เพิ่งจะมีเวลาเขียนถึงวันนี้ แต่เมื่อวานเป็นวันแรกที่เปิดห้างให้คนเข้าไปใช้บริการได้ตามปกติฮะ แน่นอนว่าผมก็เลยถือโอกาสไปเดินดูบรรยากาศซักหน่อยว่าปลดล็อกวันแรกเป็นยังไงบ้าง แล้วก็เอามาเขียนเล่าสู่กันอ่านไว้ซะหน่อย เก็บเป็นประวัติศาสตร์เอาไว้บนหน้าบล็อก เพราะการมีโรคระบาดระดับโควิด-19 นี่ไม่ใช่อะไรที่จะเกิดได้บ่อยๆ ในช่วงชีวิตนะฮะ
ดูคนจะกระหายการเดินห้างไม่น้อย
ผมลองไปห้างแถวบ้านนะครับ ไม่อยากไปไกล แต่ไปหนึ่งจะได้ถึงสอง เพราะไปบิ๊กซีพระราม 2 แล้วเดินข้ามไปเซ็นทรัลพระราม 2 ได้ พอมาถึงบิ๊กซีพระราม 2 แล้ว อย่างแรกที่สังเกตเลยคือ ลานจอดรถนี่เต็มเอี้ยดมาก ผิดกับตอนที่ห้างยังไม่เปิด ที่แม้รถจะเยอะ แต่ก็หาที่จอดได้ไม่ยาก เพราะรถเข้า-ออกกันบ่อย เนื่องจากใช้บริการเสร็จเขาก็รีบกลับเลย เนื่องจากไม่มีอย่างอื่นให้ทำ

แต่วันแรกที่ห้างเปิด รถเพียบครับ หาที่จอดวนไปครับ และด้วยความที่พื้นที่จอดบางส่วนเขาปิดไม่ให้ใช้งาน เพราะห้างถือโอกาสช่วงโรคโควิด-19 ระบาดทำการปรับปรุงพื้นที่ ก็เลยทำให้ต้องวนหาที่จอดรถพักนึง
มาตรการในการเข้าห้าง เอกชน + รัฐบาล
มาตรการพื้นฐานในการเข้าห้างเลย ก็ไม่ต่างจากตอนที่เขายังไม่ปลดล็อกครับ คือ ต้องมีการวัดอุณหภูมิ (ต้องเข้าใจว่าห้างอย่างบิ๊กซี ที่มีส่วนของซูเปอร์มาเก็ต ขายเครื่องอุปโภค บริโภค มันยังเปิดได้อยู่ แม้จะเป็นตอนที่มีการล็อกดาวน์) แล้วก็ให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
แต่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ เขาให้ความร่วมมือกับภาครัฐ โดยมีการตั้งป้าย QR Code ให้สแกน เพื่อเข้าไปเช็กอินในแอป ไทยชนะ ของรัฐบาลเพื่อบอกว่า วันนี้เวลานี้ เราได้มาใช้บริการที่นี่
การสแกน QR code นี้ ทำได้ทั้งเช็กอิน และเช็กเอาต์เลย และเท่าที่ลองดู ผมเข้าใจว่าพวกห้างร้านต่างๆ ที่เปิดให้บริการ จะต้องไปลงทะเบียนที่เว็บไทยชนะ แล้วก็เตรียม QR code ให้ลูกค้าได้สแกน เพื่อที่จะได้เก็บข้อมูลได้ว่าใครไปทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่
บรรยากาศภายในห้าง
ภายในห้างบิ๊กซีพระราม 2 คนก็เยอะพอสมควรเลยนะ และบอกเลยว่าระยะห่างทางกายภาพ 1 เมตรเนี่ย ไม่ได้เป็น 100% หรอกนะ ผมสังเกตว่าทุกๆ 20-30 คนที่ผมเห็น จะมี 1-2 คน ที่เดินโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยด้วย บางคนเวลานั่งพัก นั่งรออยู่ ก็มีการเปิดหน้ากากอนามัยออกเช่นกัน

ช่วงนี้ทองแพง และหลายๆ คนก็อาจไม่ได้มีโอกาสไปขายทองเพราะว่าร้านทองอยู่ไกล หรือซื้อจากร้านบางร้าน ที่เวลาจะขายทอง มันต้องไปขายที่ร้านเขาโดยตรงถึงจะได้ราคาดีกว่า (การขายทองให้กับคนละร้านที่ซื้อมา มักจะราคาตก) นี่เดินมาที่ห้างทอง Aurora เจอคนเยอะมาก แต่ยังพยายามรักษาระยะห่างทางสังคม 1 เมตรอยู่นะ ใส่หน้ากากอนามัยกันเรียบร้อยดี

ผมสังเกตเห็นว่าบางร้านยังไมไ่ด้กลับมาเปิดให้บริการ บางส่วนเป็นเพราะไม่ได้อยู่ในข่ายที่ได้รับการปลดล็อก แต่ก็มีบางร้านที่ไม่เปิดแล้ว เพราะเจ๊งไปแล้ว เช่น ร้านขายเครื่องสำอางแห่งนึงในบิ๊กซีพระราม 2 ที่กลายเป็นพื้นที่ขายเตียงและฟูกไปแทน

