มีผู้ติดตามท่านนึงสอบถามผมเรื่องการติดตั้งระบบเน็ตเวิร์กในบ้าน เพราะเขามีปัญหาเรื่องสัญญาณ WiFi ในบ้าน เพราะวัสดุที่ใช้ทำโครงสร้างของบ้านเป็นแบบพรีแคสต์ เขาก็อยากทราบวิธีแก้ปัญหา แต่งบเขาไม่เยอะ ผมก็แบบ เอิ่ม อาจจะถามผิดคนแล้ว เพราะตอนผมแก้ปัญหานี้ และวางเน็ตเวิร์กที่บ้าน ผมจ้างทีมมืออาชีพมาดำเนินการเลยฮะ หมดไปครึ่งแสนกันเลยทีเดียว ใครได้ฟังก็คงจะแบบคิดในใจว่า “นี่ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ?” คำตอบแบบไวๆ จากผม อ่านย่อหน้าแรกนี้จบแล้วไม่ต้องอ่านต่อ ก็คือ “ก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนครับ”
เอาจริงๆ เน็ตบ้านทั่วไป วางระบบกันเองก็ได้ ไม่ยุ่งยาก
ตอนผมยังอยู่บ้านเดิม เป็นบ้านรุ่นเก่า ชั้นเดียว เนื้อที่ 60 ตารางวา แต่ปลูกไม่เต็มพื้นที่ เน็ตบ้านผมนี่วาง WiFi modem router ตัวเดียวเอาอยู่ครับ แค่ซื้อของดีๆ มาใช้แทนที่แถมมากับแพ็กเกจเน็ตก็เท่านั้น ยุคนั้นยังเป็น ADSL อยู่ ซื้อของมาใช้แทนได้ สาย LAN ถ้าจะต้องเดิน ก็ไม่ต้องห่วงอะไร ต่อหัว ลากสายเองได้ ขึ้นฝ้าสบายๆ LAN ยุคนั้นวิ่งกัน 100Mbps เอง
แล้วยุคปี ค.ศ. 2020 แบบนี้ ยังทำแบบนั้นได้ไหม? ก็ไม่ยากนะครับ แต่ต้องดูโครงสร้างของบ้านว่าเป็นยังไง ขนาดของบ้านใหญ่แค่ไหน มีกี่ชั้น อะไรพวกนี้ ถ้ายังคงเป็นบ้านรุ่นเก่า ชั้นเดียว ขนาดจุ๋มจิ๋ม แบบบ้านเดิมของผม ก็ใช้ไอ้ WiFi router ที่แถมมาให้นั่นแหละ จ่ายตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากได้ WiFi แรงๆ รองรับมาตรฐานใหม่ๆ ทันใจเรา ก็บอกช่างตอนมาติดตั้ง ให้เอา WiFi router ที่แถมมาทำเป็น Bridge ไปซะ แล้วเราก็เอา Wireless AP ของเรามาเสียบแทน จบ
แต่ถ้าบ้านเป็นแบบรุ่นใหม่ ที่นิยมสร้างกันไวๆ ด้วยวัสดุที่เรียกว่าพรีแคสต์ แถมมีหลายชั้น หลายห้อง พวกกำแพงที่เป็นพรีแคสต์มักจะมีโครงเป็นโลหะ มันก็จะดักสัญญาณ WiFi ไปเยอะพอสมควร จึงไม่แปลกที่สัญญาณ WiFi จะครอบคลุมไม่เต็มที่ อุปกรณ์จำพวก Mesh WiFi (ขี้เกียจเขียนว่ามันคืออะไรนะ ไปอ่านที่เว็บ Droidsans เอาละกัน) ก็จะช่วยได้ครับ แต่จะใช้กี่ชิ้น ต้องติดตั้งกี่จุด ก็ต้องเช็กสัญญาณกันดีๆ

แล้วเดี๋ยวนี้อุปกรณ์จำพวกนี้มันติดตั้งเองง่ายมาก ใช้เวลาแป๊บเดียว อย่าง EnGenius EMR3000 Mesh Router ของผม หรือ LinkSys Velop ที่ผมเคยรีวิวไว้ในบล็อกเก่า kafaak.com ของผม นี่เซ็ตแป๊บเดียว ก็พร้อมใช้แล้ว
สำหรับคนทั่วไป ที่ไม่ได้มีอะไรเยอะแยะมากมาย เน้นแค่มี WiFi ให้อุปกรณ์ต่างๆ ได้ใช้ วิ่งด้วยความเร็วดั่งใจ เช่น สมัครแพ็กเกจ 300Mbps/300Mbps หรือ 1Gbps มาก็วิ่งได้เต็มสปีด อะไรแบบเนี้ย ก็พอจะทำเองได้ที่บ้านแหละ
แล้วทำไมต้องให้ทีมงานมืออาชีพมาทำเน็ตเวิร์กที่บ้านด้วยล่ะ?
ก็เมื่อไหร่ก็ตามที่ความต้องการของเรามัน “เยอะ” ขึ้น จนเกิดความสามารถของเรา หรือ ถ้าเราทำเองก็อาจจะได้ไม่ดีที่สุดนั่นแหละครับ ยกตัวอย่างเช่นกรณีของผม ผมต้องการให้สัญญาณ WiFi ครอบคลุมบ้านทั้งสามชั้น แต่ไม่อยากใช้ Mesh router เพราะต้องการเสถียรภาพของระบบที่มากขึ้น เลยอยากเดินสาย LAN เป็น Backbone ของบ้านแทน และเผื่อในอนาคตเกิดบ้า อยากอัพเกรดเป็น 10GbE เพราะผมมีการใช้ QNAP NAS ในการเก็บข้อมูล และต้องการเข้าถึงข้อมูลจากข้างนอกบ้านผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ต้องการป้องกันระบบเครือข่ายภายในบ้านให้ปลอดภัย หา Router ดีๆ มาใช้แทนของที่แถมมากับแพ็กเกจ ฯลฯ
พวกเนี้ยทั้งหมดอะ ถ้าจะให้เซ็ตแบบแจ่มๆ เลย เราก็สู้พวกมืออาชีพที่เขาดูแลระบบเน็ตเวิร์กให้ใครต่อใครมานักต่อนักไม่ได้หรอกครับ อย่างผมใช้ Router Mikrotik ให้ผมเซ็ตเองก็ไม่เก่งเท่าทีมงานที่ผ่านการอบรมได้ใบ Certificate จาก Mikrotik แมะ

