จริงๆ คือ มีความอยากได้กล้อง CANON iNSPiC S มาพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ว่ายังไม่ถึงขั้นอยากจะควักกระเป๋าหลายพันบาท เพื่อเป็นเจ้าของมัน แต่เผอิญว่าตกเป็นเหยื่อการตลาด ตอนไปช่วยพี่ที่ออฟฟิศซื้อโน้ตบุ๊ก แล้ว Canon มาจัดโปรโมชัน ซื้ออะไรก็ได้ในงาน Commart X Pro 500 บาท แล้วเอาใบเสร็จมาแลกซื้อกล้อง CANON iNSPiC S, iNSPiC C หรือ พริ้นเตอร์ iNSPiC P ในราคาแค่ 50% เสร็จตูสิ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บล็อกรีวิวครั้งนี้ ซื้อเอง ใช้เอง รีวิวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับ CANON Thailand ทั้งสิ้น เนื้อหาทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ครับ ดีไม่ดี ชอบไม่ชอบตรงไหน ว่ากันไปตรงๆ ตามฟอร์ม
แกะกล่องแล้วเราเห็นอะไรบ้าง?
ผมเลือกซื้อ CANON iNSPiC S ครับ เพราะเป็นรุ่นท็อป ได้ลด 50% คุ้มจะตาย (ราคาปกติ 5,990 บาท ตอนที่เขียนบล็อกนี้อยู่ บนเว็บประกาศว่ามีลดราคาเหลือ 4,990 บาทอยู่) ตัวนี้มีฟีเจอร์ที่นอกจากจะถ่ายรูปได้แล้ว ก็ยังสามารถพริ้นต์รูปได้ด้วย

ภายในกล่อง สิ่งที่เราจะได้ก็คือตัวกล้อง CANON iNSPiC S, คู่มือการใช้งานแบบแผ่นเดียวจบ, เอกสารระบุสเปกและคำเตือนการใช้งาน, สายชาร์จ Micro USB, สายคล้องมือ และกระดาษ ZINK ขนาด 2×3 นิ้ว จำนวน 10 แผ่น

ด้านหน้าของกล้อง CANON iNSPiC S ก็เป็นเลนส์กล้อง ที่มีพื้นที่สะท้อนแสงขนาดใหญ่ ซึ่งเอาไว้ใช้แทนกระจกสำหรับมองเวลาที่เราจะถ่ายเซลฟี่ มีการทำกรอบภาพเอาไว้ให้ดูด้วยว่าต้องจัดภาพอยู่ประมาณไหน ถึงจะอยู่ในกรอบได้พอดี ตัวเซ็นเซอร์มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีช่องมองภาพ (Viewfinder) และไฟแฟลชสองจุด จุดแรกอยู่ตรงข้างๆ ช่องมองภาพ อีกจุดคือตรงวงกลมขาวๆ รอบๆ ตัวเลนส์ ซึ่งเอาไว้สำหรับเวลาถ่ายเซลฟี่โดยเฉพาะ

พวกส่วนควบคุมทั้งหมดจะอยู่ด้านบน ตามสไตล์ของกล้องถ่ายภาพ จากภาพด้านบนเราจะเห็น (จากซ้ายไปขวา) ไฟ LED แสดงสถานะของกล้อง สวิตช์เลือกโหมดแฟลช (ปิด ออโต้ และใช้ไฟสำหรับเซลฟี่) ปุ่มเปิดปิด ปุ่มชัตเตอร์ และที่ร้อยสายคล้องมือ

ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ต Micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ที่มีไฟ LED แสดงสถานะของการชาร์จด้วย และมีสล็อตใส่ MicroSD card เอาไว้สำหรับเซฟรูปที่ถ่ายไว้ กับปุ่มรีเซ็ต

