ผมเคยรีวิวรุ่นแรกไปเมื่อสองปีก่อน ตอนไปประชุมที่อเมริกา โชคดีที่ OPPO ยังไม่ลืมกัน ส่งรุ่นสองมาให้รีวิวด้วยนะ ในฐานะคนที่ได้ลองเล่นมาทั้งสองรุ่น ก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในด้านดีไซน์ และสเปก ในรอบสองปีของมัน แต่เสียดายว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เลยไม่ได้เอามันออกไปรีวิวนอกสถานที่ซักเท่าไหร่ ยังดีว่าได้ไปเที่ยวจังหวัดพังงา แล้วถ่ายรูปมาบ้างนิดหน่อย แต่ก็อีกนั่นแหละ ไปตอนพายุเข้า เลยไม่ได้ภาพสวยๆ อะไรมากนักหรอกนะ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
OPPO Find X2 ตัวที่รีวิวงวดนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก OPPO Thailand ให้ยืมไปลองใช้ แล้วกลับมาเล่าประสบการณ์ในการใช้งานให้ได้อ่านกันครับ อย่างไรก็ดีอยากให้เข้าใจด้วยว่า ประสบการณ์ในการใช้งานที่เล่า มันคือประสบการณ์ในการใช้งานในมุมมองของผมนะ ท่านอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างจากผมก็ได้
กล่องของ OPPO Find X2 ดูเรียบง่ายครับ เข้าใจว่าก็ตามสไตล์ของ OPPO นะ ของที่ให้มาในกล่องค่อนข้างจะครบ คือ นอกจากตัวเครื่อง OPPO Find X2 แล้ว ก็มีเคสซิลิโคนใสให้มาด้วยเลย มีตัวจิ้มซิม หูฟังที่ดีไซน์คล้ายๆ กับ EarPods ของ iPhone หัวเป็น USB-C สายชาร์จ USB-C และตัวที่ชาร์จรองรับเทคโนโลยี SuperVOOC ที่จ่ายไฟสูงสุด 10V 6.5A หรือ 65 วัตต์ ไฟแรงยังกะที่ชาร์จโน้ตบุ๊กของผมเลยวุ้ย

ตัวเครื่องที่ให้ผมมารีวิวเป็นสี Ceramic black หรือ ดำเซรามิก ครับ เรื่องสีนี่ผมว่าแล้วแต่คนชอบ ผมเป็นคนที่ชอบสีดำ ผมก็รู้สึกว่าสวยดี มันเป็นเงา แต่พื้นผิวเท่าที่ลองดู ถ้าไม่ใช่นิ้วเลอะเหงื่อนี่จะไม่ค่อยติดรอยนิ้วมือง่ายๆ เท่าไหร่ แต่ถึงจะเลอะ ก็เช็ดออกไม่ยาก ผมว่าโอเค ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตรงขอบหน้าจอเป็นแบบโค้งที่ผมไม่ชอบ (ฮา) แต่หลายๆ คนมองว่าสวย หน้าจอมีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดสูงไฮโซ สมเป็นรุ่นเรือธง 1,440×3,168 พิกเซล ความละเอียดโคตรคมระดับ 513ppi ใช้ Gorilla Glass 6 ในการปกป้องรอยจากหน้าจอ

ด้านหลังนี่เรียบง่ายมาก มีกล้อง 3 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลักเลนส์มุมกว้าง 48 ล้านพิกเซล 26mm f1.7 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.0″ ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน, กล้องเลนส์เทเลโฟโต้ 13 ล้านพิกเซล 52mm f2.4, เลนส์มุมกว้างพิเศษ 12 ล้านพิกเซล 16mm f2.2

