ก่อนหน้านี้ ผมได้รีวิว Huawei Y5P ไปแล้ว และผมได้ทิ้งท้ายว่าถ้ามีงบ เพิ่มเงินอีกพันเดียว สอย Huawei Y6P ดีกว่า นั่นเพราะว่าผมได้สองรุ่นนี้มารีวิวพร้อมกัน มันก็เลยเกิดข้อเปรียบเทียบได้ดีเลยครับ คือ งบที่เพิ่มมา 1 พันบาท มันให้อะไรได้มากกว่าที่คิดจริงๆ นะ ไม่ว่าจะแรมที่เพิ่มขึ้น ความจุที่เพิ่มขึ้น และกล้องดิจิทัลที่ดีขึ้น แต่นี่คือในกรณีที่เราเทียบกันภายในแบรนด์เดียวกันนะ แต่ถ้าจะพิจารณาครบทุกแบรนด์ เราต้องคิดด้วยว่า Google Mobile Services (GMS) มันสำคัญกับเราขนาดไหนครับ เพราะพิษจากสงครามการค้า ทำให้แบรนด์ Huawei มีข้อเสียเปรียบเรื่องที่ไม่สามารถติดตั้ง GMS ได้อย่างเป็นทางการนี่แหละ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
Huawei Y6P ตัวนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก Huawei Thailand ครับ แต่ก็จะรีวิวแบบตรงไปตรงมาให้ได้อ่านกันเหมือนกับตอนที่รีวิว Huawei Y5P ไปนั่นแหละ แต่อย่างนึงที่ต้องเข้าใจก็คือ ผมจะรีวิวเน้นไปที่ประสิทธิภาพ และประสบการณ์ในการใช้งานทั่วไป ซึ่งหมายถึงจะไม่พูดถึงความพยายามในการติดตั้ง GMS เอาเองนะครับ เพราะผมเชื่อว่าก็จะมีผู้ใช้งานหลายคนที่ไม่มีพื้นฐานแน่นพอที่จะทำอะไรแบบนี้ และอีกอย่างคือ ผมจะพยายามเปรียบเทียบกับ Huawei Y5P ด้วย เพื่อที่จะได้ให้รู้กันชัดเจน ว่าทำไมผมถึงบอกไปตอนรีวิว Huawei Y5P ว่า ถ้าจะซื้อ เพิ่มงบอีกพันนึงแล้วซื้อ Huawei Y6P ดีกว่า
เช่นเคย เริ่มที่หน้าตาของ Huawei Y6P และของที่มีมาให้ในกล่อง
เงินที่จ่ายเพิ่มพันนึง อย่างน้อยๆ ก็ได้อุปกรณ์เสริมมาเพิ่มจนครบถ้วนจริงๆ (ซะที) ครับ คือ นอกจากจะได้ตัวสมาร์ทโฟน Huawei Y6P ตัวจิ้มถอดถาดใส่ซิมการ์ด และสาย Micro USB ความยาว 1 เมตร แล้ว อะแดปเตอร์ที่ให้มา ก็เป็นแบบ 5V 2A ด้วย ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่า Huawei Y5P แน่นอน และยังมีหูฟังเป็นแบบหูฟังทั่วไป คือ เป็นแบบ Earbud ครับ แต่ดันไม่แถมฟองน้ำมาให้ด้วย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนไฟดูดตื๊ดๆ ในหู เหมือนตอนใช้พวกหูฟังกระจอกๆ เพราะตัว Earbud มันเป็นพลาสติกล้วน และมีเคสซิลิโคนใสแถมมาให้ด้วยอีกอันนึง เรียกว่าอุปกรณ์เสริมครบถ้วนทุกพื้นฐาน

ตัวเครื่อง Huawei Y6P มีหน้าจอแสดงผลใหญ่เบิ้ม 6.3 นิ้ว แบบ HD+ ความละเอียด 1600×720 พิกเซล และเป็นจอแบบ IPS LCD ที่ให้ความสว่างและมุมมองได้ดีกว่าจอแบบ TFT ของ Huawei Y5P ครับ