ด้านขวาของตัวกล้อง มีช่องออกของภาพถ่าย เวลาถ่ายภาพหรือจะพริ้นต์ภาพออกมา ก็อย่าเอามือไปขวางมันเข้าล่ะ
ส่วนด้านหลัง ก็เหมือนกับกล้องดิจิทัลทั่วไปครับ เราจะเห็นช่องมองภาพ ปุ่มเลือกอัตราส่วนของภาพ ซึ่งเลือกได้เป็น 2×3 นิ้ว คือพิมพ์ออกมาเต็มกระดาษพริ้นต์รูปเลย และ 2×2 นิ้ว คือ เหลือพื้นที่เอาไว้เขียนโน้ตได้ และอีกปุ่มคือ ปุ่มพิมพ์ภาพซ้ำ
ทีนี้ลองใช้งาน CANON iNSPiC S ดูบ้าง
ตัวกล้องมีน้ำหนัก 188 กรัม ขนาดก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับสมาร์ทโฟนเครื่องนึง ลองเทียบกับ iPhone 8 Plus แล้วก็ประมาณในรูปนี่แหละครับ

การถ่ายภาพด้วยกล้อง CANON iNSPiC S แบบกล้องดิจิทัลทั่วไป เวลาเรามองเข้าไปในช่องมองภาพ เราจะเห็นว่ามีการตีกรอบภาพเอาไว้ให้แล้ว เราแค่เล็งมุมให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราจะถ่ายมันอยู่ในกรอบภาพดังกล่าว
กรอบที่เห็น มันเอาไว้ถ่ายรูปในลักษณะต่างๆ ดังนี้ครับ
- กรอบนอกสุด เอาไว้ถ่ายภาพ 2×3 นิ้ว ในระยะห่างจากสิ่งที่จะถ่าย 1 เมตรเป็นต้นไป
- ขีดติ่ง 4 ติ่ง ที่โผล่มาจากกรอบนอกสุด เอาไว้บอกว่า ถ้าจะถ่ายภาพแบบ 2×2 จะต้องอยู่ตรงไหน
- กรอบเล็กด้านใน เอาไว้สำหรับเวลาถ่ายภาพแบบระยะใกล้ (ราวๆ 30 เซ็นติเมตร)

ส่วนตอนถ่ายเซลฟี่ ตัวเลนส์กล้องก็อย่างที่บอก มันมีลักษณะเป็นเหมือนกระจก และมีการตีกรอบเอาไว้เรียบร้อย ขอให้ถ่ายแล้วมันอยู่ในกรอบนี่ก็โอเคแล้ว และถ้าเรากลัวหน้าคล้ำๆ เพราะแสงไม่พอ ก็ปรับสวิตช์แฟลชไปเป็นโหมด Fill มันก็ทำให้เปิดไฟ LED ด้านหน้าได้แบบในรูปด้านล่าง
กรอบด้านนอกสุดคือเอาไว้ถ่ายภาพขนาด 2×3 นิ้ว แล้วเราจะเห็นจุดเล็กๆ 4 จุดที่ตรงเส้นด้านในของกรอบ นั่นคือตำแหน่งสำหรับกรณีที่อยากจะถ่ายภาพแบบ 2×2 นิ้วครับ
ส่วนคุณภาพของภาพถ่าย ก็ตามสไตล์ของการพริ้นต์ภาพแบบไร้หมึกด้วยกระดาษ ZINK ครับ คือ สีจะจืดกว่าความเป็นจริงอยู่นิดหน่อยครับ ด้านล่างคือภาพตัวอย่างที่ผมถ่ายตอนลองกล้องหลังซื้อ สีก็ประมาณนี้จริงๆ ครับ

การพริ้นต์รูปของกล้อง จะใช้เวลาประมาณ 50 วินาทีครับ ยกเว้นตอนที่เพิ่งใส่ฟิล์มเข้าไปใหม่ๆ นี่จะเสียเวลาสองเท่า เพราะรอบแรกจะต้องดันเอาแผ่นบาร์โค้ดสำหรับบอกโปรไฟล์สีออกไปก่อน

