รีวิว Huawei Y7a (2020) สมาร์ทโฟน หกพันบาทแต่ได้กล้อง 48 ล้านพิกเซลเลย

ณ วันที่เขียนบล็อกนี้ Huawei Y7a (2020) ตัวนี้เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้เองนะครับ จุดเด่นสำคัญคือ ด้วยราคาหกพันบาท แต่เราได้สมาร์ทโฟนที่มีความจุ 128GB หน่วยประมวลผล Kirin 710A และมีกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซลด้วย แม้ว่าจะยังไม่ได้ 5G แต่ด้วยสเปกระดับนี้ ก็ดูจะเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจอยู่ มารีวิวดูกันดีกว่าว่าจะน่าสนใจตามสเปกจริงๆ ไหม

ตัวกล่องเครื่องทดสอบที่ผมได้มาเนี่ย ก็มีตัวเครื่อง Huawei Y7a, ที่ชาร์จแบบ SuperCharge ที่จ่ายไฟได้ 5V2A และ 10V2.25A หรือก็คือจ่ายไฟได้ 10 วัตต์ หรือ 22.5 วัตต์, เข็มจิ้มซิม และสายเคเบิ้ล USB-C แต่จริงๆ แล้ว ของที่วางจำหน่ายมันจะมีหูฟัง กับเคสกันรอยให้ด้วยนะ (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บของ Huawei)

หน้าจอแสดงผลของเจ้านี่ขนาด 6.67 นิ้ว อัตราส่วนการแสดงผล 20:9 ความละเอียดของหน้าจอ 2,400×1080 พิกเซล ระดับ FHD+ เทคโนโลยีการแสดงผล IPS LCD มีกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เป็นแบบเจาะรูบนหน้าจออยู่ตรงกลางเลย ขอบหน้าจอถือว่าเล็กมากๆ ได้เห็นหน้าจอแสดงผลค่อนข้างเต็มพื้นที่ทีเดียว

ด้านหลังของตัวเครื่อง เป็นแบบมันวาวเชียว เป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก และตัวกระจกก็เป็นรอยขนแมวได้น่าจะง่าย สังเกตจากเครื่องทดสอบที่ได้มา มีรอยไปเยอะแล้วด้วย แต่มันก็สวยไง คนถึงได้ชอบกันจังไอ้มันๆ วาวๆ เนี่ย 555 กล้องให้มา 4 ตัวเลยจ้า ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล กล้องมุมกว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth sensor อีก 2 ล้านพิกเซล ตรงขอบของตัวเครื่องด้านหลังมีลักษณะโค้งนิดๆ เพื่อให้กระชับกับมือเวลาถือจับ

รอบๆ ตัวเครื่อง ด้านบนเป็นไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงแบบสเตริโอเวลาถ่ายวิดีโอ ด้านล่างมีทั้งไมโครโฟนสำหรับสนทนาและบันทึกเสียงสเตริโอเวลาถ่ายวิดีโอ พอร์ต USB-C สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และชาร์จแบตเตอรี่ ลำโพง และช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม.

ส่วนด้านซ้ายเป็นถาดใส่ซิมแบบนาโนซิม ใส่ได้สองอันพร้อมกัน และยังมีสล็อตเหลือให้ใส่ MicroSD card ได้อีก ถือว่าออกแบบพื้นที่มาได้ดี ส่วนด้านขวามีปุ่ม Volume และปุ่ม Power ที่ออกแบบมาให้เป็นตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย ดีไซน์มีการทำให้บุ๋มลงมาเล็กน้อย เพื่อให้คลำหาและสแกนนิ้วมือได้สะดวกขึ้น เดี๋ยวนี้ดีไซน์แบบนี้พบเห็นบ่อยขึ้นเวลาที่เขาใช้ปุ่ม Power ด้านข้างเป็นตัวสแกนลายนิ้วมือ

ประสบการณ์ในการใช้งาน Huawei Y7a (2020)

