ในขณะที่กำลังคิดว่าช่วงนี้ไม่มีแกดเจ็ตอะไรเล่นเลย ก็เหลือบไปเห็นไฟอ่านหนังสือแบบไร้สายยี่ห้อ OneFire รุ่น SSD-01 ขายอยู่บน Lazada เห็นดีไซน์มันน่าสนใจดี ว่ามันดีพอจะเอาไป #ป้ายยา ใครได้ไหม (ฮา) ประจวบเหมาะกับที่ผมรู้สึกว่าโต๊ะทำงานในห้องนอนผม มันมืดๆ เป็นมุมมืดๆ ด้วย อยากได้ไฟมาส่องสว่างซักหน่อยพอดี ก็เลยจัดมาลองซักหน่อยครับ แล้วก็รีวิวให้ได้อ่านกันตามระเบียบ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บล็อกรีวิวตอนนี้ ซื้อมาเอง ใช้เอง รีวิวเอง ตามระเบียบ ร้านค้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ชอบไม่ชอบ ดีไม่ดี เรามาว่ากันตามตรงครับ
แพ็กเกจของหลอดไฟอ่านหนังสือ OneFire รุ่น SSD-01 นี่ไม่ได้มีอะไรมาก ก็มีตัวหลอดไฟพร้อมฐาน แล้วก็มีสาย Micro USB 2.0 ยาวเฟื้อยราวๆ 1.5 เมตร (ไม่ได้วัดโดยละเอียด) มาให้พร้อมคู่มือ (ที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไร เพราะมันเป็นภาษาจีน และการใช้งานเจ้านี่มันง่ายมากๆ)
ตัวหลอดไฟมีดีไซน์เป็นแท่งยาวๆ ประกอบไปด้วยไฟ LED แถวเดียว จำนวน 16 ดวง โดยข้างนึงมันมีพอร์ต Micro USB เอาไว้ชาร์จแบตเตอรี่ ส่วนอีกข้างเป็นปุ่ม Power เอาไว้เปิดปิดหลอดไฟ และปรับความสว่างของหลอดไฟ
ด้านหลังมีแผ่นเหล็กฝัง และมีดีไซน์ที่เอาไว้ประกอบติดกับฐานด้วยแรงแม่เหล็ก ซึ่งมีความแรงพอสมควร ไม่ต้องห่วงว่ามันจะหล่นลงมา แต่แรงดูดก็ไม่ได้แรงเหมือนที่โฆษณาไว้ในหน้าขายผลิตภัณฑ์ของร้านบน Lazada ที่มีรูปว่าแขวนขวดน้ำ 500 มิลลิลิตร 2 ขวดได้ ไม่มีทางเลยครับ เพราะผมลองเอากระบอกน้ำความจุ 480 มิลลิลิตรมาลองถ่วงน้ำหนักแล้ว หลุดผลัวะครับ ฉะนั้น ไม่ต้องไปลองของ ผมลองให้แล้ว
ดีไซน์ด้านหลังเนี่ย มันโค้งมน เลยทำให้แม้จะโดนแม่เหล็กดูดติดแน่นแล้ว เราก็ยังสามารถปรับมุมก้มเงยของหลอดไฟได้ด้วยประมาณ 15-20 องศา แล้วถอดเข้าถอดออกไม่ยากเลย สะดวกมากๆ

ตัวฐานเป็นพลาสติกมีน้ำหนักเบา มีแผ่นกาวสองหน้าติดมาให้เรียบร้อย เอาไปใช้ยึดกับพื้นผิวต่างๆ ที่เรียบได้ ควรทำความสะอาดพื้นผิว และรอให้มันแห้งก่อนจะติดกาวนะ กาวมันเหนียวพอที่จะยึดหลอดไฟพร้อมกับฐานได้สบายๆ
ติดตั้งเสร็จแล้วก็พร้อมใช้ครับ ไฟมันปรับได้สามระดับ ระดับแรงสุดนี่อยากบอกว่าสว่างมาก จนไม่ควรจะมองมันเลย ไฟระดับเบาสุด เหมาะสำหรับใช้ตอนปิดไฟห้องมืดๆ แล้วอยากได้ไฟสลัวๆ สำหรับอ่านหนังสือก่อนนอน
ระดับไฟสว่าง 3 ระดับ ผมพยายามจะให้เห็นว่าต่างกันแค่ไหน ก็ลองถ่ายเป็นรูปมาให้เทียบดูแบบนี้ครับ ผมปิดไฟห้องครัวให้มืด แล้วเปิดไฟอ่านหนังสือ OneFire SSD-01 นี่ในแต่ละระดับ แล้วถ่ายรูปด้วย iPhone 8 Plus ให้ดูว่ามันสว่างขึ้นแค่ไหน
อย่างไรก็ดี ผมสังเกตว่าเซ็นเซอร์กล้องมันทำงานได้ดีกว่าตาของคนครับ มันพยายามปรับภาพให้สว่างกว่าความเป็นจริงนิดหน่อยครับ จริงๆ แล้ว ความแตกต่างของไฟระดับ 1, 2 และ 3 นี่ต่างกันประมาณนึงเลยนะ