ดีไซน์ด้านหลังของตัวเครื่องก็สวยกว่าของ Huawei Y5P เป็นดีไซน์แบบด้านหลังกระจกเงาแว้บ (แต่ผมไม่ชอบแนวนี้ เพราะมือมันๆ จะทำให้เกิดเป็นคราบ) มีตัวสแกนลายนิ้วมือ มีกล้อง 3 ตัวด้วย ที่เหลือรอบๆ ก็เป็นพวกถาดใส่ซิม รูไมโครโฟน พอร์ต Micro USB และลำโพงของตัวเครื่อง ตามมาตรฐาน
แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนราคาประหยัดแบบนี้ ก็ยังคงใช้พอร์ต Micro USB อยู่ครับ น่าเสียดาย
สเปกและประสบการณ์ในการใช้งานทั่วไปของ Huawei Y6P
ในแง่ของหน่วยประมวลผล และหน่วยประมวลผลกราฟิก ทั้ง Huawei Y5P และ Huawei Y6P ต่างก็ใช้ตัวเดียวกันคือ MediaTek Helio P22 กับ PowerVR GE8320 แต่ต่างกันตรงที่ Y6P ให้แรมมา 4GB และความจุ 64GB ครับ ด้วยความที่ไม่มี GMS ผมเลยไม่สามารถใช้แอปทดสอบความเร็วของ Storage ตัวที่ผมใช้ประจำได้ แต่บน App Gallery มันก็มีแอปชื่อ Cross Platform Disk Test ให้ผมใช้ ซึ่งผมลองทดสอบแล้ว Storage ของ Huawei Y6P นี่ความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 260MB/s ส่วนความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 58MB/s โดยประมาณ ซึ่งถือว่าโอเคมากเลยนะ สำหรับสมาร์ทโฟนราคาประมาณนี้ ผมยังจำได้เลยว่า 2-3 ปีก่อน สมาร์ทโฟนระดับเรือธงบางยี่ห้อ ความเร็วในการอ่านข้อมูลยังอยู่แถวๆ 90-100MB/s เองด้วยซ้ำ
แรมที่ให้มาเยอะกว่า ความจุที่ให้มาเยอะกว่า นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้การเพิ่มงบอีก 1,000 บาท เพื่อจัด Huawei Y6P แทนที่จะเป็น Y5P มันคุ้มค่าครับ เพราะนั่นเท่ากับทำให้เปิดหลายๆ แอปรันเป็นแบ็กกราวด์ได้ดีกว่า และรองรับเรื่องการเล่นเกมได้ดีกว่าด้วยเช่นกัน
Y6P มาพร้อมกับ Android 10 ครอบด้วย EMUI 10.1 ฉะนั้น ฟีเจอร์อะไรที่คู่แข่งที่ใช้ Android 10 เหมือนกันมี เจ้านี่ก็มีเกือบหมดแหละ (ยกเว้นฟีเจอร์มันจะถูกผูกกับ GMS) เท่าที่ลองเล่นกับ Settings ดูแล้ว
และผมก็ชอบโหมด eBook ของมันมาก คือ มันตัดสีออกไปเลย แล้วทำหน้าจอทั้งหมดเป็นแบบ Grayscale คล้ายๆ หน้าจอ e-Ink แต่จริงๆ เจ้านี่ก็ยังเป็นจอ LCD อยู่ ฉะนั้นถ้าปิดความสว่างหน้าจอไปหมด จอก็จะมืดครับ แต่ในโหมดนี้ ถ้าเราเปิดความสว่างหน้าจอน้อยๆ มันจะอ่านแล้วสบายตา เหมาะกับการอ่านตัวหนังสือบนอีบุ๊กมากๆ และนอกจากนี้ก็มี Dark mode ไว้ให้เลือกใช้ด้วย แต่มันเหมาะกับคนที่ไปเลือกธีมโทนมืดๆ มากกว่าโทนสว่างๆ นะครับ

แต่สุดท้าย มันก็ต้องไปดูยาวๆ ว่า Huawei เขาสามารถพอร์ตพวกแอปต่างๆ มาลง App Gallery ของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่ง ณ ตอนนี้ เท่าที่เห็นชื่อที่คุ้นๆ ก็มี Rise of Empires, Lords Mobile, Asphalt 9: Legends, Laplace M, Honkai Impact 3, Era of Celestials, Naruto: Slugfest, Saint Seiya: Awakening, Garena Free Fire, RoV, Contra Returns ฯลฯ ซึ่งก็เรียกว่า Huawei ศึกษาตลาด Mobile gaming ไทยมาพอสมควร เลือกพอร์ตเกมที่คนชอบเล่นๆ กันมาไว้พอประมาณแล้วล่ะ