ด้านบนมีแค่รูไมโครโฟน ด้านล่างมีลำโพงของตัวเครื่อง พอร์ต USB-C รูไมโครโฟนสำหรับสนทนา และถาดใส่ซิมที่รองรับการใส่ซิมสองซิม แต่ดีไซน์ออกมาให้ใส่ซิมทั้งสองด้าน เลยมีขนาดจุ๋มจิ๋ม กะทัดรัดดี เสียดายที่ใส่ MicroSD card ไม่ได้ ส่วนด้านข้าง ซ้ายมือก็เป็นปุ่ม Volume และมีปุ่ม Power อยู่ตรงขวามือ ในตำแหน่งที่เหมาะกับการวางนิ้วทีเดียว
โดยรวม ดีไซน์สวย หน้าจอแสดงผลเต็มพื้นที่มาก เขาว่าครอบคลุมพื้นที่ตัวเครื่องส่วนของด้านหน้าถึง 90.9% เลยทีเดียว
ประสบการณ์ในการใช้งาน OPPO Find X2 5G
ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้มีซิม 5G เอาไว้ทดสอบนะครับ แพ็กเกจมันยังแพงที่จะซื้อมารอไว้รีวิวเฉยๆ อะ ผมไม่ได้มีมือถือ 5G มารีวิวบ่อยขนาดนั้น และถึงแม้ว่าจะมีสมาร์ทโฟนที่ใช้ 5G ไว้ใช้เองแล้วก็เหอะ บ้านผมก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มี 5G ด้วย เลยไม่รู้จะสมัครแพ็กเกจไว้ทำไม (ฮา)
แต่ประสิทธิภาพที่ได้จาก CPU Qualcomm SM8250 Snapdragon 865 และ GPU Adreno 650 ประกอบกับการเลือกใช้ Storage ความเร็วสูงระดับ อ่าน 1.2GB/s เขียน 682MB/s เท่าที่ผมได้ทดสอบด้วยแอปทดสอบ และจอแสดงผลที่มีรีเฟรชเรตสูง 120Hz มันเลยทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานค่อนข้างลื่นไหลดีมากเลยครับ
จอ OLED ที่ใช้ ให้สีสันสวยงามดีมาก และแน่นอนว่าสีดำก็ดำดีดูเด่น ในฐานะคนที่หันไปใช้ iPhone 8 Plus ที่เป็นจอ IPS มาซะนาน ผมงี้รู้สึกคิดถึงจอแบบ AMOLED/OLED เลยแหละ ยังไงๆ ก็ชอบจอสีสวยๆ แบบนี้มากกว่า หน้าจอแสดงผลของ OPPO Find X2 ดูจะเป็นจุดขายสำคัญอันนึง เพราะเห็นใส่มาแบบจัดเต็มมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ AI ช่วยในการปรับโทนสีและความสว่างให้เหมาะกับสายตา ซึ่งบอกเลยว่าเนียนจนเราไม่ทันรู้สึก หรือการมี 01 Ultra Vision Engine ช่วยประมวลผลวิดีโอ และรองรับ HDR10+ อีก (อันหลัง ต้องเลือกใช้กับแอปหรือเนื้อหาที่รองรับด้วยนะ)

และอย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ชอบนั่นแหละ จอโค้งๆ แบบนี้ แม้ว่าจะทำให้จับแล้วกระชับมืออย่างที่เขาว่า แค่มันก็สร้างการบิดเบี้ยว (Distortion) ของภาพเวลามองนิดหน่อย คือ ไม่ถึงกับเป็นที่สังเกต แต่ถ้าจับผิดละก็ จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนอยู่ อย่างไรก็ดี ผมพบว่ามันมีผลกระทบกับตอนพิมพ์น้อยกว่าที่คิดแฮะ
ด้วยสเปกขนาดนี้ คงไม่ต้องถามว่าลองเอามาใช้เล่นโซเชียลมีเดีย ท่องเว็บ เล่นเกมบ้างนิดหน่อย (ผมไม่ใช่สายเกม) แล้วเป็นยังไง แหม สเปกราคาหมื่นกว่าบาทก็เล่นได้สบายๆ อยู่แล้ว นี่สเปกเรือธงนะครับ แต่รู้สึกได้เลยว่าสมาร์ทโฟนสมัยนี้ แบรนด์ใส่ใจเรื่องประสบการณ์ในการเล่นเกมค่อนข้างมาก คือ มันจะต้องมีฟีเจอร์สำหรับช่วยให้เล่นเกมแล้วประสบการณ์ดีขึ้น อย่างเช่น OPPO Find X2 นี่ก็จะมี Game Space