Huawei Y7a ใช้หน่วยประมวลผล Kirin 710A ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Qualcomm Snapdragon 710 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตประสิทธิภาพระดับกลางประมาณเมื่อสองปีที่แล้ว ให้ความจุมา 128GB และมีประสิทธิภาพในการเขียนและอ่านที่เร็วพอประมาณ คือ อ่าน 165MB/s เขียน 188MB/s แต่น่าเสียดายตรงที่ให้แรมมาแค่ 4GB เท่านั้น คือแค่เปิดเครื่องมาเฉยๆ ยังไม่ทันรันแอปอะไร ก็ซัดแรมไปประมาณ 1.75GB แล้วอะ เจ้านี่น่าจะมีปัญหาในการเปิดแอปรันในแบ็กกราวด์หลายๆ แอปพร้อมๆ กัน หรือถ้าเจอแอปอะไรกินแรมเยอะๆ ก็มีปัญหาเช่นกัน

ตัวสมาร์ทโฟนมีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ ด้วยหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว การใช้งานด้วยมือข้างเดียว ขนาดผมที่เป็นคนที่มือค่อนข้างใหญ่ยังต้องเอื้อมประมาณนึงเลย เหมาะกับการใช้งาน 2 มือมากกว่า จอ IPS LCD ให้ความสว่างประมาณนึง แต่ที่ผมชอบคือฟีเจอร์ Eye Comfort ที่จะลดแสงสีฟ้าของหน้าจอลง ซึ่งเราสามารถเลือกปรับได้ว่าจะให้ลดความเข้มของแสงสีฟ้าลงมากน้อยแค่ไหน แต่นั่นจะทำให้จอดูเหลืองมากขึ้น แต่มันจะดูนวลตาเวลาอยู่ในที่ที่แสงน้อย หรือมืด แล้วก็โหมด eBook ที่เปลี่ยนการแสดงผลเป็นสีขาว-ดำ และตัดแสงสีฟ้าออกไปด้วย เหมาะกับการอ่านพวกข้อความเยอะๆ เป็นอย่างยิ่ง

การใช้งานไม่ได้ช้าไม่ได้หน่วงมาก เพราะ Storage ความเร็วประมาณนึง ซึ่งไม่ได้แย่อะไร แน่นอนว่ายังมีติดขัดเรื่องที่ยังไม่มี Google Mobile Services (GMS) ซะที แต่อาจจะมีข่าวดีขึ้นก็ได้ เพราะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่น่าจะเป็น โจ ไบเดน แล้วล่ะ แต่ถึงจะยังไม่มี GMS มันก็ยังพอจะใช้งานทั่วไปได้เพราะแอปจำนวนไม่น้อยก็มีให้ดาวน์โหลดบน App Gallery ของ Huawei แล้ว และ 3^rd party store อย่าง APKPURE ก็ทำให้เรามีแอปส่วนใหญ่พร้อมใช้ได้ (อ่านรายละเอียดในบล็อกของผม ที่พูดถึงเรื่องการที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ Huawei ไม่มี GMS ว่าจะเดือดร้อนแค่ไหน)

เกมที่ฮิตๆ กันในไทยอย่าง Free Fire, Mobile Legend, Honkai Impact, Laplace M อะไรพวกนี้ มีให้โหลดบน App Gallery แต่พวกเกมอื่นๆ ลองไปหาดูจากพวก 3^rd party store ดูได้ครับ ส่วนลำโพงให้เสียงย่านกลางประมาณนึง แต่ดูจะเน้นไปที่เสียงย่านสูงพอสมควร รู้สึกได้ตอนที่เปิดเสียงลำโพงให้ดังจนสุด เสียงแสบหูเอาเรื่อง และแน่นอน ลำโพงของสมาร์ทโฟนไม่ค่อยมียี่ห้อไหนออกเสียงย่านต่ำได้ตึบๆ หรอก และเสียดายที่เขาไม่ได้มีหูฟังให้มาในกล่องของเครื่องทดสอบด้วย

