เมื่อสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต สามารถผลิตคอนเทนต์ขนาดใหญ่ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ที่นับวันก็มีขนาดของไฟล์ใหญ่ขึ้นด้วย (ลองนึกถึงสมาร์ทโฟนสมัยนี้ที่ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps หรือ 8K 24fps ได้ดูนะครับ) ต่อให้ความจุของตัวอุปกรณ์จะเพิ่มขึ้น แต่บ่อยครั้งมันก็ไม่พอ เราก็ต้องหาแกดเจ็ตที่จะมาช่วยถ่ายโอนข้อมูลใหญ่ๆ พวกนั้นออกมาได้สะดวกๆ และพกพาไม่ลำบาก ถูกแมะ และนี่แหละ บทบาทของ SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB ที่จะรีวิวในวันนี้ล่ะ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB ที่รีวิวนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก WD Thailand ให้มาทดสอบและใช้งาน เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ให้ทุกท่านได้อ่านกัน เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการซื้อครับ
ตัว SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB เป็นแฟลชไดร์ฟในตระกูล Dual Drive Luxe ครับ คือ มีลักษณะเป็นแฟลชไดร์ฟแบบ USB Type-C ที่สามารถหมุนหัวเป็น USB-A ได้ด้วย ทำให้มันรองรับทั้งอุปกรณ์พวกคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กที่ยังใช้พอร์ต USB แบบเดิมๆ และอุปกรณ์ใหม่ๆ ทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่ใช้พอร์ต USB-C กันแล้ว ความเป็นรุ่น Luxe คือ ตัววัสดุที่ใช้ทำแฟลชไดร์ฟ จะเป็นโลหะ ที่มีความสวยงาม และทนทานกว่ารุ่น Go ที่เป็นพลาสติก
ด้วยความที่เป็นแฟลชไดร์ฟ เจ้านี่เลยมีน้ำหนักแค่ 20 กรัม และขนาดที่เล็กมาก คือ 44 มม. × 12 มม. × 9 มม. เท่านั้นเอง พกพาสะดวกมาก แต่ต้องระวังทำหล่นหายนะครับ เล็กเกิ๊น 555 มีการเจาะทำรูไว้ตรงด้านท้าย เผื่อใครอยากพกแบบเกร๋ๆ ด้วยการห้อยแบบพวงกุญแจ หรือห้อยกับสมาร์ทโฟน อะไรแบบนี้ (เคสสมาร์ทโฟนหลายๆ อันมีที่สำหรับร้อยสายคล้องนิ)
ตามสเปกแล้ว SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB ตัวนี้ มีความเร็วในการอ่านสูงสุด 150MB/s เขาว่าแบบนั้น แต่ไม่ได้มีการระบุว่ามีความเร็วในการเขียนข้อมูลไว้เท่าไหร่ ดูจากความเร็วแล้ว ก็คือใช้มาตรฐาน USB 3.2 Gen 1 (หรือบางที่เรียก USB 3.1 Gen 1) หรือ 5Gbps นั่นเอง ฉะนั้นโดยหลักแล้ว โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ส่วนใหญ่ น่าจะใช้งานได้เต็มสปีดแหละ
ซึ่งผลการทดสอบด้วยโปรแกรม CrystalDiskMark 8.0.1 x64 (UWP) นั้นออกมาว่า ความเร็วในการอ่านสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 147.53MB/s หรือใกล้ๆ กับสเปก 150MB/s ที่ระบุไว้ ส่วนความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 52.76MB/s หรือถ้าให้ผมประเมิน ความเร็วในการเขียนข้อมูลก็จะอยู่ที่ 50MB/s นั่นแหละ
ในแง่ของความเร็วในการอ่านข้อมูล ถือว่าไม่แพ้พวกฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนละ แต่ความเร็วในการเขียนข้อมูล แอบน่าเสียดายหน่อย จริงๆ เขาน่าจะให้เป็น 100MB/s อย่างต่ำ
การใช้งาน SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB ร่วมกับพวกสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนั้น สามารถใช้แบบปกติ คิดซะว่าเป็น External drive เปิดด้วยโปรแกรมจำพวก File manager ของ iOS หรือ Android ได้เลย หรือจะใช้คู่กับแอป SanDisk Memory Zone ก็ได้ ซึ่งแอปนี้จะให้เราสามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ไปยังพวก Cloud storage ต่างๆ หรือ กับตัว Storage ของ SanDisk ได้ นอกจากนี้ มันก็มีปุ่ม Backup ให้ใช้งาน แตะทีเดียว แบ็กอัปข้อมูลที่เราต้องการไปเก็บไว้บบนแฟลชไดร์ฟได้เลย สะดวกดีครับ
ความเจ๋งของ SanDisk Memory Zone คือ พอทำแบ็กอัปแล้ว มันจะมีการสร้างไฟล์ .txt เอาไว้ทำ Backup mapping ด้วย เพื่อจำเอาไว้ว่าไฟล์ไหนถูกแบ็กอัปไปแล้วบ้าง เพราะในกรณีที่เราแบ็กอัปไปแล้ว แต่ไม่ได้ลบไฟล์ต้นฉบับออก เวลาเรามาแบ็กอัปอีกที จะได้ไม่แบ็กอัปไฟล์เดิมซ้ำให้เสียเวลา
SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB เหมาะกับใคร?
