ช่วงปลายๆ หน้าร้อน ผมเหลือบไปเห็นโปรโมชัน Summer Calling ของทางโรงแรม La Flora Khao Lak (ลาฟลอร่า เขาหลัก) เข้าให้ สนนราคาคือ 5,800 บาท ต่อ 2 คืน ได้ห้อง Deluxe Seaside ถือว่าดีงามอยู่ ถ้าใครใช้สิทธิ เราเที่ยวด้วยกัน ที่เป็นแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศหลังล็อกดาวน์ จะประหยัดไปได้อีก 40% (แต่ผมไม่ได้ใช้นะครับ เพราะผมรู้สึกว่าเราจ่ายเต็มราคาได้ ไม่เดือดร้อน ให้คนที่อยากเที่ยว แต่ไม่ค่อยมีตังค์เพราะเศรษฐกิจซบเซาช่วงโควิด-19 ได้ไปใช้ดีกว่า) ผมเลยขอถือโอกาสมาเล่าสู่กันอ่าน ว่าที่นี่เป็นยังไงบ้างนะครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บล็อกรีวิวครั้งนี้ ออกเงินเอง ไปเที่ยวเอง รีวิวเอง ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้นกับทางโรงแรม ประสบการณ์ที่เอามาเล่านี้คือประสบการณ์จริงๆ ล้วนๆ ชอบไม่ชอบตรงไหนเราก็จะบอกกันตรงๆ นะครับ และออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ใช่บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว ฉะนั้นผมไม่รู้หรอกนะว่าปกติรีวิวโรงแรมมันต้องเล่าอะไรบ้าง ผมก็จะเล่าตามที่ผมรู้สึกอยากจะเล่าในฐานะลูกค้าจริงๆ ครับ
จริงๆ วันหมดอายุของ Voucher นี่ยังอีกยาวไกลเลย แต่ ณ จุดจุดนี้ร่างกายมันต้องการการท่องเที่ยวครับ เลยถือโอกาสช่วงที่แอบหยุดยาวได้ 10-12 ตุลาคม (ลาหยุดแค่วันเดียว) จองที่พักมาก่อนเลยครับ ซึ่งเราต้องจองล่วงหน้าหลายเดือนอยู่ เพราะว่ามันก็เป็นช่วงหยุดยาวของคนอื่นด้วยนี่นา
โปรโมชัน Summer Calling นี่นอกจากจะได้พักในราคาพิเศษ ไม่แพงมากแล้ว ยังได้เลือกฟรีระหว่างไปทำ Aroma Massage + Treatment 90 นาทีที่สปาของโรงแรม หรือจะดื่มไม่อั้น 2 ชั่วโมงที่ KOKULO Beach Club/BREEZE BAR อีกด้วยนะ (กรณีของสปา ต้องจองล่วงหน้าก่อนเข้าพักอย่างน้อย 7 วัน แต่ผมแนะนำว่าจองไว้นานๆ หน่อยก็ได้ เพราะถ้าไปตอนแขกเยอะๆ เราจะไม่มีรอบให้เข้านะ)
โรงแรม La Flora Khao Lak นี่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวครับ ผมงี้คาดหวังเอาไว้ประมาณนึงเลย ขับรถไปนี่ไม่ยาก Google Maps พาไปไม่หลงเลย แต่เพราะมันเป็นวันหยุดยาว แขกมาพักแบบเต็มเอี้ยดมาก พวกที่จอดรถนี่เป็นข้อจำกัดพอสมควร คือ เห็นจอดเรียงรายสองข้างทางเลย ทางเข้าจึงเป็นการเดินรถทางเดียว เวลาออกต้องวนไปอีกด้าน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องไม่มีที่จอดรถนะ โรงแรมเขาเตรียมที่ลานจอดรถเอาไว้ แต่ว่ามันเป็นลานดินก็จะแฉะๆ หน่อยเวลาฝนตก และอยู่ไกลจากตัวโรงแรม ต้องให้ รปภ. ช่วยเรียกรถกอล์ฟมาให้ (บริการฟรี)
จังหวะที่ผมไป น่าเสียดายมากที่มีพายุเข้ารัวๆ มากครับ ฝนงี้ตกหยุดสลับกันรัวๆ บริการบางอย่างเลยไม่ได้ใช้ เช่น สระว่ายน้ำ (ที่ไม่ได้ใหญ่เวอร์วังมาก แต่ก็ถือว่าโอเคทีเดียว) หรือ จักรยานที่ให้ขี่ฟรี 2 ชั่วโมงต่อวัน