ในส่วนของโซนร้านอาหาร ฟู้ดคอร์ทนี่ก็มีเปิดให้บริการแล้ว โดยมีการวางโต๊ะอาหารห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร และมีการกั้นโต๊ะเอาไว้ เพื่อให้โต๊ะนึงสามารถนั่งได้ 2 คน โดยยังรักษาระยะห่างทางสังคมอยู่ พวกร้านอย่าง MK สุกี้ อะไรพวกนี้ ก็มีการจำกัดจำนวนคนนั่งต่อโต๊ะเช่นกัน เราเลยได้เห็นคนนั่งกินสุกี้โต๊ะนึงคนเดียวเลย
ในส่วนของห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ซึ่งผมคิดว่าห้างในเครือเซ็นทรัลอื่นๆ ก็น่าจะมีมาตรการเดียวกัน เขาก็มีการวัดอุณหภูมิ และการเช็กอินแอปไทยชนะเช่นกัน แต่เขามี QR code อีกชุดให้สแกน ซึ่งจะบันทึกการเข้า-ออกได้ ซึ่งครบถ้วนกว่าแอปไทยชนะ โดยของเซ็นทรัลเนี่ยมันจะเชื่อมต่อกับ LINE ครับ ถือโอกาสบังคับคน Add LINE OA เป็นเพื่อนด้วยเลยซะงั้น

พวกช้อปของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในห้าง ในที่สุดก็ให้บริการได้ ลูกค้ามาเยอะอยู่ครับ ผมว่าจำนวนน้อยกว่าปกติ คงเพราะเขาต้องจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าใช้บริการ แต่ก็ถือว่ารออยู่ไม่น้อยเลย

ในส่วนของพวกสถาบันสอนภาษา โรงเรียนกวดวิชาภายในห้าง ยังไม่เปิดให้บริการครับ เงียบเชียบเลย

บางบริการ เช่นพวกธนาคาร อย่างธนาคารออมสิน ที่มีผู้เข้ามาใช้บริการมาก แต่ผมไปดูที่ธนาคารอื่น ไม่ได้มีคนเยอะเหมือนกับธนาคารออมสินนะ ก็เลยคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเงินเยียวยา 5,000 บาท

พื้นที่ลานจัดกิจกรรม ก็จัดอีเว้นต์ไม่ได้ ก็เลยเอามาทำเป็นพื้นที่นั่งรอของลูกค้า โดยจัดพวกเก้าอี้แบบสตูลมาให้ลูกค้านั่ง โดยวางห่างกันแบบซัก 3 เมตรได้มั้ง

ส่วนตรงพื้นที่ทางเดินชั้นล่าง ที่ปกติมีการจัดบูธร้านค้าต่างๆ ก็ยังมีการจัดบูธร้านขายอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับได้คล้ายๆ ปกตินะ แต่ว่ามีการแบ่งเลนการเดินชัดเจน

ผมสังเกตเห็นว่าพวกคลีนิกเสริมความงามเริ่มเปิดให้บริการแล้ว เห็นพนักงานเขาเตรียมร้านกันใหญ่ ส่วนพวกร้านทำผม ก็ตามมาตรการที่มีไปก่อนหน้านี้แล้ว สามารถนัดเวลาร้านเพื่อมารับบริการได้
ผมได้ลองเดินไปดูหลายๆ ร้าน พบว่า พวกร้านใหญ่ๆ อย่าง Banana IT, J.I.B., ซีเอ็ด, B2S หรือ Power Buy อะไรพวกนี้ มีมาตรการจำกัดจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในร้านด้วย เช่น B2S นี่ไม่เกิน 74 คน Power Buy ไม่เกิน 80 คน เป็นต้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่ทำการบันทึกจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ และลูกค้าที่จะเข้าไปใช้บริการต้องยืนรอ หากจำนวนคนเข้าไปใช้บริการเยอะกว่าที่กำหนด

ภายในพื้นที่โซนที่เข้มงวดอย่าง B2S หรือ Power Buy ที่ปกติจะมีทางให้เดินทะลุผ่านไปรัวๆ มากมาย ก็โดนเอาพวกกล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าต่างๆ มาวางปิดกั้นไม่ให้เดินผ่านได้ มีการลดจุดเข้า-ออก ชัดเจนมาก
New normal ของการเดินห้าง จะอยู่กับเราอีกพักใหญ่ๆ
ที่เล่าไปข้างต้น ก็คือ New normal หลักปลดล็อก ให้ผู้คนสามารถเข้าไปเดินเที่ยวห้างได้ จะได้ไม่เครียดมากเกินไป ซึ่งโดยมาตรการ ถือว่าทำได้ดีประมาณนึง ถ้าให้คะแนน ผมให้ 7 เต็ม 10 ล่ะ มีหลายๆ อย่างที่ยังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก และนี่จะเป็นเรื่องปกติในยุคโควิด-19 ระบาด อย่างน้อยก็จนกว่าจะแน่ใจว่าควบคุมสถานการณ์ได้อยู่จริงๆ และไม่มีการระบาดใหญ่ซ้ำขึ้นมา
แต่ที่ผมห่วงก็คือ เมื่อมันผ่อนคลายมาตรการไปหลายๆ วันเข้า จนการ์ดเริ่มตก มันจะเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำนี่สิ เพราะที่เดินๆ ห้างไปชั่วโมงเศษๆ เนี่ย ก็เห็นคนที่ปลดหน้ากากอนามัยเดิน หรือนั่ง อยู่หลายคนอยู่นะ