เดี๋ยวนี้ผมสังเกตว่าผู้ใช้งานตามบ้านเริ่มหันมามองโซลูชั่นการเก็บข้อมูลจำพวก NAS ไว้ใช้เยอะขึ้นมากแล้ว และคำถามที่ว่าเลือกซื้อ QNAP NAS รุ่นไหนดี ก็เป็นคำถามที่มีคน Inbox มาถามผมเป็นระยะๆ เลยคิดว่าเอามาเขียนเป็นบล็อกซะเลยก็น่าจะดีครับ เผื่อใครค้น Google หาคำตอบอยู่จะได้เป็นอีกหนึ่งบทความทางเลือกนอกเหนือไปจากการถาม Pantip.com (ฮา)
ทำไมต้อง QNAP NAS?
ก็ผมเป็น QNAP users งิ คือผ่านการใช้งานเองมาแล้ว 3 รุ่น ปัจจุบันก็ยังใช้ QNAP TS-453A กับ QNAP TS-253Pro อยู่เลย และขี้เกียจนับไปแล้วว่าได้รีวิวไปแล้วกี่รุ่น จากความเอื้อเฟื้อของ QNAP Thailand ฉะนั้นถ้าผมจะต้อง #ป้ายยา อะไรใคร ผมก็ต้องป้ายอันที่ผมคุ้นเคย ใช้งานมาแล้วมั่นใจอะครับ
ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องใช้ QNAP NAS
แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการ #ป้ายยา ให้ทุกคนไปซื้อ QNAP NAS กันหมดหรอกนะครับ ผมเลยขอแปะเช็กลิสต์นี้เอาไว้ให้ท่านผู้อ่านได้ถามตัวเองครับ เพื่อจะได้ประเมินความต้องการได้จริงๆ ว่าต้องใช้ NAS จริงหรือเปล่า
ต้องการต่อตรงกับคอมพิวเตอร์ หรือโอเคกับการต่อผ่าน LAN?
เพราะ NAS มันย่อมาจาก Network-Attached Storage ครับ หมายความว่าการใช้งานโดยหลัก จะทำผ่าน LAN หรืออินเทอร์เน็ต NAS เกือบทั้งหมด ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง ฉะนั้น ถ้าคุณต้องการต่อตรงกับคอมพิวเตอร์เลย NAS อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับคุณ ไปใช้ External HDD น่าจะตอบโจทย์กว่า ถ้าคุณต้องการพวก RAID1 ในการช่วยลดความเสี่ยงข้อมูลหายจากฮาร์ดดิสก์พัง ไปเลือกใช้ WD My Book Duo ก็ได้ครับ
แต่ก็มี QNAP NAS บางรุ่น ที่รองรับทั้งการเชื่อมต่อผ่าน LAN และยังสามารถต่อตรงกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB-A, USB-C และ Thunderbolt ครับ เช่น TS-251A กับ TS-451A สองรุ่นนี้มีพอร์ต Micro USB B เราใช้สายเคเบิ้ลเดียวกะสายของ External HDD ของ WD ได้ ส่วนรุ่น TS-453B กับ TS-253B จะต่อผ่าน USB-C ซึ่งหากเราหาสาย USB-A to USB-C มาได้ ก็ใช้ได้เช่นกัน ส่วนใครโปรหน่อย (พวก Production house ที่ต้องการแบนด์วิธสูงๆ เพราะใช้ QNAP NAS ในการเก็บไฟล์มัลติมีเดียขนาดใหญ่) ก็จะใช้รุ่นที่รองรับ Thunderbolt ซึ่งจะมาตัว T ห้อยท้ายเลขรุ่น เช่น TVS-472XT หรือ TVS-672XT เป็นต้น
ต้องการความยืดหยุ่นแค่ไหน?
