การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี่ทำให้ผมได้เห็นถึงความสำคัญของแกดเจ็ตบางชิ้น ที่ปกติแล้วไม่ทันได้รู้สึกถึงความสำคัญซักเท่าไหร่ อย่างเช่น อะแดปเตอร์การ์ดเสียงแบบ USB ของ UGREEN ตัวนี้เป็นต้น ตัวนี้เป็นแกดเจ็ตที่ผมว่าเหมาะสำหรับคนที่ทำพวกประชุมออนไลน์บ่อยๆ หรือมือใหม่หัดไลฟ์อย่างมากทีเดียว
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
อะแดปเตอร์การ์ดเสียงแบบ USB ของ UGREEN ที่รีวิวในครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก UGREEN ซึ่งให้ตัวแทนจำหน่ายคือ Gadget Villa ช่วยจัดส่งมาให้ แต่ความเห็นในการรีวิวครั้งนี้ แน่นอนว่ามาจากประสบการณ์ในการใช้งานของผมแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ผมพอจะมีประสบการณ์ในการทำไลฟ์หรือพอดแคสต์แบบขำๆ ตามสไตล์ผมบ้าง และผมต้องเข้าประชุมออนไลน์บ่อยมาก ในแต่ละสัปดาห์ (โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด-19) ดังนั้นผมค่อนข้างมั่นใจว่า ผมจะสามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับการใช้งานเจ้านี่ได้ไม่มากก็น้อยละ
คอมพิวเตอร์สมัยแรกๆ มันไม่มีการ์ดเสียงนะครับ อยากได้ต้องซื้อมาติดเพิ่มเอาเอง และมักจะแถมมากับเครื่องเล่นซีดีด้วย การ์ดเสียงตัวแรกในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผม ถ้าจำไม่ผิด ก็คือเจ้า Creative Sound Blaster รุ่นที่เป็น 8-bit mono นี่อะครับ อยากปรับเสียงดังค่อย มันจะมีตัวสวิตช์หมุนอยู่ตรงด้านหลัง การตั้งค่าการ์ดเสียงในยุคที่ยังไม่มีไดรเวอร์ติดตั้งง่ายๆ หรือ ตัวระบบปฏิบัติการยังไม่ได้มีไดรเวอร์มาตรฐานติดตั้งมาให้พร้อมใช้นี่สุดๆ มาก (ฮา)

ในยุคปัจจุบัน ที่การ์ดเสียงนี่แทบจะเป็นมาตรฐานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันไปแล้ว มีการใส่ชิปเสียงลงไปในเมนบอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว และคุณภาพของการ์ดเสียงที่มาพร้อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้แย่แต่อย่างใด คนทั่วๆ ไปนี่แทบจะไม่ต้องหาการ์ดเสียงมาใส่เพิ่มแล้ว
แต่การ์ดเสียงแยก มันก็ยังคงมีจำหน่ายกันอยู่ เพื่อตอบโจทย์คนที่ต้องการคุณภาพเสียงที่เป็นพิเศษ หรือฟีเจอร์บางอย่างที่การ์ดเสียงที่มากับคอมพิวเตอร์มันให้ไม่ได้ เช่น เกมเมอร์มือโปร ที่อยากได้คุณภาพเสียงที่สุดยอดกว่า ผู้ชื่นชอบในการดูภาพยนตร์และฟังเพลง ต้องการระบบเสียงแบบ Dolby หรือ dts เพื่อให้เหมาะกับเครื่องเสียงราคาแพง หรือคนทำงานด้านดนตรี ที่ต้องการคุณภาพเสียงในการอัดที่สูง เป็นต้น
