เผลอแป๊บเดียว ถึงเวลาต้องต่ออายุใบขับขี่ซะงั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทำเลยนะ เพราะเพิ่งมีใบขับขี่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ แล้วก็เพิ่งเปลี่ยนจากใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปีไปเมื่อ 5 ปีก่อนพอดี งวดนี้เขามีให้ต้องรับการอบรมก่อนด้วย แต่ไม่ต้องเสียเวลาไปอบรมที่สำนักงานขนส่งทางบกแล้ว สามารถเข้ารับการอบรมออนไลน์ได้เลย ก็เลยขอมาเขียนเล่าประสบการณ์ให้อ่านกัน ว่าเป็นยังไงบ้าง
จองคิวต่ออายุใบขับขี่ผ่านแอปหรือเว็บก่อน
สมัยก่อน การต่ออายุใบขับขี่นี่แบบ เสียเวลามาก เพราะเราไม่รู้ว่าคิวมากน้อยแค่ไหน ต้องวัดดวงกัน การไปวันธรรมดาไม่ช่วยอะไร เพราะหน่วยงานราชการเขาเปิดเฉพาะวันธรรมดาอยู่แล้ว การจะไปต่ออายุใบขับขี่ทีนึง ต้องลางานไป แล้วก็ต้องไปลุ้นว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน
แต่เดี๋ยวนี้ กรมการขนส่งทางบก เขาพัฒนาแล้ว การต่ออายุใบขับขี่ เราต้องเริ่มจากการไปจองคิวก่อน ซึ่งทำได้ผ่านการดาวน์โหลดแอป DLT Smart Queue ซึ่งมีทั้งบน iOS, Android และบนเว็บของกรมการขนส่งทางบกเอง
ซึ่งเราก็จะต้องลงทะเบียนก่อน โดยเขาจะขอข้อมูลส่วนตัวไปเยอะอยู่ครับ ทั้งเลขประจำตัวประชาชน ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์ติดต่อ ส่วน อีเมล กับ LINE นี่ไม่ต้องกรอกก็ได้ เราจะตั้งรหัสผ่านกันในขั้นตอนลงทะเบียนนี่ และเราจะใช้เลขประจำตัวประชาชนของเราเป็น Username

พอลงทะเบียนเสร็จ เราก็ไปเลือกว่าเราจะไปต่ออายุใบขับขี่วันไหน ปฏิทินมันจะบอกเลยว่ามีวันไหนที่คิวว่างบ้าง เราก็เลือกวันที่และเวลาที่เราจะเข้าไปรับบริการต่ออายุใบขับขี่ และต้องไม่ลืมไปอบรมออนไลน์ครับ

การอบรมออนไลน์ ไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ แล้วคลิกลงทะเบียนเข้ารับการอบรม ซึ่งเราก็จะต้องกรอกเลขประจำตัวประชาชน เลขที่ใบขับขี่ ใส่วันเดือนปีที่ออกใบขับขี่ และวันเดือนปีที่ใบขับขี่หมดอายุ ของใบขับขี่ปัจจุบันของเรา
ใบขับขี่หมดอายุก็ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้ามันยังหมดอายุไม่เกิน 1 ปี เราสามารถทำเรื่องต่ออายุใบขับขี่ได้ โดยไม่ต้องไปสอบข้อเขียนใหม่ แต่หากหมดอายุเกิน 1 ปี ก็จะต้องสอบข้อเขียนใหม่ และหากหมดอายุเกิน 3 ปีนี่ เจอทั้งสอบข้อเขียน สอบขับรถ และต้องมีใบรับรองแพทย์อีก

เว็บอบรมออนไลน์ มีแปะป้ายเอาไว้ว่า จะดูได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อใช้ Google Chrome เล่นเอาผมรู้สึกว่ามันย้อนยุคมาก แบบ กลับไปสมัยที่จะเปิดเว็บไซต์ทีต้องมาเช็กเบราวเซอร์ก่อน ถ้าใช้ผิดอัน การแสดงผลอาจจะมีปัญหา เดี๋ยวนี้เบราวเซอร์ยอดฮิตก็มี Google Chrome (และ Microsoft Edge ตัวใหม่ ที่ใช้ Chromium เป็นพื้นฐาน), Safari และ Firefox ทำไมจะทำเว็บไซต์ให้ดูบนเบราวเซอร์ยอดฮิตทุกตัวไม่ได้อ้ะ
การอบรมออนไลน์ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าเราดูไปเรื่อยๆ จนจบครับ ความฮาก็คือ ตัววิดีโอเขาทำออกมาเป็นแบบ Background video ครับ เราสามารถหยุด และเล่นวิดีโอได้ แต่ต้องดูตั้งแต่ต้นจนจบ จะเลื่อนย้อนกลับไปดูไม่ได้ หรือจะเล่นไปดูไวๆ ก็ไม่ได้เช่นกัน

