ในขณะที่เราต้องการ์ดไม่ตก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มแทบจะเป็นศูนย์ และหากมีหลายคน ส่วนใหญ่ก็จะมาจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือจากพื้นที่กักกันของรัฐ หลังจากที่สายการบินต้องหยุดบินไปนาน ตอนนี้ภายในประเทศก็เริ่มกลับมาเดินทางได้แล้ว ภรรยาของผมก็มีงานเข้าในบัดดล ต้องเดินทางไปหาดใหญ่ ผมก็เลยได้มีโอกาสมาส่งภรรยาที่สนามบินสุวรรณภูมิ และได้สังเกตการณ์ว่ามีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง
ปรับการจราจรในอาคารจอดรถ แต่ก็ยังมีรถมาจอดบ้างอยู่นะ
ความเปลี่ยนแปลงแรกที่เจอตอนขับรถไปที่สนามบินเลยก็คือ เส้นทางขึ้นไปที่อาคารจอดรถชั้น 5 ถูกปิดครับ รถยนต์ที่จะจอดก็จะต้องเข้าอาคารจากชั้นล่างครับ เข้าใจว่าเพื่อลดกำลังพลลงละมั้ง เพราะจำนวนคนที่มาสนามบินลดลงอย่างมาก เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว และการบินก็ถูกระงับ
อย่างไรก็ดี ผมก็ยังสังเกตว่าที่จอดรถที่ก็ยังเต็มเหมือนเดิมนะเนี่ย เพียงแต่ว่ามันก็จะมีช่องให้เข้าอยู่เป็นระยะๆ หรือพูดง่ายๆ รถยนต์หายไปมากพอสมควร เพราะไม่เห็นการจอดซ้อนคันเลย

ชั้น 1 ที่เป็นทางออกไปขึ้นรถเมล์หรือรถแท็กซี่ เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพ ตอนนี้น่าจะเหลือแค่รถเมล์เป็นตัวเลือก ไม่งั้นก็คงต้องไปดูแอร์พอร์ตลิงก์ (ผมไม่ได้แวะไปดูด้วยสิว่าเปิดให้บริการไหม หรือ มีรถไฟมาถี่ห่างแค่ไหน) ใครที่คาดหวังจะกลับด้วยแท็กซี่คงลำบากน่าดู (ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะโทรเรียก Grab มาได้ไหม) และนี่คงเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้มีรถมาจอดที่สุวรรณภูมิเยอะด้วยละมั้ง
มาตรการตรวจเช็กผู้ใช้บริการ วัดอุณหภูมิตามมาตรฐาน
ตรงทางเข้าฝั่งที่จอดรถ และตรงประตูทางเข้าชั้นผู้โดยสารขาออกและขาเข้า ก็จะมีการตั้งจุดวัดอุณหภูมิเอาไว้ ก็ใช้อุปกรณ์วัดด้วยอินฟราเรดแบบที่ใช้วัดไข้ผู้โดยสารขาเข้าตรงเกต ประมาณนั้นเลย แต่ขาดความเข้มข้นในการให้คนสแกน QR code เพื่อเช็กอินผ่านระบบของไทยชนะไปนะ

เที่ยวบินยังคงยกเลิกบานตะเกียง บรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย
แม้ว่าจะเริ่มเปิดให้บินภายในประเทศได้ แต่เที่ยวบินต่างประเทศส่วนใหญ่ยังถูกยกเลิกอยู่นะครับ (แต่ก็ยังเห็นบางสายการบินยังแสดงข้อมูลว่ามีเที่ยวบินอยู่) เป็นความแปลกใหม่แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ตั้งแต่มาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินส่วนใหญ่แสดงข้อความว่า ยกเลิก แทบจะทั้งกระดาน
เคาน์เตอร์สายการบินส่วนใหญ่ปิดครับ ไม่มีคนเลย เป็นภาพที่แปลกตามาก คือ ถ้าเรามาขึ้นบินเที่ยวดึกๆ เราอาจจะเจอหลายๆ เคานเตอร์ที่ปิดบริการเพราะไม่มีเที่ยวบินอยู่บ้าง แต่ว่าสภาพของสนามบินสุวรรณภูมิตอนนี้ ขนาดไปตอนบ่ายแท้ๆ เคาน์เตอร์ที่เปิดอยู่นี่ แทบจะเหมือนมีแค่ไทยสมายล์เลยครับ (ผมไม่แน่ใจนะ เพราะผมไม่ได้เดินดูทั่วๆ แต่ แถว A-J เนี่ย มีแค่ไทยสมายล์อะ