โรงแรมมีชายหาดส่วนตัวนะ แต่ก็อย่างที่บอก ผมไปช่วงมรสุมรุมเร้ามาก คลื่นงี้ลูกเบ้งๆ เลย อย่าว่าแต่ไปเล่นน้ำทะเลเลยครับ ถ่ายรูปริมทะเลเก๋ๆ ก็ยังไม่รุ่งเลย เสียดายมาก นี่ถ้าใช้โปรนี้แบบ Summer Calling ที่แท้ทรูจะดีมาก แต่ไม่เป็นไร ใครไม่สะดวก สระว่ายน้ำก็เก๋อยู่ครับ เห็นแขกลงว่ายน้ำเพียบ
ใครจ่ายแพงหน่อย (บวกไปประมาณ 38% จากราคาโปรของ Deluxe Seaside ที่ผมพัก) ก็จะได้พักห้อง Pool Access ครับ เป็นห้องที่เปิดระเบียงออกมา ลงสระได้เลย ดีงามสุดๆ เหมาะอย่างมากสำหรับท่านที่มีลูกมาด้วย (เด็กอายุไม่เกิน 4 ปีพักฟรี อายุ 4-11 ปี ชำระค่าอาหารเพิ่มคนละ 200 บาท และให้พักห้องเดียวกับผู้ปกครอง)
ห้องพักของผมอยู่ชั้น 3 และเนื่องจากตึกที่ห้องผมอยู่มันมีแค่ 4 ชั้น ผลก็คือ ไม่มีลิฟต์จ้า ใครพาผู้สูงอายุมาพิจารณาให้ดีๆ ก่อนนะว่าเขาเดินขึ้นไหวไหม ส่วนเรื่องกระเป๋าไม่ต้องห่วง เพราะมีคนเอามาให้ครับ สำหรับผม ภรรยา คุณแม่ และคุณป้าเพื่อนบ้านที่มาเป็นเพื่อนกับคุณแม่ผม เดินกันไหวทุกคน
ห้องพัก Delux Seaside ใหญ่พอสมควรเลยครับ พวกสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ ตู้เย็นก็เย็นจัดมาก แอร์เป็นแบบรวมศูนย์ แต่ละห้องมี Thermostat ให้ปรับ แต่ผมไม่คิดว่าจะปรับอุณหภูมิแล้วได้ผลอะไรหรอกนะ (ไม่กล้าลองเหมือนกัน กลัวลองแล้วแอร์ร้อนเลย) แต่ปรับแรงดันลมได้ แต่ว่าเนื่องจากมีพายุเข้าไง ขนาดเปิดพัดลมแอร์เบาสุดแล้ว ยังโคตรหนาว
ห้องนี้เราไม่มีความลับต่อกันนะ เพราะห้องน้ำล็อกประตูไม่ได้นะครับ มันเป็นแค่ประตูเลื่อนเฉยๆ แต่ก็ครบเครื่องดีนะ มีมุมเล็กๆ สำหรับชักโครก ซึ่งห้องผมดันมีปัญหาตัน (คงเพราะคนพักก่อนหน้าดันทิ้งอะไรไว้ในโถ น้ำเลยกดไม่ลง) แต่โทรไปที่ฟร้อนท์ตอนเกือบสี่ทุ่ม ไม่เกิน 5 นาที มีพนักงานเข้ามาแก้ปัญหาให้เรียบร้อย ดีงามมาก
ห้องน้ำมีอ่างแช่น้ำด้วย และอย่างที่ผมบอก มันไม่มีความลับต่อกัน ห้องมันถูกออกแบบมาให้เราเลื่อนประตูเลื่อน เพื่อแช่อ่างอาบน้ำไป ดูทีวีไปได้ด้วย ทีวีเองก็สามารถทำ Screen mirroring เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ ฉะนั้น ใครที่ไม่ชอบรายการทีวีที่โรงแรมมีให้ ก็เปิดเอาจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเอาเอง
จริงอยู่ ห้องมันเรียกว่า Seaside แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็น Seaview นะครับ มันคนละเรื่องกัน เปิดระเบียงออกมานี่เจอต้นไม้บังวิวทะเลเลย เศร้า แต่ระเบียงกว้างขวางดี ถ้ามาพักหลายๆ คืน กะทำ Teleworking เปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน ก็โอเคอยู่นะ ถ้าตอนกลางคืนกลัวยุง ในห้องมี ARS ไฟฟ้าไว้ให้เสียบไล่ยุงด้วย
โทรศัพท์ภายในห้องเป็นแบบ IP Phone มันแสดงเลขห้องและชื่อของเราด้วย กดศูนย์คือการโทรหาฟร้อนท์ครับ เขาพร้อมให้บริการเราเสมอ สมกับเป็นโรงแรม 4 ดาว ในห้องมีปลั๊กให้ 4 จุดใหญ่ๆ โดยมีสองจุดอยู่ตรงที่เคาน์เตอร์ทีวี ข้างละจุด