สำหรับตัวอะแดปเตอร์การ์ดเสียงแบบ USB ของ UGREEN นี่ จากที่ผมได้ลองใช้ดู คุณสมบัติหลักๆ คือ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเสียบอุปกรณ์ให้เราได้มากขึ้น และช่วยให้เราสามารถควบคุมระดับเสียงของลำโพง/หูฟัง และเปิด-ปิดไมโครโฟนและลำโพง/หูฟังได้สะดวกขึ้น

การใช้งานไม่ยุ่งยาก ผมไม่แน่ใจว่าเจ้านี่ใช้ชิปเซ็ตอะไร แต่ระบบปฏิบัติการ Windows, Linux และ macOS ต่างก็มีไดรเวอร์มาตรฐานสำหรับเจ้านี่แล้ว เสียบปุ๊บพร้อมใช้งานได้เลย ฉะนั้น ในแง่ของคุณภาพเสียง ผมคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างไปมาก จากพวกการ์ดเสียงที่มีมาให้กับตัวคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว ดูบน Windows 10 มันเจอเจ้านี่เป็น USB PnP Audio Device หรือ อุปกรณ์เสียบแบบเสียบแล้วพร้อมเล่น (Plug & Play) แบบ USB

ตัวอะแดปเตอร์เสียง มีช่องให้เสียบสายออดิโอ 3.5 มม. สามช่อง แต่ละช่องออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์เสียงแต่ละแบบ แยกกันชัดเจน คือ จากซ้ายไปขวา ไมโครโฟน, หูฟังพร้อมไมโครโฟน และ หูฟัง/ลำโพง
ฉะนั้นเราก็เลือกได้ว่าจะเสียบอุปกรณ์ยังไง บางคนอาจเลือกใช้ไมโครโฟนกับหูฟังแยกชุดกัน บางคนมีหูฟังที่มีไมโครโฟนในตัว เราก็แค่เลือกเสียบให้ถูกช่องก็เท่านั้นเอง

สำหรับการควบคุมเสียง มี 3 ปุ่มครับ ปุ่มซ้าย-ขวา ที่เหมือนกับเมาส์นั่น อันซ้ายเอาไว้ปิดเสียงไมโครโฟน ส่วนอันขวาเอาไว้ปิดเสียงลำโพง ถ้าเรากดปุ่มไหน มันจะมีไฟ LED สีน้ำเงินติด เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราปิดเสียงอยู่
ส่วนตรงกลาง เป็นปุ่ม Jog dial เอาไว้ปรับระดับเสียง ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับระดับความดังของเสียงจากตัวเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กแต่อย่างใด ผมลองปรับระดับเสียงแล้ว มันไม่ได้ไปคุมระดับเสียงทางฝั่งเครื่องคอมพิวเตอร์นะ แต่นั่นหมายความว่า มันเพิ่มรายละเอียดในการปรับระดับเสียงให้เราอีกสเตป คือ เราปรับที่ตัวคอมพิวเตอร์ก่อนว่าอยากให้เสียงออกมาดังเท่าไหร่ 0% – 100% จากนั้น ตัวอะแดปเตอร์การ์ดเสียงของ UGREEN นี่ จะปรับเสียง 0% – 100% จากเอาต์พุตที่ได้จากคอมพิวเตอร์อีกที เช่น ถ้าเราปรับเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ที่ 70% แสดงว่าเราก็ใช้อะแดปเตอร์ของ UGREEN นี่ ปรับจาก 0% – 100% ของ 70% ที่ได้จากคอมพิวเตอร์นั่นแหละ มันช่วยให้เราสามารถปรับระดับเสียง เบา-ค่อย ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดลิมิตที่เซ็ตไว้ที่ฝั่งคอมพิวเตอร์ แต่การปรับระดับเสียงนี้ ไม่เกี่ยวกับเสียงของไมโครโฟนแต่อย่างใด การปรับระดับเสียงของไมโครโฟน ต้องไปปรับในตัวตั้งค่าเสียงของระบบปฏิบัติการนะครับ
