โดยส่วนตัวแม้จะไม่ได้ลองเล่นสมาร์ทวอทช์มาซะทุกยี่ห้อทุกรุ่น แต่ก็ต้องบอกว่าผ่านมาหลายแบบ หลายรุ่นอยู่ไม่น้อยครับ และ Huawei เขาก็คงเห็นผมรีวิวทั้งแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนให้หมดแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนไลน์ผลิตภัณฑ์ที่จะรีวิวบ้าง เขาก็เลยให้ Huawei Watch Fit นี่มายืมใส่ครับ นี่ก็ลองใส่ไปร่วมสองสัปดาห์แล้ว (แต่ไม่ได้ใส่ทุกวันนะ มีสลับไปใส่ยี่ห้ออื่นบ้าง) เลยเอามาเล่าสู่กันอ่านซักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
Huawei Watch Fit ที่รีวิวในครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก Huawei Thailand อีกเช่นเคย ลองใส่มาหลายวันแล้ว ได้เวลาเอามาเล่าสู่กันอ่านอย่างแท้ทรูซะที ชอบไม่ชอบตรงไหน มาตามอ่านกันได้เลย
Huawei Watch Fit นี่ค่าตัว 3,499 บาท ถือว่าราคาไม่แรงสำหรับสมาร์ทวอทช์ที่มีหน้าจอสีแบบสัมผัส ภายในกล่องเนี่ย ที่ผมเห็นก็จะมีตัวนาฬิกา ซึ่งตัวที่ผมได้มารีวิวเป็นสายซิลิโคนสีเขียวอ่อนที่เขาเรียกว่า Mint green (เห็นว่าเขามีอยู่ 4 สีนะ คือ Graphite black, Cantalougp orange, Sakura pink และ Mint green นี่แหละ) แล้วก็มีสายชาร์จนาฬิกามาให้อีกเส้น

เจ้านี่มีหน้าจอขนาด 1.64 นิ้ว ความละเอียด 280×456 พิกเซล อาจดูความละเอียดต่ำ แต่ด้วยหน้าจอขนาดไม่ใหญ่แบบนี้ ความคมชัดของกราฟิกนี่อยู่ในระดับ 326ppi เลยนะ แต่มันมีข้อเสียตรงที่สายนาฬิกามันมีไซส์เดียว แต่สามารถปรับได้ระหว่าง 13-21 เซ็นติเมตร ดังนั้นไม่ต้องห่วงนะครับ ข้อมือจะใหญ่จะเล็ก เจ้านี่ก็พร้อมจะรองรับได้อยู่ เป็นนาฬิกาที่เจาะรูตรงสายไว้เยอะมาก

วัสดุของตัวเรือน Huawei เขาว่าเป็นไฟเบอร์โพลีเมอร์ ซึ่งก็คือพลาสติกชนิดนึงครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ดูเผินๆ อะ เหมือนเป็นโลหะเลย สวยมาก และคงเพราะมันเป็นวัสดุจำพวกพลาสติกอะ มันไม่มันวาว และไม่เป็นรอยขนแมวง่ายด้วย ผมชอบแบบนี้มากกว่าตัวเรือนสแตนเลสที่มักจะเป็นรอยได้ง่ายเวลาเผลอ

สิ่งที่มีอยู่รอบๆ ตัวเรือนก็คือ ปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวของนาฬิกาที่ด้านขวาของตัวเรือน ซึ่งมีรูไมโครโฟนเล็กๆ อยู่ด้วย ส่วนด้านหลังของตัวเรือนก็เป็นพวกเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วนที่เรามองไม่เห็นก็จะมีเซ็นเซอร์ Gyroscope และ Accelerometer แบบหกแกน แล้วก็เซ็นเซอร์ตัววัดความเข้มของแสงในสภาพแวดล้อม อะไรพวกนี้
โดยส่วนตัว ชอบครับ สวมใส่สบายใด ขนาดหน้าจอออกแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดูยาวๆ ผอมๆ ผิดกับพวกสมาร์ทวอทช์ที่เป็นหน้าจอทรงกลมหรือเกือบสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่จะดูป้อมๆ กว่า อันนี้เป็นความชอบเฉพาะตัว แต่ละคนจะชอบไม่เหมือนกันอะนะ