และอีกสองจุด อยู่ตรงริมหัวเตียงทั้งสองฝั่ง พักกันสองคน ไม่ต้องแย่งปลั๊กกันเอง ใครลืมเอาอะแดปเตอร์มาไม่ต้องกลัว เขามีพอร์ต USB มาให้สองพอร์ตแล้ว จ่ายไฟรวมกันได้สูงสุด 5V 2.1A ครับ เพียงพอสำหรับการชาร์จอุปกรณ์สองชิ้นพร้อมๆ กันได้สบายๆ และสวิตช์ตรงหัวเตียงนี่คุมไฟหลักๆ ในห้องได้หมด และมันมีให้ที่หัวเตียงทั้งสองฝั่ง เลยไม่ต้องฝากให้ใครช่วยเปิดไฟให้เลย ถ้าไปกันสองห้อง ได้ห้องติดกัน ด้านในของห้อง มันจะเชื่อมถึงกันได้ โอเคอยู่นะครับ
คืนแรกของผมที่ La Flora Khao Lak นี่เป็นคืนวันเสาร์ เขามีโปรโมชันบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล 1,390 บาท/คน ที่ร้านอาหาร SIRE (ทราย) และจะได้ล็อบเตอร์เผาฟรีคนละตัว ซึ่งตัวใหญ่มาก ผมงี้จุกฮะ เพราะไปกันสี่คนได้สี่ตัว แต่มีคนกินแค่สองคน คือ ผมกับภรรยา และภรรยาผมกินไปครึ่งตัวเองมั้ง ที่เหลือผมเหมา มันจะดีกว่านี้ ถ้าน้ำจิ้มซีฟู้ดทำออกมาดี อันนี้อยากให้โรงแรมปรับปรุง เพราะผมเชื่อว่าสำหรับคนไทยแล้ว การทานซีฟู้ดน้ำจิ้มสำคัญมาก
ไลน์อาหารถือว่ามีความหลากหลายดี ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ซีฟู้ด มีอย่างอื่นให้ทานด้วย เสียดายโดนล็อบสเตอร์สกัดดาวรุ่งไป เลยทานอะไรไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ได้ซัดปลาดิบ ซึ่งผมให้เกรดว่าเป็นระดับร้านพวกฟูจิ แต่เสียตรงที่แขกไปกันเยอะมาก พนักงานหั่นมาให้แทบไม่ทันเลย แต่มันเจ๋งตรงมีปลาไหลให้ทานด้วย แม่ชอบเลย
อาหารทะเลหลายอย่างต้องเผา ก็มีพนักงานทำหน้าที่ให้เราเสร็จสรรพ ทานไปได้ซักพัก ก็มีทั้งดนตรี และโชว์ไฟ ให้ชมด้วยนะ ของหวานพวกเค้กก็อร่อย ไม่ชอบก็มีอย่างอื่นให้เลือก เช่น หวานเย็น ผลไม้ต่างๆ รวมถึงไอศกรีมเอเต้ เลือกเอาได้ ระยะเวลาทาน เริ่มได้ตั้งแต่ 19:00-22:00 เลย แต่แนะนำว่าให้จองโต๊ะตั้งแต่เช้าเลยครับ ไม่จองนี่อาจจะไม่มีที่นั่ง
อ้อ! บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดตอนค่ำนี้ ไม่รวมเครื่องดื่มนะครับ ต้องสั่งเครื่องดื่มจากเมนูเอาเอง มีทั้งแบบแอลกอฮอล์ ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำเปล่าก็มี แต่เป็นน้ำแร่พรีเมี่ยมจากฝรั่งเศส OGEU Pyrénées ขนาด 750ml นะฮะ ราคา 93.46 บาท ไม่รวม VAT 7% ขวดสวยดี ดื่มหมดไม่หมด หยิบไปทั้งขวดได้เลย ผมลองพยายามหาราคาของเจ้าน้ำแร่นี่แล้ว บนเว็บเขาบอกว่า 2.55 ยูโร ก็ประมาณ 93-94 บาทนี่แหละ
ตอนเช้า ไลน์อาหารก็ยังสุดยอดเช่นเคยครับ โอย เขียนบล็อกตอนนี้ตอนสี่ทุ่ม เห็นรูปพวกนี้บอกตรงๆ ว่าหิว ตัวเลือกอาหารเยอะมาก ทั้งอาหารไทยพร้อมข้าว ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง พวกซูชิเป็นคำๆ น้ำก็มีตัวเลือกหลากหลาย ทั้งน้ำผลไม้ น้ำเปล่า ชาเขียวเย็น กาแฟเย็น ชาไทยเย็น สลัดผัก ผลไม้และของหวานยามเช้า แต่ละวันมีเปลี่ยนเมนูเล็กๆ น้อยๆ ด้วยนะ ของผม เช้าวันแรกและเช้าวันที่สอง แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ให้ทานได้ตั้งแต่ 6:00-10:00 เลย