เขาก็ออกแบบมาดีนะ คือ ถ้าเราเปิดวิดีโอไว้ แล้วกะทำเนียน ไปทำอย่างอื่นบนคอมพิวเตอร์ วิดีโอจะหยุดเล่น ถ้าเกิดเว็บไซต์มันไม่ได้เป็น Active window ครับ แค่ย้ายไปเปิดแท็บอื่นวิดีโอก็หยุดเหมือนกัน ตรงนี้ถือว่าทำมาได้ดี แต่ไม่รู้ว่าเขาไปเซ็ต CSS อีท่าไหนอะครับ วิดีโอมันถูกขยายจนล้นจอ คือ ผมใช้จอ 17.3″ ความละเอียด Full HD นะ ผมยังสังเกตได้เลยว่าสไลด์ที่ผู้บรรยายนำเสนอ มันล้นออกนอกจอไปแล้วจ้า แถม ไอ้แถบทึมๆ ด้านซ้ายเนี่ย มันจะมีไปทำไมไม่รู้ … แนวคิดเรื่องการออกแบบนี่ขอให้คะแนน 2/10 พอ

และผมก็ไม่รู้ว่าเขาเขียน TOR กันมายังไง แต่ที่แน่ๆ คือ เว็บเป็น Responsive ครับ แต่พอเราย่อขยายหน้าเว็บ ดูเหมือนการย่อขยายของวิดีโอจะทำเอาไว้แย่มาก (มากๆ ด้วย) คือ พอย่อลง แทนที่วิดีโอจะย่อขนาดลงมาพอดีกับหน้าต่างโปรแกรม ปรากฏว่า วิดีโอไม่ลดขนาดจ้า เนื้อหานี่แบบหายไปเลย

เลยลองเสียบสองจอทำ Extended desktop ดู จะได้พื้นที่การแสดงผลกว้างขึ้นเป็นสองเท่าคือ 3,840 พิกเซล (ความกว้างของวิดีโอแบบ Ultra HD) พบว่า เออ ตัวความกว้างระดับนี้แหละ ถึงจะสามารถแสดงผลได้เห็นเนื้อหาครบ แต่เดี๋ยวก่อนนะ งี้ก็แสดงว่า ถ้าอยากได้เห็นวิดีโอแบบเต็มๆ เลย คือ มันต้องดูบนจอความละเอียด 4K อะไรแบบนี้เหรอ? (ความละเอียดขั้นต่ำ 3840×2160 พิกเซล) นี่ TOR มันเขียนไว้ว่าต้องให้แสดงผลวิดีโอ 4K รึยังไงเนี่ย? จะบ้าเหรอ วิดีโอต้นฉบับนี่ดูยังไงๆ ก็บันทึกมาเต็มที่ก็ HD 720p เหอะ แถม ถ้าจะอบรมออนไลน์ ใครเขาจะบ้าให้แสดงผลแบบ 4K ละวะเนี่ย
แอบเสียดายว่า ถ้าผ่านการอบรมแล้ว จะกลับเข้าไปดูวิดีโอไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้น ว่าจะลองดูหน่อยว่า ถ้าเปิดเว็บอบรมออนไลน์นี้ด้วยหน้าจอแสดงผล 1366×768 พิกเซล มันจะบรรลัยกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า

ในส่วนของเนื้อหา ก็มีความน่าสนใจดีอยู่ครับ คือ เขาก็มีการพูดย้ำๆ เรื่องที่ประเทศไทยติดอันดับสองของโลก ที่มีอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด แล้วก็พูดถึงสถิติหลายๆ อย่าง พูดถึงมารยาทในการขับขี่ สิ่งที่พึงกระทำ สิ่งที่ไม่ควรกระทำ ผลเสียของการขับขี่โดยประมาท อะไรแบบนี้
เนื้อหามีการแอบแทรกหลวงพ่อคูณเข้าไป แล้วก็มีการแทรกเรื่องหลักธรรมในพุทธศาสนาเข้าไปด้วย ก็เป็นวิธีสอนให้จำง่ายดีครับ แต่สำหรับวัยรุ่นหลายๆ คน ผมว่ามันคงจะน่าเบื่อน่าดูเลย

