เผลอแป๊บเดียวนี่ก็ผ่านไปสี่ปีแล้วนะ นับตั้งแต่ผมขี่สกู๊ตเตอร์เป็นครั้งแรก Ninebot Kickscooter ES2 เป็นรุ่นที่สองที่ผมได้ขี่ และภายหลังผมก็ติดแบตเตอรี่เสริม กลายเป็น ES4 ไป แต่แค่ปลายปีผมก็ไปถอย Ninebot Kickscooter MAX มาอีก เพราะติดใจในการใช้งานเป็นยานพาหนะเพื่อเดินทางไปกลับระหว่างบ้านและที่ทำงาน และปี 2563 ที่ผ่านมา เขาก็ออกรุ่น Ninebot Kickscooter E25 มา ซึ่งเป็นการพัฒนามาจากรุ่น ES2 ครับ ซึ่งถ้าติดแบตเตอรี่เสริมเข้าไปก็จะเรียกเป็นรุ่น E45 ไป แต่ในประเทศไทย บริษัท เมคไอโอ จำกัด ตัวแทนจำหน่าย เขานำเฉพาะรุ่น E25 มาครับ และก่อนที่ผมจะรีวิวแบบเต็มๆ ให้ได้อ่านกัน ขอเอามาเทียบให้ดูกันก่อนว่า E25 มันต่างจาก ES2/ES4 ยังไงบ้าง
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
Ninebot Kickscooter ES4 ที่เห็นในรีวิวนี้เป็นของผมเองครับ ส่วน Ninebot Kickscooter E25 ที่พูดถึงในรีวิวนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก บริษัท เมคไอโอ จำกัด ให้ยืมมาทดลองใช้ครับ
ขอเริ่มจากสิ่งที่ ES2 และ ES25 มีเหมือนๆ กันก่อน
ในแง่ของรูปแบบสกู๊ตเตอร์ ES2 และ ES25 มีดีไซน์เหมือนๆ กันครับ คือเป็นแบบพับโดนใช้เท้าไปเหยียบตัวสลัก พอพับคอลงมาแล้ว มันก็จะมีตัวเกี่ยวไปล็อกกับบังโคลนที่ด้านหลัง สกู๊ตเตอร์ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า อะไรพวกเนี้ย มีเหมือนๆ กันหมด สเปกก็พอๆ กัน คือ กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าก็ 700 วัตต์เหมือนกัน สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 25 กิโลเมตรทั้งคู่ วิ่งได้ไกลสุดตามสเปกก็ 25 กิโลเมตรเช่นกัน

และแน่นอน ทั้ง ES2 และ E25 ต่างก็สามารถอัปเกรดได้ด้วยการติดแบตเตอรี่เสริม ซึ่งถ้าเป็น ES2 แล้ว จะกลายเป็นรุ่น ES4 ไป ส่วน E25 ก็จะกลายเป็นรุ่น E45 การมีแบตเตอรี่เสริม นอกจากจะวิ่งได้ระยะไกลสุดตามสเปกเป็น 45 กิโลเมตรแล้ว ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ก็กลายเป็น 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วย
ความแตกต่างของ Ninebot Kickscooter E25 กับ ES2/ES4 อยู่ที่พัฒนาการด้านการออกแบบ
ถ้าคุณขี่ Ninebot Kickscooter ES2/ES4 อยู่ แล้วเปลี่ยนมา E25 คุณจะรู้สึกได้ว่ารถมันสูงขึ้นพอสมควร นั่นเพราะเขาเปลี่ยนจากยางขาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้วไปเป็น 9 นิ้ว ตัวคอสกู๊ตเตอร์กูเลยดูยาวขึ้นไปด้วย แต่จริงๆ แล้ว คอมันยาวเท่าเดิมนะครับ แฮนด์ยาวขึ้นอีกประมาณ 1 เซ็นติเมตร และมีแถมกระดิ่งมาให้ด้วยนะ (แต่กระดิ่งเป็นแบบถอดออกได้)