ผมชอบ QNAP NAS เพราะมีความยืดหยุ่นสูง มากด้วยความสามารถ มีพวกแอปต่างๆ มาช่วยให้เราสามารถใช้มันทำโน่นนี่นั่นได้อีกเยอะแยะมากมาย แต่มันก็แลกมาด้วยการที่ต้องมีความสามารถ มีความเข้าใจในการตั้งค่าอยู่บ้าง (คือ มันไม่ได้ยาก แต่สำหรับบางคนมันก็อาจจะไม่ง่าย) ถ้าคุณต้องการแค่เอามาใช้เป็น File server (หมายถึง เอาไว้เก็บไฟล์ต่างๆ) ใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต บางทีอุปกรณ์จำพวก WD My Cloud หรือ WD My Cloud Home อาจตอบโจทย์กว่า
แต่ถ้าต้องการเผื่อเอาไว้ แบบ ตอนนี้ทำ File server ไปก่อน แต่อนาคตอยากจะทำ Home media server, ทำ Web server, ทำ VPN ทำโน่นทำนี่ ทำไปเรื่อย อนาคตอยากขยายความจุ อยากอัพเกรดโน่นนี่นั่นได้สะดวก คุณมาถูกทางแล้ว คุณอาจต้องการ QNAP NAS จริงๆ นั่นแหละ
ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ QNAP NAS แต่จะเลือกแบบไหนดี?
สมมติว่าคุณอ่านบล็อกตอนต้นของผมจบแล้ว และตัดสินใจได้แล้ว ว่าคุณจะเอา QNAP NAS นี่แหละ ตอบโจทย์คุณแน่นอน ก็ถึงเวลาทำความเข้าใจแล้วว่าจะเลือก QNAP NAS แบบไหนดี สำหรับบุคคลทั่วไป ใช้ตามบ้าน ผมมีคำแนะนำแบบนี้ครับ
เลือกก่อนว่าอยากได้ CPU แบบไหน
QNAP NAS มีการใช้ CPU 2 สถาปัตยกรรมหลักๆ คือ ARM (เห็นมีของ RealTek กับ Alpine มั้ง) กับ x86 (Intel หรือ AMD) ซึ่งความแตกต่างมันก็ชัดเจนครับ
➊ CPU สถาปัตยกรรม ARM จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า x86 แบบชัดเจน แต่เพียงพอสำหรับคนที่ต้องการใช้งานคนเดียว หรือไม่กี่คน ไม่เน้นงานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลสูงๆ คนที่งบน้อย อยากลองหัดใช้ NAS ก่อน แล้วค่อยอัพเกรดไปใช้รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงที่หลัง เลือกรุ่นที่ใช้ ARM จะดีกว่า
➋ CPU สถาปัตยกรรม x86 อย่าง Intel หรือ AMD ประสิทธิภาพดีกว่าแน่นอน ทว่า สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่งบไม่ได้เยอะ ตัวเลือกของ QNAP จะมี Intel Pentium เป็นหลักครับ รุ่นที่ใช้ x86 นี่ อัพเกรดแรมได้แน่นอน จะมากหรือน้อยแค่ไหนเท่านั้นแหละ แต่จากประสบการณ์ของผม อัพเป็น 16GB นี่สบายๆ อยู่
คำแนะนำของผมแบบสั้นๆ คือ ถ้าไม่อยากจ่ายแพงมาก อยากแค่ลองหัดเล่นก่อน เลือกรุ่นที่เป็น ARM ไป แต่กะใช้งานยาวๆ แบบ 3-4 ปีขึ้นไป กัดฟันจัด x86 อย่าง Intel Pentium ไปเลยครับ แล้วอย่าลืมอัพเกรดแรมด้วย โดยเฉพาะหากคุณซื้อรุ่นที่ยังใช้แรม DDR3 อยู่ เพราะ QNAP NAS ใช้แรม DDR3L ที่นับวันก็หายากขึ้นเรื่อยๆ (แต่ QNAP NAS รุ่นใหม่ๆ จะเริ่มใช้ DDR4 แล้ว)