แบตเตอรี่ของเจ้านี่ความจุ 1,800mAh ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงถึงจะชาร์จเต็ม ( ตามสเปกเลยมันระบุเอาไว้ว่าถ้าใช้ไฟระดับ 1 (Low grade) จะอยู่ได้ 48 ชั่วโมง ไฟระดับ 2 (Mid-range) อยู่ได้ยาว 10 ชั่วโมง แต่ถ้าไประดับ 3 (High gear) จะอยู่ได้ 3 ชั่วโมง ครับ ซึ่งก็เหมาะสมกับการใช้งานดีนะ คือ
- ถ้าจะใช้เป็นแค่ไฟอ่านหนังสือก่อนนอน ใช้แค่ไฟระดับ 1 ก็พอ ระยะเวลา 48 ชั่วโมง นี่เท่ากับว่าใช้ได้หลายวันโดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่เลย
- ถ้าจะใช้เป็นไฟทำงานแบบชิลล์ๆ หลังปิดไฟห้องแล้ว ใช้ไฟระดับ 2 ก็สว่างพอทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้ 10 ชั่วโมงนี่เรียกว่าข้ามคืน
- ถ้าจะเอาแบบสุดๆ คือ เพิ่มความสว่างให้กับบางจุดในห้อง แม้ตอนที่เปิดไฟห้องสว่างแล้ว (แบบที่ผมตั้งใจซื้อมาใช้) 3 ชั่วโมงก็อาจจะพอไหว แต่ก็เพราะงี้ เขาถึงให้สาย Micro USB ยาวๆ มาละมั้ง จะได้ชาร์จไปเปิดไฟไปได้ด้วย

การดีไซน์แบบที่สามารถยึดติดตัวหลอดไฟกับฐานด้วยแม่เหล็ก ทำให้สามารถถอดตัวหลอดไฟออกมาใช้เป็นไฟฉายได้ในยามฉุกเฉิน เช่น ไฟดับ ด้วย และก็สามารถทำให้มันไปติดตั้งไว้ที่ไหนก็ได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ เพราะพอจะชาร์จ ก็แค่ถอดออกมาแล้วไปเสียบชาร์จได้เลย ดีงามมาก
บทสรุปการรีวิวไฟอ่านหนังสือ OneFire SSD-01
299 บาท ฟรีค่าส่ง แถมถ้าซื้อจังหวะดีๆ มีส่วนลดเพิ่มอีก ผมว่าเจ้าตัวนี้คุ้มนะ ในฐานะไฟ LED แบบชาร์จแบตเตอรี่ได้ มันสามารถเอาไปใช้งานได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น
- ไฟหัวเตียง ส่องอ่านหนังสือก่อนนอน
- ไฟโต๊ะทำงาน (แบบที่ผมจะใช้) แต่ต้องดูดีๆ ว่ามีตำแหน่งไหนให้ติดมันได้ไหมนะ เน้นว่าควรมีกำแพงด้านข้าง หรือ คานด้านบนไว้ติด
- ไฟในตู้เสื้อผ้า ในกรณีที่เราซื้อตู้เสื้อผ้ามาแล้ว มันไม่มีไฟในตู้แถมมาให้
- เอาไว้เป็นไฟฉุกเฉินได้อีกตะหาก
ถ้าคุณคิดคุณโดนผม #ป้ายยา สำเร็จ อยากซื้อ คลิกลิงก์ด้านล่าง ซื้อร้านเดียวกับที่ผมซื้อมาได้เลย