สิ่งที่ที่แตกต่างเลยคือน้ำหนัก จากเดิมที่ ES2 หนักประมาณ 12.2 กิโลกรัม ES4 นี่หนัก 14.4 กิโลกรัม เลยนะครับ ส่วนต่าง 2.2 กิโลกรัมเนี่ย แต่ก็ยังถือว่าเบากว่า ES4 หรือ MAX อยู่หลายกิโลกรัม
ฐานที่ยืนของสกู๊ตเตอร์ก็มีการปรับให้ยาวขึ้น มีลักษณะเป็นแนวราบมากขึ้น (ของ ES2/ES4 มันจะมีลักษณะเป็นพื้นเอียงนิดหน่อย) ถ้าถามผมนะ มันพยายามทำแบบเดียวกับ Ninebot Kickscooter MAX ซึ่งทำให้สามารถวางเท้าได้สบายขึ้น และล้อหลังก็มีการเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน เริ่มตั้งแต่บังโคลนที่ออกแบบมาสไตล์เดียวกับ Ninebot Kickscooter MAX เลยครับ งวดนี้ไม่ต้องห่วงเวลาที่ขี่ตะลุยน้ำฝ่าฝนแล้ว น้ำไม่ดีดมาใส่หลังแน่นอน
นอกจากนี้ ตัวล็อกของ Ninebot Kickscooter ES2/ES4 ก็ออกแบบมาค่อนข้างล็อกยากนิดนึง เวลาจะปลดล็อกก็จะยากนิดนึงเช่นกัน มันต้องเอามือดันบังโคลนลงไปเยอะทีเดียว กว่าจะปลดล็อกได้ แต่ E25 นี่แบบว่า เอานิ้วชี้ดันไปที่ไฟท้ายออกแรงกดไปนิดเดียว ก็ปลดล็อกได้แล้ว ง่ายสุดๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเบรกที่มีการเพิ่ม Magnetic brake ให้ที่ล้อหลัง ที่เวลาเราเบรก มันก็จะทำงานควบคู่ไปกับเบรกไฟฟ้า ช่วยลดระยะทางเบรกลงไได้ ยิ่งถ้าผสมผสานกับการเหยียบบังโคลน ที่ทำหน้าที่เป็นเบรกเท้าอีก ยิ่งลดระยะเบรกไปได้มากทีเดียว

แต่ที่เปลี่ยนไปสุดๆ น่าจะเป็นโครงสร้างของล้อ ที่แม้ว่าจะเป็นยางตันแบบเดิม แต่ว่าของ ES2/ES4 นี่เป็นยางตันที่แท้ทรู แต่ E25 นี่จะเป็นแบบสองชั้น ประกอบไปด้วยยางชั้นนอก และชั้นในที่เป็นโฟม PU ที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับตัวล้อ เขาว่าจะขับขี่นุ่มสบายแบบล้อลม แต่ยังได้ความทนทานแบบยางตัน และยางขนาด 9 นิ้วนี่ก็ช่วยให้ตะลุยไปตามพื้นผิวถนนที่มันขรุขระได้ดีขึ้น นิ่มนวลขึ้น

ผมยืมเขามา ฉะนั้นจะพิสูจน์ก็เกรงใจ ไปดูวิดีโอที่ทางตัวแทนจำหน่ายเขาทดสอบเองดีกว่านะ ผมจะสปอยล์ว่าไม่ต้องกลัวครับ เอาสว่านมาขันน็อตยัดใส่ล้อยางตัว ยังไงๆ มันก็ไม่รั่วหรอก
รายละเอียดเล็กน้อยอีกอย่างที่ E25 แตกต่างจาก ES2/ES4 ก็คือเรื่องของดอกยางครับ ES2 เนี่ยมีประเด็นเรื่องดอกยางล้อหน้าสึกค่อนข้างไว โดยเฉพาะถ้าใช้รุ่น ES4 ที่มีแรงบิดสูงขึ้นหลังจากใส่แบตเตอรี่เสริมเข้าไป ใช้ไปประมาณปีเศษๆ เนี่ย จะเห็นเลยครับว่าดอกยางตรงบริเวณกลางล้อมันสึกหลายไปพอดู แต่ดอกยางลายใหม่ของ E25 จะเป็นลักษณะคล้ายๆ กับของ MAX ครับ ดูแล้วจะสึกยากกว่า (จากประสบการณ์การขี่รุ่น MAX มามากกว่า 5,900 กิโลเมตรในปีเศษๆ)

สปอยล์ก่อนรีวิวจริงๆ ผมบอกได้เลยว่าการขี่ E25 นี่นุ่มขึ้นกว่า ES2/ES4 พอสมควรเลย ทั้งนี้เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างยางแบบใหม่ ยางใหญ่ขึ้น พื้นเหยียบที่ยืนสบายขึ้น รวมๆ กันนี่แหละครับ