สำหรับการใช้งานนั้น ผมว่า SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C นี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์จำพวกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต หรือต้องการหาวิธีแบ็กอัปข้อมูลจากอุปกรณ์พวกนี้ แบบง่ายๆ พกพาสะดวก แบบคนที่ชอบถ่ายรูปเยอะๆ หรือ เหล่า Vlogger ที่ใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายวิดีโอ แต่ตัดต่อวิดีโอบนคอมพิวเตอร์ อยากได้อุปกรณ์ไว้สำหรับถ่ายโอนข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตไปยังคอมพิวเตอร์สะดวกๆ นี่เหมาะมาก
อย่างที่ผมได้บอกตอนต้นไปแล้ว พวกสมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงๆ ได้มากขึ้น และดีขึ้นมากๆ บางยี่ห้อบางรุ่น มีโหมดกันสั่นในตัว ที่มีประสิทธิภาพดีพอสมควรเลย ขนาดของสมาร์ทโฟนก็พกพาสะดวก จึงกลายเป็นตัวเลือกของใครต่อใครที่ทำงานสาย Vlog อยู่ไม่น้อย แต่ไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงๆ มันก็มีขนาดใหญ่ตามไปด้วยนะครับ ผมลองใช้ Samsung Galaxy Z Gold 2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps ดู 1 นาทีกินเนื้อที่ไป 523.98MB หรือปัดกลมๆ ก็ 520MB ละกัน นั่นหมายความว่า หากผมถ่ายซัก 10 นาที ก็คือ 5GB โดยประมาณ นี่ยังไม่นับในกรณีที่ถ่ายเป็นฟุตเทจย่อยๆ หรือถ่ายซ่อมอีกนะ แล้วสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงหลายตัว ก็เลือกที่จะไม่รองรับ MicroSD card กันซะแล้ว หรือถ้าจะรองรับ ก็ต้องแลกกับการใส่ได้ซิมเดียว ฉะนั้น การหาอุปกรณ์มาช่วยแบ็กอัปข้อมูลออก ก็เป็นสิ่งจำเป็น และควรจะมีความจุสูงๆ ด้วย นี่แหละที่ SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB จะมาตอบโจทย์
ข้อจำกัดของ SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB
ผมว่าความเร็วในการเขียนข้อมูลที่ 50MB/s คือข้อจำกัดของแฟลชไดร์ฟตัวนี้ ผมอยากให้มีความเร็วซัก 100MB/s เป็นอย่างต่ำ เพราะความเร็วแค่ 50MB/s นั้น ถ้าต้องก๊อปปี้ไฟล์ขนาดใหญ่มากๆ จริง แบบระดับ 50GB นี่ จะใช้เวลาเกือบ 20 นาทีเลย ถ้าเพิ่มความเร็วเป็น 100MB/s จะทำให้ระยะเวลาที่เราต้องรอลดลงไปเท่าตัวเลยทีเดียว และอยู่ในระยะเวลาที่พอจะรับได้ ผมว่านี่เป็นข้อติข้อเดียวของ SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB เลย
บทสรุปการรีวิว SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB
เป็นแฟลชไดร์ฟที่มีอรรถประโยชน์ดีครับ พกแล้วบอกตรงๆ ว่ารู้สึกเหมือนพกฮาร์ดดิสก์ขนาด 1TB ติดตัว แต่ในขนาดและน้ำหนักที่แทบไม่รู้สึกเลยว่าได้พกอะไรเพิ่มเข้ามา แถมแฟลชไดร์ฟอันเดียว ใช้ได้ทั้งกับโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตอีก คุ้มมาก เพราะแม้ผมจะไม่ได้เป็น Vlogger ที่ต้องทำงานตัดต่อวิดีโอ แต่ด้วยหน้าที่การงาน ผมก็ต้องมีการเอาไฟล์วิดีโอจากสมาร์ทโฟนลงคอมพิวเตอร์บ้างละ เอาไฟล์ต่างๆ จากคอมพิวเตอร์ไปใส่ในสมาร์ทโฟนผมบ้างละ เจ้านี่อำนวยความสะดวกได้มากจริงๆ (ก่อนหน้านี้ผมมี SanDisk Ultra Dual Drive Go USB Type-C 256GB แล้ว แต่ความจุก็ยังไม่พอไง) แอป SanDisk Memory Zone ช่วยได้มากในเรื่องการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ เพราะ Android smartphone บางยี่ห้อ บางรุ่น มันก็ไม่ได้มีโปรแกรม File Manager ดีๆ มาให้ แถม SanDisk Memory Zone ยังมีฟีเจอร์การแบ็กอัปที่โอเคอีกตะหาก นี่ถ้าเกิด SanDisk เขาเพิ่มความเร็วในการเขียนข้อมูลให้เร็วขึ้นเป็น 100MB/s หรือเร็วกว่านั้นได้อีก จะยิ่งดีมาก
อย่างไรก็ดี ราคาของ SanDisk Ultra Dual Drive Luxe USB Type-C 1TB ก็ยังถือว่าแรงอยู่นะครับ คือ 4,850 บาท (อ้างอิงราคาของ J.I.B. ณ วันเวลาที่เขียนรีวิวนี้) ถ้าใครไม่ได้ต้องการความจุมากขนาดนั้น ก็หาความจุที่น้อยลงมาได้ครับ มีให้เลือกตั้งแต่ 32GB, 128GB, 256GB, 512GB ก็มีให้เลือก