ส่วนเรื่องผู้คนยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ น้อยมาก ผมว่าจำนวนพนักงานในสนามบินนี่ น่าจะเยอะกว่าจำนวนผู้โดยสารครับ เก้าอี้นั่งพักมีการติดสติกเกอร์เอาไว้ เพื่อบอกว่าที่ไหนนั่งได้ ที่ไหนนั่งไม่ได้ เน้นให้มีการเว้นระยะห่างทางกายภาพ (จริงๆ มันเขียนว่า Social distancing หรือ ระยะห่างทางสังคม นะ แต่ผมชอบคำว่า ระยะห่างทางกายภาพ มากกว่า เพราะเราอาจจะอยู่ห่างกัน แต่เราก็ยังเข้าสังคมได้)
เคาน์เตอร์เช็กอิน ก็แทบไม่มีคนเลยครับ คือ จำนวนผู้โดยสารก็ถูกจำกัด เพราะในวิถี New normal เขาให้บินได้แล้ว แต่ขายตั๋วได้ไม่เกิน 70% ของความจุเครื่องบินเท่านั้นเอง นักท่องเที่ยวที่จะบินไปเที่ยวในประเทศก็น่าจะยังน้อยอยู่

เหลือบมามองตรงชั้น 2 ส่วนที่เป็นผู้โดยสารขาออก ร้านรวงต่างๆ ปิดหมดเลยครับ คนนี่แทบจะไม่มีเดินเลย ร้างเอาเรื่อง
ร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่เปิด เพราะผู้ใช้บริการสนามบินบางตามาก
ร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่เปิดครับ พวกที่ขายของเน้นไปที่นักท่องเที่ยวนี่คือปิดยาวแน่นอนเลย ร้านอาหาร มีเปิดบ้างเป็นบางร้าน เพื่อให้อย่างน้อย ผู้ที่มาใช้บริการก็จะยังพอมีอะไรทานได้บ้าง สตาร์บั๊กส์ยังเปิดอยู่ คอกาแฟที่ชอบดื่มยี่ห้อนี้วางใจได้ ส่วนร้านอาหารญี่ปุ่นฟูจิที่ผมชอบแวะไปทานตอนไปรับภรรยา ปิดจ้า เพราะทำเลมันอยู่โคตรไกลปืนเที่ยงมาก นักท่องเที่ยวไม่มีใครเดินไปทางนั้นหรอกในสถานการณ์แบบนี้ ร้านสะดวกซื้อเหมือนจะไม่เปิดนะ แต่เห็น Boots ยังเปิดอยู่
ส่วนใครอยากทานอาหารถูกๆ ฟู้ดส์คอร์ทตรงชั้น 1 ยังเปิดอยู่ครับ ร้านส่วนใหญ่เปิดขาย แต่คนนี่แบบบางตามาก ปกตินี่เราจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมทานของราคาไม่แพงมานั่งตรงนี้เยอะมาก แต่นี่แบบ โล่งโจ้งมากเลย
เป็นบรรยากาศที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย ถึงต้องถ่ายรูปแล้วเขียนบันทึกนี้เก็บเอาไว้เป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งหนึ่ง โควิด-19 นี่มันสุดยอดจริงๆ ทำเอาชีวิตคนเปลี่ยนไปทั้งโลกเลย