ผมลองเอามันมาดูวิดีโอตัวอย่างที่เป็น 4K Dolby Vision หรือ 8K HDR10+ แล้ว บอกเลยว่าภาพแจ่มมาก โดยเฉพาะคลิป Mars ที่เป็น 8K HDR10+ นี่แบบ ดวงดาวที่อยู่ตรงฉากหลังนี่คือ ระยิบระยับสวยมาก ชนิดที่พวกจอ IPS LCD หมดสิทธิ์เลียนแบบ รู้สึกได้เลยว่าถ้าซื้อไอ้พวกทีวี OLED จอ 55 นิ้ว ราคาแพงระยิบ มันจะให้ความรู้สึกและประสบการณ์ในการรับชมยังไง
แต่ในส่วนของเรื่องลำโพง ที่ OPPO Find X2 ให้มาแบบ Stereo คือ มีลำโพงของตัวเครื่องอันนึง กับลำโพงที่เราไว้ฟังตอนสนทนาโทรศัพท์อีกอัน มันแสดงย่านเสียงได้ค่อนข้างครบดีอยู่ แถมมันรองรับ Dolby Atmos อีก แต่จะให้ดีสุดจริงๆ แนะนำว่าหยิบหูฟังมาใส่ครับ
กล้องของ OPPO Find X2 เป็นยังไงบ้าง?
สเปกกล้องของ OPPO Find X2 นี่ให้มาแบบจัดเต็มอยู่นะคือ
● กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f2.4 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.8″ ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน
● กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบไปด้วย
○ กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล 26mm f1.7 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.0″ ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน
○ กล้องเทเลโฟโต้ 13 ล้านพิกเซล 52mm f2.4
○ กล้องมุมกว้างพิเศษ 12 ล้านพิกเซล 16mm f2.2
โหมดถ่ายภาพนี่ก็มีให้หลากหลายอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Night mode, Portrait, Panorama, Expert, Sticker ฯลฯ ประกอบกับตัวเลือกเสริมเช่น เปิดปิดฟีเจอร์ HDR หรือ AI เป็นต้น ให้ตั้งค่าได้หลากหลาย เหมาะกับสถานการณ์แตกต่างกันไป
กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ที่เลนส์มุมกว้างมาก ถ่ายภาพเซลฟี่แบบสองคน หรือหมู่คณะได้ไม่ยากเลย ความละเอียดของเซ็นเซอร์สูงมากยังไงก็ได้เปรียบกว่าพวกกล้องหน้าความละเอียดแค่หลัก 10-12 ล้านพิกเซลแน่นอนครับ นี่ลองเทียบระหว่าง OPPO Find X2 กับ Samsung Galazy Z Fold 2 แล้ว ส่วนเรื่องโหมดหน้าสวย (Beauty mode) ที่ภรรยาผมชอบ ก็ยังคงดีงามเช่นเคย