วันที่สองเนี่ย ผมไปเที่ยวเสม็ดนางชีมา แล้วตอนบ่ายก็แวะไปใช้บริการสปาซักหน่อยครับ บอกตรงๆ เพลินมากจนหลับไปสองรอบได้มั้ง คุณแม่ผมก็ประทับใจ บอกว่าไอ้ที่ปวดๆ เมื่อยๆ นี่ดีขึ้นเยอะเลย 90 นาทีหมดไวจัง
มื้อค่ำ ขี้เกียจออกไปนอกโรงแรม เพราะขากลับจากเสม็ดนางชี อุตส่าห์ได้ที่จอดรถใกล้ๆ กับที่ห้องพักแล้ว ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถกอล์ฟไป ฉะนั้นเลยฝากท้องไว้กับร้าน SIRE อีกเช่นเคย คืนนี้เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ แต่ผมเลือกที่จะสั่งเป็น A la carte (อาหารตามสั่ง) แทน ก็สั่งเป็น ปลาเก๋าราดพริก พิซซ่าเนื้อ ต้มสมปลากระบอก ปูนิ่มผัดกระเทียมพริกไทย และผัดฉ่าปลากระพงแทน และเครื่องดื่มก็เป็นไอ้น้ำแร่พรีเมี่ยมฝรั่งเศส 2 ขวด
คิดว่าค่าเสียหายเท่าไหร่ครับ หลายคนคงคิดว่าอาหารโรงแรมแบบนี้ ต้องสองพันกว่าบาทแน่ๆ แหม แค่น้ำเปล่า 2 ขวดก็เกือบสองร้อยบาทแล้วเปล่าเหอะ แต่ปรากฏว่าเช็กบิลออกมา 1,480 บาทจ้า นี่คือทานสี่คนอิ่ม (ข้าวฟรี ไม่คิดตังค์)
โดยภาพรวมแล้ว บอกเลยว่าสมกับเป็นโรงแรม 4 ดาวครับ บริการดีมาก พนักงานอัธยาศัยดี ให้ความช่วยเหลือดีตลอด พูดคุยเล่นได้สบายๆ ด้วย น้องผู้ชายบริกรที่ดูแลที่ร้าน SIRE นี่เป็นมิตรมาก เอาใจใส่ลูกค้าดีมาก ต้องขอชมเชยจริงๆ ผมงี้ให้ 5 ดาวในการรีวิวบน Google Maps เลยละครับ
ถ้าจะมีอะไรติดๆ ขัดๆ ก็คงจะมีสองเรื่อง คือ ชักโครกที่ตันในคืนแรกที่มาพักนั่นแหละ กับเช้าวันสุดท้าย ที่เผอิญมีอุบัติเหตุ พนักงานทำจานตกแตกใกล้ๆ กับที่ภรรยาผมทานมื้อเช้า แล้วเศษจานที่แตกมันกระเด็นไปบาดข้อเท้าเป็นแผลนิดหน่อย ซึ่งก็ทำแผลให้เรียบร้อย (ภรรยาผมปฏิเสธที่จะติดพลาสเตอร์ยา แต่ตอนหลังเลือดมันไหลไม่หยุด ก็เลยเอาพลาสเตอร์ยาที่พกมามาติดเอง) เจตนาของผมที่เขียนถึงเรื่องนี้ ก็แค่ต้องการเล่าให้อ่านกันว่าเขาเอาใจใส่ลูกค้าดี โดยเฉพาะตอนที่เกิดอุบัติเหตุกับลูกค้าด้วยนี่แหละ ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดครับ พนักงานเองก็หน้าซีดเลย เพราะกลัวโดนตำหนิ แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ อุบัติเหตุมันเกิดได้ และก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ผมก็ยังให้คะแนนห้าดาวเหมือนเดิมนี่แหละ
ติดตามเพจ La Flora Khao Lak หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรือรับข่าวสารเกี่ยวกับโปรโมชัน เพราะช่วงนี้ต่างชาติยังมาเที่ยวไม่ได้เต็มที่ มันคือโอกาสดีของคนไทยเราครับ และถึงแม้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะจบลงไปในอนาคต ช่วง Low season เราก็สามารถหาโปรราคาไม่แพง มาสัมผัสบรรยากาศโรงแรม 4 ดาวได้นะ
