Home>>บ่นเรื่อยเปื่อย>>ความลับของ Super Mario Bros 2 ที่ตอนเด็กไม่เคยสังเกต
หน้าจอเริ่มเกม Super Mario Bros 2 เวอร์ชันญี่ปุ่น
บ่นเรื่อยเปื่อย

ความลับของ Super Mario Bros 2 ที่ตอนเด็กไม่เคยสังเกต

เอาจริงๆ ความลับนี้มันถูกเปิดเผยไปเมื่อหลายปีมาแล้ว มียูทูปเบอร์เขามาเล่าประวัติให้ฟัง มีคนเขียนบล็อกมีอธิบายแล้ว แต่ผมเพิ่งรู้อะ เพราะมันคืออะไรที่ตอนเด็กๆ เราไม่เคยสังเกตเลยว่า Super Mario Bros 2 หรือที่เราเรียกๆ กันว่ามาริโอ้ 2 ที่เล่นๆ กันมันมีสองเวอร์ชัน! คือ เวอร์ชันของญี่ปุ่น และเวอร์ชันของอเมริกา

จะเรียกว่าเป็นความโชคดีของคนไทยก็ว่าได้มั้ง ในยุคนั้นเราได้เกมจากทั้งฝั่งญี่ปุ่นและอเมริกา ผลก็คือ ตอนเกมมาริโอ้ 2 มา เราเลยได้ทั้งสองเวอร์ชันมาด้วย ทั้งคู่แปะหน้าจอเริ่มเกมเป็น Super Mario Bros 2 ด้วยกันทั้งนั้นเลยครับ

แต่ทีนี้ในสมัยที่ผมยังเด็กๆ เนี่ย ผมพบว่าเกม Super Mario Bros 2 เวอร์ชันญี่ปุ่นอะ มันหน้าตาแบบเดิมๆ กราฟิกและเสียงเพลง เสียงเอฟเฟ็กต์ต่างๆ นี่ถอดแบบออกมาจาก Super Mario Bros ภาคแรกล้วนๆ เลย แต่ด่านมันโคตรโหดมาก เล่นนี่ไม่รอดเลย โหดแค่ไหน ลองดูคลิปคนเล่นตั้งแต่ต้นจนจบด้านล่างนี่ได้

เพราะแบบเนี้ย ตอนนั้นผมเลยนึกว่ามันเป็นเกมปลอมๆ ที่มีใครก็ไม่รู้ สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนเล่นได้เล่นแบบท้าทายฝีมือมากๆ แต่สมัยนั้นเด็กๆ แบบผมต้องการเกมเล่นสนุกๆ ผ่านด่านได้ชิลล์ๆ ไม่ใช่โดดกี่ทีๆ ก็ตายครับ

กลับกัน ไอ้เวอร์ชันอเมริกาเนี่ย หน้าตาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงมากๆ ตัวละครดูดีกว่าของเวอร์ชันญี่ปุ่น ตัวเกมมีระบบการเล่นใหม่ ไม่ใช่การเหยียบหัวคุริโบ (ชื่อตัวศัตรูที่รูปร่างเหมือนเกาลัดของเกมมาริโอ้ในเวอร์ชันญี่ปุ่น เพราะคุริแปลว่า เกาลัด ส่วนเวอร์ชันอเมริกาเรียก กุมบา) เแต่เป็นการเหยียบบนหัวศัตรูแล้วยกมันขึ้นมาเหวี่ยงใส่ศัตรูตัวอื่น หรือไม่ก็ถอนพวกพืชผักต่างๆ มาเขวี้ยงใส่แทน ตัวบอสอย่างคุปปะ (ชื่ออเมริกันคือ บาวเซอร์) ก็เปลี่ยนไปเป็นบอสหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น เบอร์โด (Birdo), เมาสเซอร์ (Mouser) อะไรพวกนี้ และบอสใหญ่สุดก็เป็น วาร์ท (Wart)

และด้วยความที่เกมมาริโอ้ 2 เวอร์ชันญี่ปุ่น มันถูกทำออกมาในรูปแบบ Disk System ที่ผมไม่มี กว่าผมจะได้เล่นเวอร์ชันญี่ปุ่นนี่คือหลังได้เล่นเวอร์ชันอเมริกา และตอนนั้นก็มีตลับเกมเถื่อนที่มันมีการแก้ไขโค้ดภายในเกม เปลี่ยนแปลงเกมไปบ้างแล้ว ผมเลยเชื่อสนิทใจเลยว่านี่แหละ มาริโอ้ 2 ที่แท้ทรู ส่วนไอ้เวอร์ชันญี่ปุ่นมันของปลอม แต่ตอนเด็กๆ ผมกับน้อง เรียกมาริโอ้ 2 เวอร์ชันอเมริกาว่ามาริโอ้อะลาดิน เพราะธีมของมันนี่แบบว่า เหมือนอยู่ในดินแดนอาหรับราตรีชอบกล