การมีปุ่มปิดเสียงไมโครโฟนและลำโพงแยกออกมา มันช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งปิดเสียงได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องไปยุ่งที่ฝั่งระบบปฏิบัติการเลย สำหรับการประชุมออนไลน์นี่ผมว่าแจ่มมาก เพราะไม่ต้องเสียเวลาลากเมาส์ไปคลิกปุ่มปิดไมค์เลย กดปุ่มตรงนี้จบ (แต่อาจทำให้คู่สนทนางงได้ว่า แบบเห็นว่าไอคอนไมค์ไม่ได้ปิด ทำไมเสียงไม่ออก อะไรแบบนี้)
ด้านคุณภาพเสียงที่ได้ อย่างที่ผมประเมินไปในตอนแรก คือ ไม่ได้แตกต่างไปจากคุณภาพเสียงที่ได้จากการ์ดเสียงที่มาพร้อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ ที่เหลืออยู่ที่ว่า หูฟังและไมโครโฟนที่เราใช้ คุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน แต่เดี๋ยวนี้ ไมโครโฟนกับหูฟัง คุณภาพไม่เลว ราคาไม่แพง (มาก) ก็หาไม่ได้ยากมากแล้วละครับ
สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ก็สามารถใช้เจ้านี่ได้นะ ถ้าตัวอุปกรณ์รองรับ USB OTG ครับ หาหัวแปลงมาแปลงพอร์ตบนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็น USB-A แล้วก็จะสามารถเอาเจ้านี่จิ้มเข้าไปได้แล้ว เท่านี้ ก็จะสามารถใช้ไมโครโฟนและหูฟังแยก สำหรับการทำพอดแคสต์หรือไลฟ์ด้วยสมาร์ทโฟนได้
และเพราะตัวมันมีช่องเสียบสำหรับหูฟัง และ หูฟังแบบมีไมโครโฟน มาให้อย่างละช่อง นั่นหมายความว่า เราจะสามารถเสียงหูฟังได้ 2 ชุดพร้อมกันได้ เอาไปใช้ในกรณีที่ต้องการดูหนังหรือฟังเพลงกันสองคน แบบไม่อยากให้เสียงไปรบกวนคนอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ช่วงนี้ลูกต้องเรียนออนไลน์ พ่อหรือแม่ก็อยากฟังด้วย ก็เสียบหูฟังกันคนละชุดได้เลย เป็นต้น
บทสรุปการรีวิวอะแดปเตอร์การ์ดเสียง USB ของ UGREEN
ราคาไม่แพง สามร้อยกว่าบาท เหมาะสำหรับคนที่อยากได้เอามาไว้ควบคุมระดับเสียง และเปิด-ปิดไมโครโฟนหรือลำโพงได้ตามใจ แบบที่มีปุ่มกดเฉพาะ ชัดเจน โดยไม่ต้องไปยุ่งกับ User Interface หรือปุ่มใดๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เลย
ในแง่ของคุณภาพเสียง เรียกว่าไม่ด้อยกว่าการ์ดเสียงที่มีอยู่บนคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ได้ดีกว่าเช่นกัน ฉะนั้น ใครที่คาดหวังว่าจะซื้อมาเพื่อเพิ่มคุณภาพเสียง หรือเพิ่มความดังของเสียง มันไม่ใช่คำตอบนะครับ (เจ้านี่ไม่ได้มีแอมป์ในตัวนะ)
อย่างที่บอก คนที่ประชุมออนไลน์ หรือ ทำไลฟ์หรือพอดแคสต์ ใช้เจ้านี่แล้ว จะได้เครื่องมือในการควบคุมไมโครโฟน สะดวกขึ้น สามารถต่อกับพวกหูฟังหรือไมโครโฟนได้ยืดหยุ่นมากขึ้นเพราะมีช่องเสียบออดิโอครบ ทั้งแบบไมโครโฟนหรือลำโพงอย่างเดียว และแบบที่ใช้เสียบกับหูฟังที่มีไมโครโฟนในตัว (ที่เป็น TRRS … อ่านเพิ่มเติมเรื่องหัวแจ็กหูฟัง 3.5 มม.)