ประสบการณ์ใช้งาน Huawei Watch Fit
แม้ Huawei Watch Fit จะรองรับการใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะเป็น iPhone (ต้อง iOS 9 ขึ้นไป) หรือ Android (ต้อง Android 5.0 ขึ้นไป) แต่ถ้าใช้กับ iPhone ฟีเจอร์บางอย่างจะไม่รองรับครับ ซึ่งเท่าที่ทราบก็ได้แก่
✘ ดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาผ่าน Huawei Watch Face Store มาติดตั้งเพิ่มไม่ได้
✘ เตือนเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจต่ำไม่ได้
✘ ใช้เป็นรีโมทในการควบคุมการเล่นเพลงไม่ได้
และฟีเจอร์การใช้ Huawei Watch Fit เป็นรีโมทในการกดถ่ายภาพ ก็รองรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMIUI 8.0 ขึ้นไปเท่านั้น และสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้ก็คือของ Huawei นั่นเอง

แต่ในภาพรวมแล้ว ถ้าตัดเรื่องฟีเจอร์บางตัวที่ใช้บนระบบปฏิบัติการ iOS ไม่ได้ออกไป ไม่ว่าเราจะใช้ iPhone หรือ Android มันก็โอเคหมด ตอนที่ผมลอง ผมใช้ iPhone 8 Plus กับ ZTE Axon M ฮะ และบอกตรงๆ ความน่ารำคาญมันก็แค่ดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกามาเพิ่มไม่ได้ ซึ่งสำหรับผม ผมไม่เดือดร้อนอะไรนะ เพราะผมชอบอันที่เป็น Default อยู่แล้ว มันเก๋ดี แต่ถ้าใครรู้สึกว่า เฮ้ย ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มได้เรื่อยๆ เดะ แบบนี้อย่าใช้กับ iPhone เด็ดขาด
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องฟีเจอร์ของมันกันบ้าง อยากแยกออกเป็นสองส่วนครับ คือ สำหรับคนทั่วไป ที่ใช้มันเป็นสมาร์ทวอทช์ในชีวิตประจำวัน ติดตามกิจกรรมประจำวันบ้าง เช่น นับก้าวเดิน วัดอัตราการเต้นของหัวใจ อะไรพวกนี้ และสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกาย มันเป็นยังไงบ้าง
Huawei Watch Fit ในชีวิตประจำวัน … สไตล์การใช้งานของผมเลย
เอาจริงๆ นะ จะใช้งานสมาร์ทวอทช์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนออกกำลังกายหรอก และถ้าเน้นออกกำลังกายจริงๆ ละก็ ผมว่ามันมียี่ห้อและรุ่นที่เหมาะกับการออกกำลังกายจริงๆ จังๆ ตามแต่ชนิดของการออกกำลังกายที่เราชอบ
สไตล์การใช้ชีวิตของผม และเชื่อว่าเป็นของอีกหลายๆ ท่านด้วย ก็น่าจะเป็นการใช้ชีวิตตามปกติ ตื่นนอน เดินทางไปทำงาน กลับมาบ้าน ทำโน่นทำนี่ นอน อะไรพวกนี้ ใช้สมาร์ทวอทช์เพื่อช่วยในการรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน เวลามีคนโทรมา จะได้รู้ แม้จะเปิดสั่นเอาไว้ และสามารถกดวางหูได้ โดยไม่ต้องไปหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา อะไรทำนองนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็อยากติดตามสัญญาณของร่างกายบางอย่างว่าตอนนี้เราเป็นยังไงบ้าง มีอะไรน่าเป็นห่วงบ้างไหม