จวบจนวันนี้แหละ ผมถึงได้รู้ความจริงว่า ไอ้ความรู้สึกที่ผมคิดว่ามันคือเกมแนวอาหรับๆ หน่อย มันไม่ผิดเลย เพราะจริงๆ แล้ว มาริโอ้ 2 เวอร์ชันอเมริกา มันเป็นการเอาเกมของญี่ปุ่นชื่อ Doki Doki Panic ที่สถานีโทรทัศน์ฟูจิของญี่ปุ่น ร่วมมือกับนินเทนโดทำขึ้นมาเพื่อโปรโมตอีเว้นต์ชื่อยูเมะโคโจ (Yume Kōjō) ครับ

ภาพฉากหนึ่งในเกม Doki Doki Panic
ภาพจาก lutris.net

มาริโอ้ 2 เวอร์ชันญี่ปุ่น ใช้เวลาพัฒนาแค่ไม่ถึงปีเท่านั้นเองครับ (ภาคแรกออกเดือนกันยายน 1985 ภาคถัดมาออกเดือนมิถุนายน 1986) ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไรต่อมิอะไรนี่ทีมพัฒนาเขาเล่นถอดออกมาจากภาคแรกเลย แค่เอามาเรียบเรียงใหม่ และทำให้ยากขึ้น เพื่อท้าทายนักเล่นเกมทั้งหลาย

แต่ปัญหามันเกิด เพราะว่ามันเสือกยากเกินไปสำหรับนักเล่นเกมในอเมริกา คือ ถ้าทำออกมายากขนาดนี้ เด็กๆ เขวี้ยงจอยทิ้งแน่ๆ มันอาจจะไม่ยากเท่าเกม Flappy bird แต่มันก็โหดไปสำหรับแฟนๆ เกมมาริโอ้ภาคแรกอยู่ดี แถมตัวเกมก็มีความคล้ายกับภาคแรกมากเกินไป โดนข้อครหาแน่นอน แต่ปัญหาก็คือ มาริโอ้ภาคแรกมันขายดิบขายดีมาก การไม่ออกภาคสองมานี่เป็นเรื่องผิดมากๆ เช่นกัน แล้วจะทำยังไงดี?

ทางทีมนินเทนโดที่ญี่ปุ่นตอนนั้นก็มีแผนทำเกมอีกหลายตัวอยู่ คือ คิวงานก็เต็มเอี้ยด จะให้ทำของใหม่ออกมาให้อเมริกานี่เป็นไปไม่ได้แน่ ก็เผอิญนึกถึงเจ้าเกม Doki Doki Panic ที่ออกมาในปี 1987 นี่แหละ เนื่องจากมันพัฒนาจากทีมเดียวกัน แต่มีการใส่ไอเดียใหม่ๆ เข้าไป เช่น การเล่นแบบ Vertical scrolling หรือ การที่เกมดำเนินเรื่องไปในแนวดิ่ง จากเดิมที่เขาเน้น Side scrolling หรือเลื่อนไปด้านข้าง มีเสียงเพลงใหม่ ตัวละครใหม่ กราฟิกสวยงามกว่าเดิม นี่มันดีงามมาก นี่แค่ปรับเปลี่ยนซักหน่อยนะ ก็ได้เกมมาริโอ้ตัวใหม่เลย แถมนินเทนโดก็สามารถทำได้ด้วย เพราะนอกเหนือจากตัวละครหลักที่เป็น Doki Doki Panic ที่เป็นลิขสิทธิ์ของสถานีโทรทัศน์ฟูจิแล้ว ที่เหลือนินเทนโดเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หมด ไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหาด้านกฎหมายเลย

ภาพเคลื่อนไหวของตัวละครเกม Doki Doki Panic vs Super Mario Bros 2
ภาพจาก supermariobroth.com (ตอนนี้หน้าเว็บหายไปแล้ว)

เกม Doki Doki Panic มีตัวละครสี่ตัว เอามาแทนที่ด้วยตัวละครเด่นๆ ของเกมมาริโอ้สี่ตัวพอดีๆ เลยครับ ประจวบเหมาะกับแนวคิดของเกมมาริโอ้ 2 ที่ให้เลือกเล่นเป็นมาริโอ หรือ ลุยจิ ซึ่งแต่ละตัวมีลักษณะเด่นที่แตกต่างกันออกไป (มาริโอ้จะเร็วกว่า แต่ลุยจิจะกระโดดได้สูงกว่า) มันก็ถูกนำมาใช้กับตัวละครของเกม Doki Doki Panic อยู่แล้ว การเล่นเกมมันก็สไตล์คล้ายๆ กัน (เพราะทีมสร้างทีมเดียวกันงิ) ผลก็คือ เกมมาริโอ้ 2 เวอร์ชันอเมริกาไง

