ใครที่ใช้ QNAP NAS แล้วทำ RAID1, RAID5, RAID6 หรือ RAID10 อาจจะเคยเห็นผ่านๆ มาบ้าง เวลาเข้าไปที่แอป Storage & Snapshots ที่เอาไว้บริหารจัดการฮาร์ดดิสก์บน NAS ว่ามันมีคอลัมน์นึงเขียนไว้ว่า Bitmap แล้วมันก็ถูก Disabled อยู่ แล้วมันเป็นฟีเจอร์ที่ไม่มีคำอธิบายซะด้วยว่ามันช่วยทำอะไรได้ บล็อกนี้ก็เลยเขียนมาเพื่อให้มีคำตอบเป็นเวอร์ชันภาษาไทยบนอินเทอร์เน็ตให้ได้อ่านกันนะครับ เผื่อใครเป็นผู้ใช้ QNAP NAS จะสงสัยแล้วหาคำตอบอยู่
การใช้ QNAP NAS มีโอกาสที่ฮาร์ดดิสก์จะหลุดจากการเชื่อมต่อ
ก่อนอื่นผมต้องเขียนอธิบายเรื่องนี้ก่อน สำหรับคนที่ใช้ QNAP NAS เพื่อใช้เก็บข้อมูล และต้องการความมั่นใจว่าข้อมูลจะไม่สูญหาย ในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เกิดความผิดพลาดขึ้นมา ก็จะทำ RAID1, RAID5, RAID6 หรือ RAID10 เอาไว้ ตามแต่วัตถุประสงค์ของการใช้งาน
เมื่อทำ RAID แล้ว หากมีการถอดฮาร์ดดิสก์ออกมา แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ มันก็จะมีการ Rebuild RAID กันใหม่หมด หรือพูดง่ายๆ ก็คือจะมีการ Restore ข้อมูลจากที่ถูกสำรองเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ลูกที่เหลือกลับเข้าไปที่ฮาร์ดดิสก์ที่ถูกใส่เข้ามาใหม่ โดยไม่สนว่าฮาร์ดดิสก์ลูกที่ใส่เข้าไปใหม่นั้น มันเป็นฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่เอี่ยม หรือฮาร์ดดิสก์ลูกเดิม
ส่วนใหญ่แล้ว การถอดเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ มันจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนจะใส่ฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่เท่านั้นแหละ แต่มันก็มีโอกาสที่ฮาร์ดดิสก์ถูก Disconnect หรือ หลุดจากการเชื่อมต่อ โดยไม่ได้ตั้งใจได้ เช่น
- มีผู้ใช้งานมือบอนไปถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาในขณะที่ QNAP NAS ยังถูกเปิดใช้งานอยู่
- QNAP NAS ถูกปิดโดยไม่ได้ตั้งใจ อันเป็นผลมาจากข้อผิดพลาดด้านฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์
- ผู้ใช้งานไปกดปุ่ม Power ค้าง 10 วินาที หรือไปถอดปลั๊ก NAS ออก ในขณะที่ NAS ยังทำงานอยู่
หากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น ฮาร์ดดิสก์อาจจะถูกมองว่าหลุดออกจาก RAID Group โดยไม่ได้ตั้งใจได้ และกระบวนการ Rebuild RAID ก็จะเริ่ม ซึ่งจะทำให้ RAID Group ตกอยู่ใน Degrade mode และใช้เวลาหลายชั่วโมง (เผลอๆ เป็นวัน ขึ้นอยู่กับขนาดของฮาร์ดดิสก์) ในการ Rebuild แล้วให้กลับมาใช้งานในโหมดปกติได้ … แน่นอนครับ ในระหว่างที่อยู่ใน Degrade mode นั้น เรายังสามารถใช้งาน QNAP NAS ได้อยู่ แต่ว่าประสิทธิภาพจะได้ไม่เต็มที่ (เพราะการอ่านและเขียนส่วนนึง จะถูกเอาไปใช้ในการ Rebuild RAID) และมีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหาย เพราะ RAID1 และ RAID5 ฮาร์ดดิสก์ จะรองรับการเสียหาย หรือกรณีที่ฮาร์ดดิสก์หลุดจาก RAID Group แค่ลูกเดียวเท่านั้น
การทำฮาร์ดดิสก์ “หลุด” โดยไม่ตั้งใจนี่แหละ ไปลดทอนประสิทธิภาพการทำงานของ QNAP NAS เพราะว่าต้องมาเสียเวลา Rebuild RAID นี่แหละ
Bitmap ช่วยเร่งความเร็วในการ Rebuild RAID กรณีที่ฮาร์ดดิสก์หลุดโดยไม่ตั้งใจ
ฟีเจอร์ Bitmap ก็จะมาช่วยเรื่องนี้แหละครับ คือ ถ้าหากว่าฮาร์ดดิสก์เกิดหลุดออกจาก RAID Group โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเรารีบต่อฮาร์ดดิสก์กลับเข้ามาทันที ปกติก็อย่างที่บอก คือ มันจะต้องทำการ Rebuild RAID ใหม่ เสียเวลามาก แต่ถ้าเกิดเราเปิดฟีเจอร์ Bitmap ไว้ใน RAID Group การ Rebuild RAID จะเกิดขึ้นเฉพาะกับแค่ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ฮาร์ดดิสก์หลุดออกจาก RAID Group เท่านั้น ทำให้กระบวนการรวดเร็วขึ้นอย่างมาก
หากต้องการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ทำตามนี้เลยครับ
- ไปที่ Storage & Snapshots > Storage/Snapshot
- เลือก Storage Pool หรือ Single Static Volume (ขึ้นอยู่กับว่าเราสร้างไว้เป็นแบบไหน)
- คลิก Manage
- เลือก RAID Group ที่ต้องการเปิดใช้ฟีเจอร์ Bitmap
- คลิก Manage แล้วเลือกตัวเลือก Enable Bitmap
- จากนั้นก็ตอบตกลงไปเวลาโดนถามว่าจะเปิดใช้จริงๆ ไหม
ข้อสังเกต
ฟีเจอร์ Bitmap นี้ จะเวิร์กก็แค่ในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์หลุดจาก RAID Group แล้วเราต่อฮาร์ดดิสก์คืนกลับไปนะครับ เพราะหลักการของมันคือ การ Rebuild RAID เฉพาะส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากฮาร์ดดิสก์หลุดออกไป ฉะนั้น หากเป็นการถอดฮาร์ดดิสก์เก่าออก แล้วเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่เข้าไป การเปลี่ยนแปลงก็คือ เต็ม 100% หรือก็คือต้อง Rebuild RAID ใหม่หมด ฟีเจอร์ Bitmap ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะฮะ
นอกจากนี้ เพราะฟีเจอร์ Bitmap ต้องมีการเก็บข้อมูลมาทำ Bitmap มันก็จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเขียนและอ่านข้อมูลของ RAID Group นี้ลดลงไปเล็กน้อยนะครับ แต่มากน้อยแค่ไหน QNAP ไม่ได้บอกเอาไว้ แต่มีคนประเมินไว้ที่ราวๆ 5%