Home>>รีวิว>>Superman: Red Son (2020) บุรุษเหล็กเผด็จการ โลกจะเป็นยังไง หากซูเปอร์แมนไม่ได้โตในสหรัฐอเมริกา แต่ไปโตที่สหภาพโซเวียตแทน
รีวิว

Superman: Red Son (2020) บุรุษเหล็กเผด็จการ โลกจะเป็นยังไง หากซูเปอร์แมนไม่ได้โตในสหรัฐอเมริกา แต่ไปโตที่สหภาพโซเวียตแทน

หลายคนคงคุ้นหูคุ้นตากับซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย DC Comics คนนี้ บุรษเหล็กซูเปอร์แมน มนุษย์ดาวคริปตันที่มาเติบโตบนโลกมนุษย์ ในเมืองสมมติเล็กๆ ชื่อ สมอลวิลล์ (SmallVille) ในสหรัฐอเมริกา แต่ถ้าเกิดว่ายานอวกาศที่ คาร์ล-เอล โดยสารมาสมัยยังเป็นทารก ไม่ได้ตกลงในสมอลวิลล์ สหรัฐอเมริกา แต่ดันเป็นในเมืองชนบทแห่งหนึ่ง ในสหภาพโซเวียต (ประเทศรัสเซียในสมัยก่อน) ล่ะ? ชะตาของเขา และของโลกในนี้จะเป็นอย่างไร?

ในขณะที่เนื้อเรื่องของซูเปอร์แมนเวอร์ชันภาพยนตร์ ไม่ได้มีการระบุเอาไว้ชัดเจนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นในปีใด แต่ Superman: Red Son นี่มีกำหนดชัดเจนเลยว่าเรื่องเกิดขึ้นในยุค 40s ที่ปี ค.ศ. 1946 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง โลกเข้าสู่ภาวะสงครามเย็น สหรัฐอเมริกา แข่งกับ สหภาพโซเวียต ในการเป็นผู้นำของโลก ซูเปอร์แมนเวอร์ชันโซเวียตนี่มีชื่อสไตล์โซเวียตด้วยนะ ชื่อ โซลนิชกา (солнышко ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า พระอาทิตย์)

โซลนิชกา (ซูเปอร์แมนโซเวียต) ในวัยเด็ก แสดงพลังมหาศาลให้เพื่อนสาว สเว็ตลานา ได้ดู ด้วยการยกรถแทร็กเตอร์คันใหญ่ขึ้นทั้งคัน

เขามีเพื่อนหญิงในวัยเด็กที่มาช่วยเขาตอนถูกรังแกชื่อ สเว็ตลานา แต่จริงๆ แล้ว เฮียเขาก็เฉลยให้กับสเว็ตลานาฟังว่า ที่เขาหนีตอนถูกรังแกไม่ใช่เพราะกลัวเด็กๆ พวกนั้นหรอกนะ แต่เพราะกลัวจะทำร้ายพวกเขาตะหาก ว่าแล้วก็โชว์พาวให้ดูเลย สเว็ตลานา ถึงกับอึ้ง แต่ก็บอกกับ โซลนิชกา ว่าถ้าเขามีพลังขนาดนี้ เขาควรมอบพลังนี้ให้รัฐนะ ประชาชนต้องการนาย

สเว็ตลานา ใช้สองมือจับที่บ่าของ โซลนิชกา จ้องมองมาที่เขา พร้อมพูดว่า นายต้องมอบพลังให้กับรัฐนะ ประชาชนต้องการนาย

จะสังเกตว่าโดยเนื้อแท้ของซูเปอร์แมน เขาก็ยังเป็นคนดี เห็นความสำคัญของชีวิตอยู่ ดูได้จากการที่เขาไม่อยากทำร้ายพวกเด็กๆ ที่มารังแกเขา และเขาก็เชื่อคำพูดของ สเว็ตลานา ที่ใช้พลังเพื่อสหภาพโซเวียต ในเวลา 10 ปีจากนั้น ภายใต้การนำของ โจเซฟ สตาลิน (เป็นคนที่มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์นะ เป็นผู้นำของสหภาพโซเวียตในยุคนั้น เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมวลสหภาพ) เขาได้ใช้พลังเพื่อปกป้องประชาชนของสหภาพโซเวียต และโซเวียตเองก็โฆษณาประชาสัมพันธ์ ซูเปอร์แมนโซเวียต ไปยังสหรัฐอเมริกา

ในยุคสงครามเย็น ที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตยังคงสูสีกันอยู่ การดำรงอยู่ของซูเปอร์แมนก็เลยกลายเป็นภัยคุกคามของอเมริกาไป ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ (ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็คือคนที่มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ยุคนั้น) ก็มอบหมายให้ เล็กซ์ ลูเธอร์ ทำหน้าที่คิดหาวิธีรับมือบุรุษเหล็กแห่งประเทศคอมมิวนิสต์คนนี้