ซ้ายมือเป็นภาพจากเกมมาริโอ้ 2 อเมริกา ส่วนขวามือคือเกม Doki Doki Panic ในฉากเดียวกัน จะเห็นว่าตัวละครเหมือนกันหมด ยกเว้นตัวเอกที่เป็นมาริโอ้ กับตัวเอกของเกม Doki Doki Panic
ภาพจาก giantbomb.com

แม้ว่าราวๆ 90% ของเกมจะเหมือนกันมาก ก็มันแค่เปลี่ยนตัวละครหลักสี่ตัว แต่ในรายละเอียดลึกๆ ก็มีการพัฒนาขึ้น เช่น ฉากสล็อตแมชชีนระหว่างเกมดูดีขึ้น ดังนั้นจะเรียกว่านินเทนโดมักง่ายเลยก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ อย่างน้อยก็ยังมีการปรับปรุงแหละน่า

แน่นอน เมื่อมันไปถึงอเมริกา มันก็ฮอตฮิตเลยละครับ บอกตรงๆ ในฐานะคนที่เล่นเกมนี้มาแล้ว เกมมาริโอ้ 2 เวอร์ชันอเมริกามันเล่นง่ายกว่าเวอร์ชันญี่ปุ่นมาก กราฟิกสวยกว่า ให้ความรู้สึกของการเป็นภาคสองมากกว่าเยอะ

ภาพจากเกม Super Mario Bros 3
ภาพจาก gamespot.com

กว่าคนจะรู้สึกว่าภาค 2 นี่มันแปลกๆ ก็อีตอนที่ Super Mario Bros 3 เขาออกมานี่แหละ เพราะแนวเกมมันกลับไปเหมือนภาคแรก ศัตรูต่างๆ ก็อัปเกรดกราฟิกมาจากภาคแรก หรือไม่ก็มีตัวใหม่ๆ เข้ามาที่สไตล์เป็นมาริโอ้มากกว่า มาริโอ้ 2 เวอร์ชันอเมริกา แถมคุปปะก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับลูกๆ

นั่นแหละ ถึงได้ #นินเทนโดโป๊ะแตก 555 ไม่ใช่หรอกครับ นินเทนโดเขาก็เงียบๆ ไป แล้วค่อยๆ ออกมาเผยความลับทีหลังละ โดยมีการเอา Super Mario Bros 2 USA เข้ามารวมอยู่ใน Super Mario All-Stars โดยยกให้มันเป็น Super Mario Bros 2 ไป แต่มีการเพิ่ม Super Mario Bros 2 ของญี่ปุ่นเข้ามา แต่ใช้ชื่อว่า Super Mario Bros The Lost Levels แทน

ฉากเลือกเกมของ Super Mario All Stars

แต่เอาจริงๆ นะ เขาว่ากันว่าเกม Super Mario Bros 2 USA เนี่ย มันก็เป็นตัวสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเกมมาริโอ้ในยุคหลังๆ นะ เพราะมันพิสูจน์เรื่องแนวคิดของการสร้างลักษณะเด่นของตัวละครที่แต่ละตัวจะมีความสามารถแตกต่างกันออกไป การเล่นที่มีทั้ง Side scrolling และ Vertical scrolling และศัตรูบางตัวจากเกม Doki Doki Panic ก็กลายมาเป็นศัตรูในเกมมาริโอ้แบบถาวรไปเลย เช่น ชายกาย (Shy Guy) หรือ เบอร์โด (Birdo) เป็นต้น

ส่วนเกม Super Mario Bros 2 ของญี่ปุ่น หรือที่ตอนนี้โดนเรียกว่า The Lost Levels นั้น ก็เหมือนจะเป็นจุดกำเนิดของกลุ่ม ROM Hack ที่มาสร้างเกมเวอร์ชันด่านโหดโคตรพ่อ ให้คนได้มาเล่นกันแบบหัวร้อนๆ กัน เช่นแบบด้านล่างนี่ครับ ซึ่งนี่นำไปสู่การสร้างเกมออกแบบฉากเกมมาริโอ้อย่าง Super Mario Maker 2 ซึ่งก็จะมีคนที่ทำฉากยากๆ มาท้าทายนักเล่นเกมทั่วโลกให้พิชิตกัน

ป.ล. ผมอ้างอิงบล็อกตอนนี้มาจากคลิปนี้นะครับ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Discover more from บล็อกต๊อกต๋อยของนายกาฝาก

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ผมใช้แค่ดูว่ามีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ผมกี่คน กี่ครั้ง และดูหน้าเว็บไหนบ้าง ถ้าคุณปิดการใช้งาน ผมก็จะไม่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านบล็อกของผมกี่คน กี่ครั้ง
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า