เจ้า Huawei Watch Fit นี่ถือว่าตอบโจทย์นะครับ สำหรับผมแล้ว พอตั้งค่าให้เรียบร้อย ก็เลือกให้มันทำการแจ้งเตือนบางอย่างได้ เช่น ข้อความ SMS, LINE สายเรียกเข้า แต่ไม่ต้องแจ้งเตือนเวลามีคนทักมาทาง Twitter หรือ Facebook อะไรแบบนี้ ตั้งค่าให้เหมาะสม มันทำให้เราไม่โดนการแจ้งเตือนของสมาร์ทวอทช์มาทำให้เราเสียสมาธิ และในขณะเดียวกัน เราก็ไม่พลาดการแจ้งเตือนสำคัญๆ ด้วย
ในขณะเดียวกัน ฟีเจอร์ในการติดตามพฤติกรรมหรือกิจกรรมประจำวันของเรา ก็ตอบโจทย์ผมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
✔ การนับก้าว และการตรวจจับการออกกำลังกายโดยอัตโนมัติ มันเหมาะสำหรับหลายๆ คนที่ไม่เน้นการออกกำลังกายแบบจริงจัง แต่เลือกที่จะออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น ตั้งเป้าเดิน 10,000 ก้าวต่อวัน อะไรแบบนี้ หรือจะกำหนดให้มันคอยเตือนให้เราลุกขึ้นเดินบ้าง เมื่อเรานั่งติดต่อกันนานเกิน 1 ชั่วโมง อะไรแบบนี้
✔ การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา
✔ การวัดความเครียด ซึ่งให้มาเป็นคะแนน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ทำงานเครียดๆ นะ
✔ วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2)
✔ ตรวจวัดคุณภาพของการนอนหลับของเรา
อะไรพวกเนี้ย มันเอามาแสดงผลในแอป Huawei Health แล้วมันจะมีคำอธิบาย พร้อมคำแนะนำในกรณีที่ค่ามันสูงหรือต่ำกว่าที่มันควรจะเป็น ค่อนข้างดีมาก ซึ่งแม้ว่า Huawei จะทิ้งโน้ตเอาไว้แล้วว่าฟีเจอร์พวกนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการแพทย์ เอามาใช้ในการวินิจฉัย หรือบำบัดอะไรไม่ได้ แต่การที่เราได้รู้ค่าอะไรพวกนี้เอาไว้บ้าง มันก็ช่วยแสดงสัญญาณอะไรบางอย่างให้เรารับรู้ได้ ในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นมา
ผมฟันธงให้ไม่ได้ ว่าข้อมูลมันถูกต้องมากน้อยแค่ไหน เพราะผมไม่มีอุปกรณ์เกรดที่ใช้เพื่อการแพทย์เอามาวัดเปรียบเทียบ แต่จากที่ได้ลองวัดเรื่องการนอนหลับมาเกือบสองสัปดาห์ ก็ต้องบอกว่าฟีเจอร์อย่าง Huawei TruSleepTM 2.0 มันตรวจจับเวลานอนและเวลาตื่นของผมได้ค่อนข้างแม่นยำ และนั่นรวมถึงช่วงที่เราตื่นขึ้นมากลางดึกอะไรพวกนี้ด้วย
ถ้าใครต้องการฟีเจอร์แค่ประมาณนี้ บอกเลย Huawei Watch Fit เอาอยู่ และสนนราคาค่าตัว 3,499 บาทนี่ทำให้น่าสนไม่น้อย เพราะถือว่าไม่แพง
Huawei Watch Fit สำหรับคนออกกำลังกาย
คนที่ชอบออกกำลังกายแบบง่ายๆ ทำเองได้ในบ้าน Huawei Watch Fit นี่มีฟีเจอร์เทรนเนอร์ส่วนตัว ที่แสดงภาพอนิเมชันของการออกกำลังกายให้เราดูเป็นตัวอย่างเพื่อปฏิบัติตามได้ โดยไม่ต้องไปเปิดสมาร์ทโฟนเลย