ในเรื่องราว เราจะเห็นว่าตัวละครที่เราคุ้นเคยในซีรี่ส์ซูเปอร์แมนปกติอย่าง เล็กซ์ ลูเธอร์ หรือ โลอิส เลน นี่ก็มีปรากฏตัวใน Superman: Red Son นี้ด้วยนะ แต่ความสัมพันธ์ และอุปนิสัยนี่จะเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ เช่น เล็กซ์ ลูเธอร์ นี่ก็ไม่ใช่อาชญากรอัจฉริยะแล้ว แต่เป็นคนที่ทำงานให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้จะมีวิธีการที่โหดร้ายไปบ้าง แต่มันก็เป็นไปตามสงครามเย็นที่เกิดขึ้น) โลอิส เลน เป็นภรรยาของเล็กซ์ ลูเธอร์ ซะงั้นจ้า

(ซ้าย) โลอิส เลน (ขวา) เล็กซ์ ลูเธอร์ สมัยที่ยังมีผมอยู่

ทว่าความลับที่สตาลินเก็บงำเอาไว้ทำให้ซูเปอร์แมนได้ตระหนักว่าเขาเข้าใจผิดเรื่องอุดมคติของสตาลิน เขาโกรธ ฆ่าสตาลิน และขึ้นครองประเทศสหภาพโซเวียตแทน ซูเปอร์แมนมีอุดมคติ และแนวคิดเรื่องการสร้างสันติให้เกิดขึ้นบนโลกในแบบของเขาเอง แต่มันก็จะแอบดูเป๋ๆ ผิดกับเวอร์ชันที่ซูเปอร์แมนไปโตในสหรัฐอเมริกาอะนะ ผมดูถึงตอนนี้ผมยังรู้สึกว่า เอ๊ะ คนสร้างหนังนี่มันพยายามจะถือหางสหรัฐมากไปไหมอะ ว่าแบบ โลกคงจะดีกว่านี้หากซูเปอร์แมนมาโตในสหรัฐ แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ จะรู้สึกได้ว่าไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียวนะ

ในหนังนี่จะมีตัวละคร DC อื่นๆ มาแจมด้วย เช่น วันเดอร์วูแมน แบทแมน และ กรีน แลนเทิร์น (แต่ กรีน แลนเทิร์น จะมาในแนวที่กองทัพสหรัฐไปเจอยานอวกาศต่างดาว แล้วก็วิจัยเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังและเทคโนโลยีต่างดาว) แถมยังมีมนุษย์ต่างดาวมาจู่โจมโลกอีก

ห้องอาหาร มีโต๊ะอาหารที่ยาวมากๆ ตั้งอยู่ ซูเปอร์แมนนั่งอยู่ทางขวามือ กำลังทานอาหารกับทูตจากประเทศจีนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ

เนื้อเรื่องโดยรวม จะพยายามสื่อให้เห็นว่าซูเปอร์แมนก็ไม่ใช่บุรุษเหล็กผู้สมบูรณ์แบบนะ เขาสามารถเลือกเดินทางผิดได้ ตัดสินใจผิดได้ และเพราะเขามีพลังมหาศาล สิ่งที่เขาทำลงไปก็เลยส่งผลต่อคนจำนวนมากด้วยเช่นกัน เข้าทำนอง Great power comes with great responsibility ประโยคเด็ดจากเรื่อง Spiderman เลย

เรื่องนี้ถ้าดูดีๆ จะรู้สึกได้ว่ามันสอนอะไรหลายๆ อย่างให้กับเรานะ เราได้เห็นด้วยว่า หากชะตามันมีการเปลี่ยนแปลงไปแม้จะเพียงเล็กน้อย ชีวิตของคนเราก็อาจจะเปลี่ยนไปได้มากทีเดียว ซูเปอร์แมนกลายเป็นจอมเผด็จการ ในขณะที่ เล็กซ์ ลูเธอร์ ก็เป็นเสาหลักของสหรัฐอเมริกาไปซะงั้น และไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งจ้า สปอยล์เอาไว้แบบนี้ แค่นี้พอแล้วกัน

ซูเปอร์แมนที่สวมแว่น ใส่เสื้อโค้ตยาว และหมวก สีกากี คล้ายๆ กับ คาล์ก เคนท์ ในซูเปอร์แมนเวอร์ชันปกติ กำลังมองไปที่เวที พร้อมกับยิ้ม

ในฐานะคนที่เติบโตมากับการ์ตูนและภาพยนตร์ซูเปอร์แมน ก็ต้องบอกว่าได้รู้สึกถึงกลิ่นอายใหม่ๆ จาก Superman: Red Son นี้ ขอให้คะแนน 8/10 เลยครับ ชอบมาก

ถ้าอยากดู ไปหาดูได้ทาง Apple TV หรือ Google Movies แล้วแต่ว่าใช้บริการของใครเป็นหลักนะครับ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ผมใช้แค่ดูว่ามีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ผมกี่คน กี่ครั้ง และดูหน้าเว็บไหนบ้าง ถ้าคุณปิดการใช้งาน ผมก็จะไม่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านบล็อกของผมกี่คน กี่ครั้ง
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า