ใช้แค่ 2-bay, 3-bay หรือ 4-bay ก็พอ
ผู้ใช้งานทั่วไปตามบ้าน ไม่ต้องใช้รุ่นใหญ่เวอร์วังหรอกครับ แค่ 2-4 bays (รองรับฮาร์ดดิสก์ 2-4 ตัว) ก็เพียงพอแล้ว ผมแค่แนะนำว่าควรทำ RAID เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์เสียด้วย ถ้าเลือก 2-bay ก็ทำ RAID1 ถ้าเลือก 3-bay หรือ 4-bay ก็ทำ RAID5 ซึ่งจะได้ใช้เนื้อที่ของฮาร์ดดิสก์ได้คุ้มค่ากว่า
PCIe ยังไม่จำเป็นสำหรับตามบ้าน แต่มีไว้ก็ไม่เสียหาย
QNAP NAS รุ่นใหม่ๆ ในระดับ High-end Home หรือ SMB เขามารองรับ PCIe กันบ้างแล้ว ซึ่งการรองรับ PCIe เนี่ย จะช่วยให้เราเพิ่มขีดความสามารถให้กับ QNAP NAS ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแบนด์วิธด้วย 10GbE การใส่ SSD M.2 หรือแม้แต่การเชื่อมต่อ LAN แบบไร้สาย เป็นต้น
แต่ฟีเจอร์พวกนี้ หลายๆ คนที่ใช้งานตามบ้านมันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรมากมายนัก 10GbE นี่ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้ใช้งานตามบ้านจะได้ใช้เท่าไหร่ เพราะเท่ากับต้องหาซื้อสวิตช์แบบ 10GbE มาใช่ร่วมด้วย ซึ่งราคาก็ไม่ได้ถูกนัก ส่วน SSD M.2 เอาไว้ทำ Cache acceleration ก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานระดับองค์กร ที่มีการเรียกใช้ไฟล์เยอะๆ มากกว่า ส่วน LAN ไร้สายเนี่ย ใช้ USB dongle รุ่นที่ Compatible กับ QNAP NAS ก็น่าจะพอ ถ้าจะใช้การ์ด Wireless ของ QNAP น่าจะเหมาะสำหรับระดับธุรกิจมากกว่า เพราะมันจะมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ QNAP NAS กลายเป็น Wireless Access Point (Wireless AP) ได้ด้วย
แต่ถ้าดูๆ สเปกไปแล้ว QNAP NAS รุ่นที่มี PCIe ตอบโจทย์เราสุด การรองรับ PCIe ก็ไม่เลวนะครับ มีไว้ไม่เสียหาย
จากนั้นดูงบของตัวเองด้วย จำไว้ NAS เขาไม่ได้ขายพร้อมฮาร์ดดิสก์
สำคัญสุดครับอันนี้ คือต้องดูเงินในกระเป๋าครับ และเผื่อสำหรับซื้อฮาร์ดดิสก์ด้วยนะ เพราะปกติแล้ว NAS เขาขายแต่เครื่อง ฮาร์ดดิสก์ต้องซื้อเพิ่มเอา ยกเว้นตอนร้านเขาจัดโปรโมชัน อาจจะมีการแถมฮาร์ดดิสก์ด้วย
ถ้ายังนึกไม่ออก บอกไม่ถูกละก็…
ก็คงต้องมาสอบถามผมละกันนะครับ (ฮา) ตามช่องทางดังต่อไปนี้ได้ครับ
👉🏻 Twitter เมนชั่นมาถามได้ @kafaak
👉🏻 Facebook ผมมีเพจอยู่ที่ kafaakBlog ครับ คลิกที่นี่เพื่อแชทได้เลย
👉🏻 LINE ไปเข้ากลุ่ม OpenChat สแกน QR Code ด้านล่างได้เลย หรือคลิกที่นี่เอา