ผมลองดาวน์โหลด Asphalt 9: Legends มาเล่น ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ผมค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้วว่า Y6P นี่เล่นเกมนี้ได้สบายๆ อยู่แล้ว พบว่า จะติดตั้งเกมนี้ได้ ต้องลงชื่อ Huawei ID ก่อนด้วยนะ ผมติดตั้งเสร็จ ลองเล่นแบบกราฟิก High quality ไปเลยสำหรับเกมนี้ พบว่า พอเล่นได้นะ กราฟิกมาเต็ม แต่พอจังหวะบวกในหลายๆ จุด เช่น ช็อตที่รถยนต์ชนกันอะไรแบบนี้ กระตุกไปเลยจ้า กระตุกแบบเห็นๆ หน่วยประมวลผลเอาตัวไม่รอด สุดท้าย ปรับกลับมา Default ครับ แต่ก็ยังพบว่ามีจังหวะกระตุกๆ อยู่บ้างอยู่ดี ฉะนั้น ใครจะเล่นเกมบน Y6P อยากให้เล่นแบบลื่นๆ เนียนๆ แนะนำว่าลองปรับกราฟิกให้เหมาะสมก่อนนะครับ
ในสาย Entertainment นั้น ผู้นิยมรับชมพวก Video on Demand ทั้งหลาย มีตัวเลือกไม่ว่าจะเป็น WeTV, Viu หรือ LINE TV และพวกแอปชอบช่องทีวิดิจิทัลต่างๆ ทั้งช่อง 3, 7HD, Mono 29, Workpoint พวกนี้มีให้ดาวน์โหลดบน App Gallery แล้ว ส่วนใครนิยมดู YouTube ก็มีแอปพวก Tune Download และแอปอื่นๆ ทำนองนี้ ให้ดาวน์โหลดไปใช้ได้
เท่าที่ลองดู ประสบการณ์ในการใช้งานก็ถือว่าไม่เลวเลย เสียงลำโพงเน้นเสียงกลางกับเสียงสูง เข้าใจว่าเพื่อให้ได้ยินพวกเสียงพูดชัดเจนเป็นพิเศษ เสียงดังดีเวอร์วังมาก แต่ก็มีข้อจำกัดตรงการแสดงเสียงย่านต่ำนะครับ ซึ่งเป็นปกติของลำโพงสมาร์ทโฟนทั่วไป

หูฟังที่แถมมาให้ ก็เป็นแบบมาตรฐาน ตอนแรกผมบ่นเรื่องการที่ไม่มีฟองน้ำมาให้ เพราะมันจะทำให้ไม่กระชับหูซักเท่าไหร่ ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ครับ ลองใส่ดูแล้วรู้สึกได้เลยว่าไม่ค่อยเกาะหูเท่าไหร่ ตัวเครื่องก็ตั้งเอาไว้ว่าถ้าเปิดเสียงถึง 50% แล้วจะเตือนว่าเปิดดังๆ อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพหู แต่บอกเลยว่าเสียงที่ระดับ 50% มันเบาไปครับ สำหรับหูฟังตัวนี้ โดยเฉพาะถ้าไม่สวมฟองน้ำให้กระชับหูและซับเสียงเอาไว้
การถ่ายภาพด้วย Huawei Y6P
ในส่วนของซอฟต์แวร์ ก็มีฟังก์ชันต่างๆ แบบที่พวกกล้องดิจิทัลบนสมาร์ทโฟนพึงจะมี โหมดการถ่ายภาพ ก็มี Aperture (ตั้งค่าตามรูรับแสง), Beauty (โหมดแต่งหน้าสวย), Photo (โหมดถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ), Video (โหมดการถ่ายวิดีโอ), HDR (โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR), Panorama (โหมดการถ่ายภาพแบบพาโนรามา) และ Pro (โหมดการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ ต้องตั้งค่าเองทุกอย่าง)