แบตเตอรี่ให้มาเยอะโฮกมาก คือ 5,000mAh ด้วยสเปกที่ไม่ได้สูงมาก ไม่ได้มี 5G ด้วย (จะเอาอะไรมากกับสมาร์ทโฟนราคาหกพัน) ถ้าไม่ค่อยได้ใช้เนี่ย อยู่ได้ 2-3 วันสบายๆ ครับ แต่ถ้าต้องใช้งาน เล่นเน็ตโน่นนี่นั่น เรื่อยๆ ตามสไตล์ของเราเอง น่าจะรอด 8 ชั่วโมงได้อยู่ กลับบ้านมาค่อยชาร์จอะไรแบบนี้ และจึงไม่แปลกที่ Huawei น่าจะใช้ที่ชาร์จรองรับ SuperCharge มาด้วย เพื่อจะได้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เสร็จไวๆ

กล้องถ่ายรูปของ Huawei Y7a (2020) เป็นยังไงบ้าง

ซอฟต์แวร์กล้องของ Huawei Y7a (2020) ใช้งานง่าย รองรับ AI ที่จะช่วยตรวจจับลักษณะของภาพ เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะสม แต่ด้วยประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลที่ไม่ได้สูงมาก ทำใจนิดนึงว่ากว่ามันจะ Detect scene ได้นะ เซ็นเซอร์ภาพ 48 ล้านพิกเซล ถ้าไม่ไปถ่ายโหมด High-res ละก็ ภาพจะโดนปรับขนาดลงมาที่ 12 ล้านพิกเซลครับ ส่วนเลนส์มุมกว้างพิเศษจะมีขนาดภาพที่ 8 ล้านพิกเซล

ภาพที่ได้ ก็ตามรูปด้านล่างนี่แหละครับ ภาพที่ได้จากกล้องหลัก 12 ล้านพิกเซลถือว่าโอเคอยู่ แต่ภาพมุมกว้างพิเศษนี่น่าเสียดายที่ความละเอียดมันแค่ 12 ล้านพิกเซล แล้วมันก็จับโฟกัสได้ไม่แม่นมาก ถ้าเราต้องการถ่ายวัตถุที่เล็กๆ โอกาสที่วัตถุนั้นจะหลุดโฟกัสได้

กล้องหน้าของ Huawei Y7a ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผมก็แอบเสียดายนะ ถ้ากล้องหน้าซัก 12 ล้านพิกเซลก็น่าจะยังดี 8 ล้านพิกเซลเดี๋ยวนี้มันแอบดูน้อยไปหน่อย พวกสมาร์ทโฟนรุ่นกลางๆ ไปจนถึงไฮเอนด์เขาวิ่งไป 12-32 ล้านพิกเซลกันแล้ว ถ้า Huawei อยากเด่นเรื่องการเป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่แพง แต่กล้องเวิร์กมาก อะไรแบบนี้ ก็น่าจะจัดกล้องหน้าซัก 12 ล้านพิกเซลซะหน่อย

ผมตั้งข้อสังเกตว่าพอแสงมันน้อย ซอฟต์แวร์ของ Huawei มันจะพยายามทำภาพให้สว่างเวอร์วังเอาไว้ จนบางทีก็เสียรายละเอียดของภาพไป บางจังหวะก็ขาวเวอร์ไปนิด สีเพี้ยนไป

บทสรุปการรีวิว Huawei Y7a (2020)

ถ้ามองว่าค่าตัวมันคือ 6,000 บาท ก็ต้องบอกว่ายกเว้นเรื่องแรมที่ผมอยากให้มันมีซัก 6GB แล้ว อย่างอื่นก็ถือว่าไม่ติดใจเอาความอะไรครับ รวมถึงกล้องดิจิทัล ที่หากเซ็นเซอร์มีความละเอียดซัก 12 ล้านพิกเซล ทั้งกล้องหน้า กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ ก็จะดีอย่างมาก แต่เจ้านี่ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องที่โอเค เอามาใช้ถ่ายภาพตอนเที่ยวได้สบายๆ อยู่ แต่ก็อย่างเคยครับ ถ้ามันจะติด มันก็ติดตรงที่ไม่มี GMS นี่แหละ