กล้องหลังเป็นยังไงบ้าง? ก็เรียกว่าประทับใจประมาณนึง คือ ผมรู้สึกว่าภาพถ่ายออกมาแล้วค่อนข้างได้สีจืดหรือหม่นๆ หน่อย แต่คุณภาพของภาพที่ได้ ถือว่าโอเคทีเดียวนะ ความที่มันมีเลนส์ครบทุกช่วง ทั้ง ใกล้ กลาง ไกล ทำให้พร้อมถ่ายภาพในทุกสถานการณ์ มันมีข้อจำกัดแค่ว่า เลนส์แต่ละช่วง มันมีความละเอียดแตกต่างกันออกไป ขนาดไฟล์ก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของภาพที่เราจะเลือกด้วยนะ ในกรณีนี้ ผมบอกขนาดไฟล์สำหรับ 4:3 นะครับ
● เลนส์มุมกว้างพิเศษ ได้ความละเอียด 9 ล้านพิกเซล
● เลนส์มุมกว้าง ได้ความละเอียด 9 ล้านพิกเซล
● เลนส์เทเลโฟโต้ ได้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
● Hybridzoom 5x ได้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
ผมเข้าใจนะว่าเลนส์มุมกว้างพิเศษอะ ถ้าถ่ายที่อัตราส่วน 4:3 จะได้ความละเอียด 9 ล้านพิกเซล แต่ถ้าถ่าย 16:9 จะได้ 12 ล้านพิกเซล แต่ที่ผมแปลกใจคือ ทำไมกล้องหลักที่เซ็นเซอร์ใหญ่สุด 48 ล้านพิกเซล ถึงให้ภาพได้แค่ 9 ล้านพิกเซล ไม่ว่าเราจะเลือก 4:3 หรือ 16:9 ทำไมเขาไม่ทำให้มันได้ซัก 12 ล้านพิกเซลหว่า … แต่ก็นะ ถ้าอยากได้ความละเอียดสูงลิ่วๆ ก็เปิดโหมดถ่าย 48 ล้านพิกเซลได้นะครับ
การที่มีเลนส์หลายช่วง ทำให้เราสามารถถ่ายภาพในระยะต่างๆ ได้ค่อนข้างโอเค ตั้งแต่ระยะ 0.5x เรื่อยไปยัน 30x เลยทีเดียว โดยระยะที่เกิน 2x เป็นต้นไป จะเป็น Hybrid zoom นะครับ ซึ่งภาพที่ได้ยังค่อนข้างชัดจนถึงระยะซัก 5x
การถ่ายภาพช่วงกลางคืนเป็นยังไงบ้าง? บอกตรงๆ ไม่ต้องใช้ Night mode ก็ยังออกมาสวยนะ ผมไม่ได้ลองถ่าย Night mode เพราะว่าไม่ได้มีขาตั้งกล้องไปเที่ยวด้วย ถ่ายไปเสียเวลาเปล่าๆ แต่ในสภาพแสงน้อยแบบที่มีแค่ไฟออกมาจากตัวอาคาร หรือแสงไฟตามทางเดินอะไรแบบเนี้ย ซอฟต์แวร์ช่วยปรับให้ภาพออกมาได้ค่อนข้างสว่างดีอยู่นะ ผมถือว่าไม่เลว


ที่น่าสนใจคือ ผมลองเอาภาพที่ได้จากกล้อง OPPO Find X2 มาลองแต่งภาพเพิ่มด้วยแอป Photos ของ iOS ซึ่งผมชอบมาก เพราะมีตัวเลือกในการปรับแต่งภาพค่อนข้างดี แต่ปัญหาคือ ถ้าเอาภาพจากสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่มีการ Process ภาพค่อนข้างเยอะเอามาแต่งเพิ่ม มันมักจะเละ แต่ OPPO Find X2 นี่ แต่งภาพออกมาแล้วค่อนข้างโอเคดีอยู่นะ
ในภาพรวมแล้ว ผมบอกได้ว่า OPPO Find X2 นี่จะเป็นสมาร์ทโฟนที่ผมยินดีที่จะพกพาไปใช้งานระหว่างท่องเที่ยวที่กะว่าอยากได้ภาพสวยๆ ครับ กล้องของมันไม่ผิดหวัง
บทสรุปการรีวิว OPPO Find X2
สนนราคาค่าตัวเฉียดสามหมื่นเช่นเดียวกับตอน OPPO Find X รุ่นแรก แต่รุ่นแรกมันมีกิมมิกเจ๋งๆ ตรงกล้องที่เลื่อนด้วยมอเตอร์ (และเป็นแรงบันดาลใจให้ผมซื้อ Xiaomi Mi Mix 3 ที่เป็นกล้องหน้าแบบซ่อน) อาจจะทำให้หลายคนสะดุด แต่เดี๋ยวนี้ก็ต้องทำใจนะว่าเรือธงของฝั่งแอนดรอยด์ราคาก็ใช่ย่อยอยู่ และ OPPO ในตอนนี้ก็ไม่ใช่แบรนด์กระจอก เรือธงจะราคาแบบนี้ก็ไม่แปลกครับ
ถ้าคิดว่าอยากได้สมาร์ทโฟนสเปกดีๆ ดีไซน์สวยๆ กล้องพกพาไปเที่ยวไหนก็ไว้ใจได้ และกะใช้ยาวๆ เลย ผมว่าก็โอเคอยู่นะ