ระหว่างทางที่เราดูวิดีโอ มันก็จะมีคำถามเด้งมาถามเราสามข้อ ซึ่งแต่ละข้อ บอกเลย นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะถามอันนี้ 555 ตอนแรกก็เป็นกังวลว่าตอบผิดแล้วจะเป็นอะไรไหม แต่ลองไปดูๆ ว่าขั้นตอนการลงทะเบียนมันมียังไงบ้าง มันก็ไม่ได้การพูดถึงว่าถ้าตอบผิดตอนอบรมแล้วจะต้องอบรมใหม่นะ และพอจบการอบรม ก็เป็นตามนั้นจริงๆ คือ คำตอบที่เรากรอกไปอะ มันไม่ได้มีผลอะไรกับการผ่านหรือไม่ผ่านการอบรม คือ ถ้าเราเปิดวิดีโอให้มันเล่นไปจนจบ เราก็ผ่านการอบรมแน่นอน 100% ครับ (อันนี้คือ อ้างอิง ณ ตอนที่ผมเขียนบล็อกนี้จบนะ)
ดูวิดีโอจนจบ มันก็จะให้เรากรอกเลขประจำตัวประชาชน เลขที่ใบอนุญาตขับรถ กรอกเสร็จ มันก็จะเด้งว่าบันทึกข้อมูลเรียบร้อย แล้วก็จะให้เรากลับไปหน้าแรก พอมาถึงหน้าแรก ถ้าเราเข้ามาตรวจสอบสถานะการอบรม มันก็จะขึ้นเอกสารผ่านการอบรมมาให้ แล้วบอกว่าอบรมไปเมื่อไหร่ เวลาไหน
ในภาพรวมก็ต้องบอกว่าเห็นพัฒนาการของกรมการขนส่งทางบกนะ และการให้จองคิวต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ได้ อบรมแบบออนไลน์ได้ มันสะดวกดี เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากๆ ครับ แต่ถ้าจะถามว่าผมมีคำแนะนำอะไรในเรื่องการปรับปรุงระบบบ้าง ผมก็คงจะแนะนำแบบนี้ครับ
- ให้โปรแกรมเมอร์ไปปิดการแสดงผลแจ้งข้อผิดพลาดของ PHP ก่อนเลยฮะ มันเอาไว้แสดงตอนที่พัฒนาเว็บเพื่อการดีบั๊กพอ ไม่ใช่เอามาใช้ตอนแสดงผลจริง
- ไปเช็กเรื่องการแสดงผลวิดีโอเป็นแบ็กกราวด์หน่อย ว่าดูบนคอมพิวเตอร์แล้วไม่มีปัญหา ผมเข้าใจว่าออกแบบมากะให้ดูบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้เลย (สังเกตจากภาพตัวอย่างที่ใช้อธิบายขั้นตอนการลงทะเบียนจองคิวต่อใบขับขี่และการอบรมออนไลน์) แต่ก็มีคนยังใช้คอมพิวเตอร์อยู่นะ และวิดีโอมันก็เหมือนจะปรับขนาดการแสดงผลได้ไม่เหมาะสมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ซะด้วย
- เอาไอ้ข้อความระบบการอบรมต่อใบอนุญาตขับขี่ออนไลน์ออกเหอะ มันเกะกะวิดีโอมาก แทนที่คนจะได้สนใจกับวิดีโออย่างเดียว
- การมีคำถามเด้งมาระหว่างดูวิดีโอก็ดีอยู่หรอก แต่ที่ตอบไปเนี่ย ผิดหรือถูกก็ไม่รู้ ไม่มีเฉลยให้อีกตะหาก มันจะมีไว้ทำไมเนี่ย (สงสัยมีเพื่อให้ครบๆ ที่ระบุไว้ใน TOR)
- ดูวิดีโอจบ ต้องมากรอกข้อมูลอีกครั้ง เพื่ออะไรกัน ทั้งๆ ที่ก็กรอกข้อมูลไปก่อนจะดูวิดีโอแล้วแท้ๆ ดูจบก็บันทึกไปเลยสิ จบเรื่อง และถ้าจะให้ดีกว่านั้นนะ ตอนที่จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ มันก็ให้เราลงทะเบียนอยู่แล้ว ทำไมไม่เอาข้อมูลตรงนั้นมาให้ล็อกอินเลย จบเรื่องกว่า ทำไมต้องทำแยกกัน? ทำไมไม่ทำระบบผู้ใช้งานอิงกับฐานข้อมูลผู้มีใบขับขี่ไปเลย ตอนลงทะเบียนก็เหมือนกัน อุตส่าห์ถามเลขประจำตัวประชาชนแล้ว ทำไมมันไม่ไปลิงก์กับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทยไปเลย ตรงนี้ผมว่า หา System analyst มาวิเคราะห์ระบบ แล้วออกแบบให้ใหม่ดีกว่าไหม?