และเพราะแผนการวางระบบของผมมันมีตั้งแต่การเดินสาย LAN ไปจนถึงการซื้อตู้แร็กมาใส่อุปกรณ์พวกเน็ตเวิร์ก UPS และ QNAP NAS อีกสองตัวของผม และยังมีการเปลี่ยน Router และ Wireless AP อีกชุด ด้วย การใช้ทีมมืออาชีพมาดำเนินการให้ มันเป็น One-stop-service มากกว่าไง เขาก็จัดหาอุปกรณ์มาให้ และก็มาเดินสาย ติดตั้งอุปกรณ์ เราทำหน้าที่แค่ออกโจทย์ให้เท่านั้นแหละ ที่เหลือทีมงานจัดการให้เสร็จ
อีกเคสนึงที่เราจะเลือกใช้บริการของทีมงานมืออาชีพก็คือ กรณีที่บ้านเราใหญ่เวอร์วังอลังการมาก พวกบ้านหลังใหญ่ๆ เนื้อที่เยอะๆ อะไรแบบนี้ การเลือกทีมงานมืออาชีพก็จะดีกว่าไปพยายามเดิมเองแน่นอน และอีกเคสที่ผมคิดว่าทีมงานมืออาชีพจะช่วยท่านได้ก็คือ กรณีที่มีปัญหากับระบบเน็ตเวิร์กที่บ้าน แล้วเราลองแล้วลองอีก พยายามแล้วพยายามอีก ก็แก้ไม่ได้ซะที ก็ต้องพึ่งพามืออาชีพแล้วครับ

เคสที่บ้านผมเนี่ย เริ่มมาเดินสายกันตั้งแต่ 10 โมงเช้า กว่าจะเสร็จก็เย็นพระอาทิตย์ตกเลยฮะ เพราะมันไม่ใช่แค่การเดินสาย แต่มันต้องติดตั้งอุปกรณ์ ตั้งค่า และทดสอบสัญญาณอีกนะ
ในกรณีของการให้ทีมงานมืออาชีพมาช่วยดูแล มันก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่เราทำกันเอาไว้กับทีม ซึ่งบางที่เขาก็มีบริการช่วยดูแล ให้คำปรึกษากับเราต่อด้วยนะ อย่างกรณีของผมเนี่ย วางใจทีมงาน VROnline ของเฮียโก๋ อ.ศุภเดช เขา ติดตั้งเสร็จ เขาก็คอยดูแลช่วยแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตให้เราได้


ในกรณีของผม ตั้งแต่คราวแรกที่มาเดินระบบ มันก็ตอบโจทย์ผมแล้ว เรื่องสัญญาณครอบคลุม แต่ล่าสุดที่อัพเกรดอีกครั้ง คือ ย้ายจุดติดตั้งเน็ต (ต้องให้ช่างของทรูมาดำเนินการ เพราะผมใช้ True Fiber) แล้วย้ายพวกอุปกรณ์เน็ตเวิร์กกับ QNAP NAS มาใส่ในตู้แร็กเดียวกันไปเลย ไม่เกะกะพื้นที่ห้องทำงาน ย้ายไปอยู่ตรงช่องว่างใต้บันไดแทน อัพเกรดตัว Router ให้สเปกดีขึ้น เพื่อให้รองรับกับความเร็วอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันที่เป็น 300Mbps/100Mbps กับให้ความเร็ว WiFi ในบ้านเร็วขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือเน็ตวิ่งได้เต็มทีขึ้นจริงๆ ค่า Ping นี่ลดลงไปอีก 2-4ms เลยนะฮะ ส่วนความเร็ว WiFi ภายในบ้าน ก็เร็วขึ้นอีกราวๆ 70% แบนด์วิธเพิ่มขึ้นแบบเห็นได้ชัดเจน เพราะจากเดิมตอนที่กำลังอัพโหลดไฟล์ขึ้น QNAP NAS มันจะมีปัญหาว่าจะ Browse ไปที่โฟลเดอร์อื่นต่อไม่ได้ แต่งวดนี้ทำได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไรแระ ดีงาม
อีกสิ่งนึงที่เราๆ ท่านๆ จะได้จากทีมมืออาชีพ ก็คือเรื่องของความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์ ที่เขาจะมาช่วยเซ็ตให้ผ่านพวกอุปกรณ์อย่าง Router นี่แหละฮะ เซ็ตเปิดใช้งานบริการต่างๆ ที่เราต้องการ และปิดอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นออกไป เราก็อุ่นใจได้ ที่เหลือก็แค่อย่าซนจนเกินไปเท่านั้นแหละ
จริงๆ ผมเองก็งงเหมือนกันแหละฮะ ว่าอยู่มาวันนึง เน็ตเวิร์กที่บ้านมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง (ฮา) จุดที่ต้องให้ทีมงานมืออาชีพเข้ามาติดตั้งระบบเน็ตเวิร์กให้ แต่ก็ต้องบอกจริงๆ ว่า มันคุ้มค่านะ