มีคำถามเข้ามาหาผมบ่อยๆ เมื่อผู้ใช้งาน QNAP NAS มือใหม่เจอปัญหาบางอย่างที่ต้องมีการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ แล้วไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แก้ปัญหาด้วยการถอดฮาร์ดดิสก์ออกหมด ไอ้ที่ทำ RAID5 เอาไว้เลยเจ๊งบ๊งเลย แล้วมันมีทางแก้ไหมเนี่ย? มันก็ยังพอมีทางอยู่นะครับ บล็อกตอนนี้จะมาอธิบายให้ฟังว่าเบื้องต้นควรจะทำยังไง
ทำไม RAID5 ถึงถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาได้ไม่เกิน 1 ลูกล่ะ?
การทำ RAID5 มันคือการ Config ให้ฮาร์ดดิสก์หลายๆ ลูก ทำงานเหมือนเป็นฮาร์ดดิสก์ลูกเดียว และเพิ่มคุณสมบัติในการทนทานต่อความสูญเสียจากความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ (Fault tolerance) ด้วยการเพิ่ม Parity bit เข้าไปในฮาร์ดดิสก์แต่ละลูก เพื่อเอาไว้คำนวณตอนกู้ข้อมูลคืน เวลาที่ฮาร์ดดิสก์ลูกใดลูกหนึ่งเสียหาย แล้วมีการถอดเปลี่ยนและ Rebuild RAID5

แต่ Parity bit ที่มีเนี่ย มันมีเพียงพอแค่สำหรับกู้ข้อมูลคืนเวลาที่ฮาร์ดดิสก์เสียไปแค่ลูกเดียวครับ เพราะ RAID5 มองเรื่องสมดุลระหว่างการป้องกันข้อมูลสูญหาย กับความคุ้มค่าของการใช้งานเนื้อที่บนดิสก์ ฉะนั้นผลก็คือ ถ้าเกิดฮาร์ดดิสก์เสียลูกเดียวหรือโดนถอดออกแค่ลูกเดียว RAID5 จะกลายเป็น Degraded จนกว่าเราจะใส่ฮาร์ดดิสก์กลับเข้าไป แล้ว Rebuild RAID5 แต่ถ้าเกิดฮาร์ดดิสก์เสียสองลูกขึ้นไปหรือโดนถอดออกสองลูกขึ้นไป RAID5 ก็จะเกิดข้อผิดพลาด หรือ Error เลยครับ
แต่สำหรับ QNAP NAS นั่นยังไม่ได้หมายความว่าชิบหายแล้วนะ … ยังพอมีทางออกให้ แต่ขึ้นอยู่ว่าคุณได้ถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาหมดเลยรึเปล่า หรือแค่ถอดออกมามากกว่า 1 ลูก และที่สำคัญที่สุดคือ คุณยังจำได้ไหม ว่าฮาร์ดดิสก์ลูกที่ถอดมา ลูกไหนอยู่ถาดไหนบ้าง อันนี้สำคัญมาก ถ้าถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาแล้ว ลืมว่าถอดมาจากถาดไหน จบเกมนะครับ
แต่ถ้าเป็นการถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาตอนเครื่องปิดอยู่ แล้วใส่กลับไปก่อนเปิดเครื่อง แบบนี้ไม่เป็นไรนะครับ แต่ถ้าถอดมาตอนเปิดเครื่อง หรือถอดมาตอนปิดเครื่องแต่ดันเปิดเครื่องก่อนที่จะใส่ฮาร์ดดิสก์กลับเข้าไป ตัว RAID controller มันจะรู้สึกว่า RAID5 มีปัญหาครับ
ถ้าถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาหมดทุกลูก แล้วดันปิดเครื่อง เปิดใหม่แล้วด้วย
จดเอาไว้เลยว่าถอดลูกไหนออกมาจากถาดไหนบ้าง แล้วห้ามใส่ฮาร์ดดิสก์กลับเข้า NAS ตัวเดิมเด็ดขาด (ยกเว้นคุณถอดออกมาตอนปิดเครื่องและยังไม่เปิดเครื่องเลย ก็ยังสามารถใส่กลับเข้าไปได้)
>> ถ้าหา QNAP NAS ตัวใหม่มาได้ ก็เอาไปใส่ตัวใหม่เลย เรียงลำดับให้ถูกต้องด้วย มันจะเป็นการทำ Migration จากเครื่องนึงไปอีกเครื่องได้เลย จบ
>> แต่ถ้าจะใช้ QNAP NAS ตัวเดิมละก็ ต้องทำการ Reinitialize NAS ซะก่อน เราต้องเปิดเครื่องโดยไม่ใส่ฮาร์ดดิสก์ จากนั้นหาฮาร์ดดิสก์ซักลูกมาใส่ เพื่อให้เริ่มใช้งานได้ แล้วก็สั่ง Reinitialize NAS ซะ โดยกำหนดให้มัน Shutdown เครื่องเมื่อเสร็จ จากนั้นถอดฮาร์ดดิสก์ออก แล้วใส่ฮาร์ดดิสก์ที่เคยทำ RAID5 กลับเข้าไป ตามลำดับให้ถูกต้อง แล้วลุ้นต่อว่ามันจะใช้งานได้เลยไหม
ถอดออกมามากกว่า 1 ลูก หรือถอดมาหมด แต่ยังไม่ทันได้ปิดเครื่อง
อ้างอิงตามคำแนะนำของ QNAP เขาบอกว่าให้ใส่ฮาร์ดดิสก์กลับคืนที่ โดยใส่ให้ถูกถาดที่ถูกถอดออกมาด้วยล่ะ มันจะขึ้นว่าเกิด Error ใน RAID group แล้วมีสถานะเป็น Not active ไป

ทางแก้คือ ให้ไปที่ Storage & Snapshots ซะ แล้วไปที่ Storage Pool Management ในส่วนของ RAID5 ที่เราทำอยู่ คลิกปุ่ม Manage แล้วเลือก Recover จากนั้นก็รอครับ แล้วปิดท้ายด้วยการ Check File System

การทำ Check File System ทำได้โดยไปที่ Storage & Snapshots > Storage/Snapshots แล้วเลือก Volume ที่จะเช็ก จากนั้นคลิกตรงปุ่ม Manage แล้วที่หน้าจอถัดไป เลือก Actions > Check File System
แต่ถ้าพยายามทำทุกวิถีทางแล้ว ก็ยังกู้กลับไม่ได้ คงต้องติดต่อ QNAP แล้วละครับ