว
ประสบการณ์ในการใช้งาน ASUS AIO V241EAK-BA010TS
ตอนเปิดเครื่องครั้งแรก แอบตกใจว่าทำไมบูตเข้า Windows 10 ไวมาก แล้วก็มาบางอ้อว่าเป็นเพราะเจ้านี่มันมาพร้อมกับ SSD ความจุ 240GB แล้วก็มี ฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กแบบดั้งเดิมมาให้อีก 1TB ด้วย โดยตัว Windows มันถูกติดตั้งลงบน SSD (แหงดิ) ซึ่งให้มาค่อนข้างแบบเร็วนะ ความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 1,777MB/s เขียน 1,034MB/s
ส่วนตัวฮาร์ดดิสก์ที่ให้มา ก็ความเร็วในการอ่านและเขียนใช่ย่อยอยู่นะ 180MB/s กับ 172MB/s ตามลำดับ แต่หลักๆ แล้ว มันใช้แนวคิด ลง OS และโปรแกรมต่างๆ ก็ให้ลงบน SSD ที่มีความเร็วสูง ส่วนพวกไฟล์เนื้อหาต่างๆ ไฟล์รูป เพลง วิดีโอ รวมถึงพวกเกม ก็ไปลงในฮาร์ดดิสก์ไป
แต่แนวคิดแบบเนี้ย มันจะมีปัญหานิดนึงตรงที่พวกโฟลเดอร์อย่าง Documents, Pictures, Video หรือ Downloads ที่คนชอบใช้เก็บข้อมูลกัน มันจะอยู่บนไดร์ฟที่เป็น SSD ฮะ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหานะ เพราะจริงๆ มันย้ายที่ได้ครับ

คือ เราต้องไปคลิกขวาที่โฟลเดอร์จำพวก Documents, Pictures, Videos, Downloads พวกเนี้ย แล้วเลือก Properties แล้วไปดูที่แท็บ Location จะเห็นว่าเราสามารถเปลี่ยนที่ได้ด้วยการคลิกปุ่ม Move แล้วก็ Browse ไปที่โฟลเดอร์ที่เราต้องการ ซึ่งควรจะไปอยู่ไดร์ฟ D ที่เป็นฮาร์ดดิสก์ปกติ ข้อมูลจะได้ไม่ไปบวกบน SSD เกินไป
ในเรื่องของประสิทธิภาพ ด้วยสเปก Intel® Core™ i5 1135G7 ที่เป็นหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 11 ของ Intel ที่มาพร้อมกับ CPU Intel Iris Xe และหน่วยความจำ 8GB ถือว่าถ้าจะเอามาใช้ทำงานเอกสาร ฟังเพลง หรือดูหนัง สบายมาก เพราะชิปกราฟิกตัวล่าสุดนี่ สามารถรองรับการเล่นวิดีโอความละเอียดสูงสุดได้ถึง 8K เลยทีเดียว แต่หน้าจอแสดงผล 23.8 นิ้วนี่ ความละเอียดแค่ Full HD 1920×1080 พิกเซล แบบ IPS ให้มุมมองกว้าง 178 องศา ฉะนั้นไม่ต้องซีเรียสมากขนาดไปหาวิดีโอ 8K มาดูหรอกนะ

ลองทดสอบด้วยโปรแกรม Benchmark ของ Final Fantasy XV ดู ลองหลายๆ แบบแล้ว พบว่า ถ้าตั้งไปที่ความละเอียด HD 720p กับ Lite Quality แล้ว อยู่ในเกณฑ์ที่พอจะภาพไหลลื่นอยู่ แต่ด้วยความที่หน้าจอมันใหญ่อะครับ พอความละเอียดมันต่ำ ผลก็คือเห็นเลยว่ากราฟิกมันดูแตกๆ ฮะ ไม่คม
แต่ถ้าเราไปเล่นเกมอื่น ที่เป็นเกมยอดนิยมสำหรับหลายๆ คน เช่น Fortnite, PUBG อะไรพวกนี้ ก็ยังพอเล่นที่ 1080p ได้นะ เพียงแต่ว่าเฟรมเรตมันอาจจะอยู่แค่ที่ 40-50fps เป็นอย่างมาก (ซึ่งตัว ASUS AIO V241EA-BA010TS ตัวนี้อาจทำไม่ได้ขนาดนั้นด้วย เพราะสเปกด้อยกว่าเครื่องทดสอบของทาง Intel) แต่เกมอย่างพวก GTAV, Dota2, CS:GO อะไรพวกนี้ เฟรมเรตจะได้ค่อนข้างดี
เท่าที่ผมลองหาข้อมูลมา Intel Iris Xe Graphics นี่ ประสิทธิภาพดูจะดีกว่า nVidia GeForce MX250 ครับ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจไหมอะ เพราะ GeForce MX250 นี่ออกมาเกือบสองปีแล้ว แต่ Intel Iris Xe Graphics นี่เพิ่งออกมาหมาดๆ มาก แต่ถ้าใครคุ้นเคยว่า GeForce MX250 เล่นเกมอะไรได้ดีบ้าง ก็น่าจะเข้าใจได้ว่า Intel Iris Xe Graphics ก็น่าจะเล่นได้เนียนกว่า