ถ้าเราใส่ MicroSD card ไว้ด้วย รอมันพริ้นต์รูปเสร็จนะ มันก็จะเซฟรูปลงไปใน MicroSD card ด้วย เราสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต Micro USB เพื่อดึงรูปออกมา หรือจะถอด MicroSD card ออกมาดาวน์โหลดรูปก็ได้ เจ้านี่ตามสเปกรองรับได้สูงสุด 256GB ซึ่งเหลือเฟือมากสำหรับการใช้งาน เพราะรูปถ่าย 8 ล้านพิกเซลที่เจ้านี่ถ่าย ขนาดไฟล์มันแค่ราว 1.5MB ต่อรูปเอง
ถามว่าคุณภาพของภาพถ่าย 8 ล้านพิกเซลของเจ้านี่เวิร์กไหม? ขอบอกเลยถ้าพริ้นต์ออกมาแบบ 2×3 นิ้ว ก็ดูดีอยู่หรอก แต่ถ้าเกิดว่าเซฟไฟล์ภาพออกมาเปิดบนคอมพิวเตอร์นะ เหอะๆ คุณภาพไม่เวิร์กหรอก

CANON iNSPiC S นี่มีฟีเจอร์เป็นพริ้นเตอร์สำหรับพิมพ์ภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนได้ด้วย โดยเราต้องดาวน์โหลดแอป CANON Mini Print (iOS/Android) มาติดตั้งบนสมาร์ทโฟน ซึ่งแอปนี้นอกจากเอาไว้สั่งพริ้นต์รูปแล้ว มันยังเอาไว้ตกแต่งภาพ ไม่ว่าจะเป็นการวาดแบบอิสระ, ติดสติกเกอร์ให้ภาพ พิมพ์ข้อความ ปรับแต่งสีสัน และยังเอาไว้อัพเดตเฟิร์มแวร์ของกล้องได้ด้วย
ภาพที่เราถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนจะเป็นสัดส่วน 4:3, 16:9 หรือ 18:9 ซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ภาพมันจะเกิดกรอบไปบ้าง แต่ในตัวแอป CANON Mini Print มันจะให้เราปรับเฟรมของภาพได้ เราก็ซูมเข้า ซูมออก เลื่อนขึ้นลงซ้ายขวาตามใจชอบครับ

แต่ก็ต้องเข้าใจนะว่า ภาพที่ถ่ายด้วยสมาร์ทโฟน กับภาพที่พิมพ์ออกมา สีสันจะต่างกันพอสมควรนะครับ มันเป็นเรื่องปกติของการพริ้นต์บนกระดาษ ZINK ครับ สีมันจะออกนวลๆ ไม่สดเหมือนกับภาพที่ถ่ายมา
บทสรุปการรีวิว CANON iNSPiC S
จริงๆ มันเป็นกล้องอเนกประสงค์มากเลยนะ นอกจากถ่ายภาพแล้วพริ้นต์ได้ภาพในทันที มันยังเป็นพริ้นเตอร์พิมพ์ภาพจากสมาร์ทโฟนได้อีก ขนาดของมันก็เหมาะสำหรับเอามาทำภาพใส่กระเป๋าสตางค์ หรือใครที่ชอบทำพวกสมุดภาพ (Scrapbook) นี่เวิร์กสุดๆ น่าจะชอบกัน แต่ก็เช่นเคย ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์มันแอบแรงนิดนึง แต่ยังแรงน้อยกว่ากล้อง Instax ครับ ฟิล์ม 20 แผ่นตกราวๆ 290 บาท (ราคามีบวกลบ แล้วแต่ร้านที่เราจะซื้อ) หรือตกรูปนึง 15 บาทโดยประมาณ (กล้อง Instax นี่ตกรูปนึง 20 บาท ยกเว้นจะซื้อตอนโปรโมชันแบบผม เหลือรูปละ 11.6 บาท)
ถ้าสนใจอยากซื้อมาเล่นกะเขาบ้าง จะเลือกรอโปรโมชันจาก CANON ก็ได้นะครับ คิดว่าคงจะมีอีกแหละในงานพวก Thailand Mobile Expo หรือ Commart คราวหน้า แต่ถ้าอยากได้ตอนนี้ คลิกลิงก์ด้านล่างฮะ