แต่ใครที่ชอบออกกำลังกายแบบที่จริงจังขึ้นมาอีกหน่อย เจ้านี่ก็รองรับการตรวจจับการออกำลังกายไม่ว่าจะเป็น เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ฯลฯ ก็หลากหลายอยู่ แถมยังมี GPS ในตัวอีกตะหาก เท่าที่ลองใช้งานดู จับสัญญาณค่อนข้างไวด้วยนะ ไม่ถึง 30 วินาทีเลย และตัวมันเองก็กันน้ำระดับ 5 ATM ฉะนั้นแม้จะใส่ลงไปว่ายน้ำก็หมดห่วงครับ แต่มีข้อจำกัดตรงที่การทำงานส่วนใหญ่ของเจ้านี่ใช้การสัมผัสหน้าจอ ดังนั้นก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการตั้งค่าระหว่างที่อยู่ในน้ำอยู่
ผมไม่ใช่สายออกกำลังกาย ดังนั้นเลยไม่สามารถรีวิวแบบเชิงลึกในเรื่องพวกนี้ให้ได้นะครับ แต่ในความเห็นของผม ผู้ใช้งานในสายออกกำลังกายจริงจัง มักจะมีสมาร์ทวอทช์ยอดฮิตสำหรับการออกกำลังกายที่โปรดปรานอยู่แล้ว ตัว Huawei Watch Fit แม้จะมีฟีเจอร์ที่รองรับรูปแบบการออกกำลังกายที่หลากหลาย มันยังมีข้อจำกัดอยู่ตรงที่มันเก็บบันทึกการออกกำลังกายบน แอป Huawei Health ซึ่งเท่าที่ผมลองดู มันไม่ได้เชื่อมต่อกับแอปอื่นๆ ได้ซักเท่าไหร่ เช่น คนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เขาอาจจะใช้ Endomondo หรือ Strava อยู่ แต่ Huawei Health มันเชื่อมต่อกับแอปพวกนี้ไม่ได้อะ
อื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Huawei Watch Fit ที่ผมอยากพูดถึง
ในหัวข้อนี้ ผมจะพูดถึงอะไรอื่นๆ ที่เกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งาน Huawei Watch Fit หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องนะครับ
● Huawei Health นี่ลงบน iOS กับ Android พร้อมกัน ข้อมูลซิงก์ระหว่างกันได้ค่อนข้างดีทีเดียว แต่การจะเชื่อม Huawei Watch Fit นี่ทำได้กับสมาร์ทโฟนแค่เครื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งอันนี้ไม่แปลก ถ้าเลือกได้ เลือกใช้กับสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เหอะ
● ระบบ Notification รองรับ Unicode เลย ดังนั้นแสดงผลภาษาไทย อังกฤษ จีน อะไรพวกนี้ พร้อมหมด ไม่ต้องไปพยายามติดตั้งอะไรเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอะไรที่พวกสมาร์ทวอทช์ควรทำได้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
● แบตเตอรี่ Huawei บอกว่าถ้าใช้งานแบบทั่วๆ ไป อยู่ได้นานสูงสุด 10 วัน แต่ถ้าใช้โหดหน่อย สไตล์ผม คือ วัดทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ แถมใส่นอนเพื่อตรวจจับการนอนหลับอีก ก็อยู่ได้ราวๆ 7 วัน แต่ถ้าเปิด GPS ยาวเลย ก็ 12 ชั่วโมงจบ
● ตัวนาฬิกาเบามาก 21 กรัม ใส่แล้วไม่รู้สึกว่ามันถ่วงข้อมือแต่อย่างใด แต่ว่าในระหว่างวันก็จำเป็นต้องถอดออกมาบ้าง เพราะมันเป็นนิสัยอะ เวลาพิมพ์งานด้วยคอมพิวเตอร์ ไม่ชอบใส่นาฬิกา และมันต้องปล่อยให้ข้อมือได้มีอากาศถ่ายเทบ้างครับ
● สายนาฬิกาเหมือนจะถอดเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ อะ เท่าที่ลองดู มันเหมือนจะมีตัวสวิตช์ให้กดเพื่อถอดสายออกนะ แต่พยายามกดแล้ว มันไม่ขยับเลย ไม่กล้าหักดิบ