กล้องหลัง 3 ตัวของ Huawei Y6P ประกอบไปด้วย กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล f1.8 เลนส์มุมกว้าง, กล้องรอง 5 ล้านพิกเซล f2.2 เลนส์มุมกว้างพิเศษ 120 องศา และ กล้อง 2 ล้านพิกเซล f2.4 ทำหน้าที่เป็น Depth sensor ส่งผลให้เจ้านี่ถ่ายภาพได้แบบ 1x และ ภาพมุมกว้างพิเศษ แต่หากต้องการซูมก็ทำดิจิทัลซูมได้สูงสุด 4x ครับ
คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ผมบอกว่า อัดงบเพิ่มอีกพันนึงแล้วจัด Huawei Y6P เหอะ ถ้าคิดว่าจะซื้อ Y5P ครับ ลำพังแค่กล้องหลักที่อัพเกรดมาเป็น 13 ล้านพิกเซล f1.8 มันก็คุ้มกว่าแล้ว ภาพที่ผมถ่ายจากร้านชะตาธรรมชาติ ถ้าเทียบระหว่าง Huawei Y5P กับ Huawei Y6P แล้ว ตัวหลังชนะขาดกว่าเยอะ
นี่ยังไม่นับที่มันมีกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 5 ล้านพิกเซลด้วยนะ แม้ว่า 5 ล้านพิกเซลจะดูไม่ละเอียดมาก แต่มันมากพอสำหรับการโพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดียอวดเพื่อน หรือส่งไปทาง LINE สบายๆ และภาพมุมกว้างพิเศษเนี่ย มันช่วยให้เราถ่ายภาพในหลายๆ สถานะการณ์เวลาไปเที่ยวได้ดีเลยนะ
แต่ตอนถ่ายอะ ผมแอบตกใจเล็กๆ ตอนที่เห็นว่าภาพที่ได้ มันมี Lens distortion สูงมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเลนส์มุมกว้างพิเศษ แต่ปกติแล้ว สมาร์ทโฟนจะมีการปรับชดเชยให้ ภาพที่ได้จะออกมาเป็นแนวตรงปกติ พวกเรือธงที่มีเลนส์มุมกว้างพิเศษ จะมีการปรับภาพชดเชยแบบ Real-time ให้ดูเลย พอเห็น Huawei Y6P แสดงผลแบบเบี้ยวๆ แบบนี้ ก็กลัวว่าภาพที่ได้จะเบี้ยวๆ ตามไปด้วย

แต่เอาเข้าจริงๆ พอถ่ายเสร็จ มันจะปรับภาพมาให้ครับ ภาพออกมาได้มุมกว้างดี และเป็นแนวตรงดี ไม่มีอาการเบี้ยวใดๆ เลย เรียกว่าปรับออกมาได้ดูดีทีเดียวเลยแหละ ลองเปรียบภาพที่เห็นจากหน้าจอ Y6P ตรงๆ ที่ถ่ายมาให้ดูด้านบน กับตอนที่ถ่ายออกมาแล้วด้านล่างนี่ได้ครับ

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f2.0 เนี่ย คุณภาพพอประมาณเท่านั้นเองละครับ ยิ่งถ้าเปิดโหมดบิวตี้ด้วย รายละเอียดของภาพก็หายไปเยอะเลยครับ

บทสรุปการรีวิว Huawei Y6P
กับค่าตัว 4 พันบาท ถ้าไม่ติดเรื่องว่าต้องใช้บริการ Google Mobile Services (GMS) พวก Gmail, Google Calendar, Google Maps อะไรพวกเนี้ย ก็ถือว่าโอเคนะครับ สเปกดีพอสมควร ได้แรม 4GB และความจุ 64GB ด้วย กล้องดิจิทัลก็ให้ภาพที่โอเคดี และพวกแอปต่างๆ ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่พวก Entertainmen และเกมต่างๆ ก็สามารถหาได้จาก App Gallery แล้ว หรือไม่ก็โหลด Amazon App Store เพิ่มมาอีกก็ได้
ส่วนที่เหลือ ถ้าฟิตจริงๆ ไม่ใช่จะไม่มีทางลง GMS เลย หรือแอปอีกหลายๆ ตัวของ Google ก็ยังสามารถหาทางลงเอาเองได้ครับ มันแค่ไม่อุ่นใจเท่ากับพวกที่ได้รับการติดตั้งมาให้เลยแบบ Official เท่านั้นแหละ
ลิงก์ด้านล่างนี่คือลิงก์ไปซื้อจาก Huawei Official Store บน Lazada นะครับ ราคาเห็นตอนที่เขียนบล็อกนี่คือ 3,490 บาทแฮะ ถูกกว่าราคาเปิดอีก 500 บาทด้วย ยิ่งคุ้มอะ