โดยภาพรวมแล้ว ผมว่าขนาดหน้าจอใหญ่เบิ้มดี ลำโพงก็เสียงดังดี คุณภาพพอใช้ได้อยู่แล้ว มีเว็บแคมในตัว ที่แม้ว่าจะความละเอียดแค่ระดับ 720p แต่มันก็เพียงพอสำหรับการประชุมออนไลน์แล้ว แต่ใครคิดจะทำ Live ไม่พอนะครับ คุณภาพกล้องมันต่ำไปเยอะ เพราะความละเอียดของเซ็นเซอร์ มันแค่ 720p ที่แท้ทรู ไม่ใช่ความละเอียดสูงแล้วค่อยมาบีบลง

ตัวหน้าจอของ ASUS AIO V241EA-BA010TS มีพอร์ต HDMI out ด้วย ฉะนั้นก็จะสามารถต่อจอเสริมได้ เผื่อใครอยากทำงานแบบสองหน้าจอ แต่มันรองรับแค่ HDMI 1.4 ซึ่งรองรับความละเอียดระดับ 4K ที่ 30fps ครับ แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการดูหนังแล้วล่ะ ถ้าอยากออกจอใหญ่ ส่วนเล่นเกมไม่ต้องพูดถึง ด้วยสเปกของชิปกราฟิก มันควรใช้กับความละเอียดไม่เกิน 1080p อยู่แล้ว
แต่มันก็มีพอร์ต HDMI in ด้วยเช่นกัน เป็น HDMI 1.4 ทำให้เจ้านี่ทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลได้ในตัวด้วย ซึ่งทำให้มี Use case เพิ่มได้ เช่น ผู้ใช้งานในออฟฟิศ หรือ ตามบ้าน ที่คุ้นชินกับการหาพวกโน้ตบุ๊ก หรือ สมาร์ทโฟน มาเสียบกับ Docking แล้วแสดงผลภาพออกจอ ก็สามารถทำได้ หรือผู้ใช้งานตามบ้าน หรือ นักเรียนนักศึกษาที่อยู่ตามหอ ไม่มีพื้นที่สำหรับทีวี ก็สามารถใช้เจ้า ASUS AIO V241EA-BA010TS ตัวนี้ มาใช้เป็นจอแสดงผล เอาพวก Internet TV box มาเสียบ เพื่อใช้แทนทีวีก็ได้เช่นกัน
จอแสดงผลมีดีไซน์แบบ NanoEdge มีขอบจอที่เล็กมาก ทำให้ขนาดของหน้าจอไม่ใหญ่เวอร์วัง แม้ว่าจะมีขนาดจอแสดงผล 23.8 นิ้ว ดูดีงามมาก
สิ่งที่ผมไม่ค่อยถูกใจเกี่ยวกับเจ้านี่ น่าจะเป็นเรื่องของคีย์บอร์ด ที่พิมพ์ไม่มันเลยอะ ตัวปุ่มมันวาง Layout ได้ดีอยู่นะ แต่ว่าพิมพ์แล้วมันไม่ดึ๋งๆ เท่าไหร่ ไม่รู้สึก พูดไม่ถูก 555 ถ้าผมจะซื้อมาใช้เอง ผมคงจะหา USB Hub มาเสียบกับพอร์ต USB 2.0 เพื่อเอา Mechanical keyboard กับ เมาส์ที่ผมถูกใจ (ผมใช้ Microsoft Sculpt Ergonomic Mouse) มาใส่แทน
แต่ในขณะเดียวกัน ดีไซน์ของคีย์บอร์ดไร้สายและเมาส์ไร้สายของเจ้านี่ มันเข้ากันดีกับดีไซน์ตัวเครื่องมาก และมีขนาดกะทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการวางอย่างมาก แต่แอบเสียดายตรงที่ตัวไดร์ฟ DVD แบบ Externa ที่แถมมาให้ ดันเป็นสีดำนี่สิ ดูไม่เข้ากันซักเท่าไหร่ … แต่เดี๋ยวนี้ก็คงไม่ค่อยมีใครใช้ DVD กันแล้วไหมอะ (ผมนี่จำครั้งสุดท้ายที่เอาแผ่น DVD ใส่เข้าเครื่องอ่านไม่ได้)
บทสรุปการรีวิว ASUS AIO V241EA-BA010TS
สนนราคา 24,990 บาท แลกกับคอมพิวเตอร์เครื่องนึง ที่สเปกเป็น Core i5 รุ่น 11 ของ Intel ที่มาพร้อมกับแรม 8GB และ SSD 240GB บวกกับฮาร์ดดิสก์ 1TB มีครบทุกอย่างแบบไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม อยู่ในราคาที่ค่อนข้างโอเคนะ ถ้าเทียบกับสเปกคล้ายๆ กันกับแบรนด์อื่นๆ
จุดขายจริงๆ คือ ความที่เป็น All-in-One จึงเหมาะกับคนที่คิดว่า สเปกเท่านี้คือจบแล้ว ไม่ได้ต้องการเผื่อไว้อัปเกรดเพิ่มเติมซักเท่าไหร่นะครับ อย่างที่ผมบอก ในออฟฟิศที่ต้องการเซฟพื้นที่ หรือจุดขายของพวก POS (Point of Sale) หรือนักเรียนนักศึกษาที่อยู่หอ ต้องประหยัดพื้นที่ในการวางของ น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของ All-in-One แบบนี้ครับ