หลายๆ คนคงคิดว่า ฮาร์ดดิสก์ซัก 1TB นี่ก็เหลือๆ แล้ว ก็แหม เดี๋ยวนี้โน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ก็แค่ 256-512GB อย่างมาก ยกเว้นตัวที่ออกแบบมาสำหรับเล่นเกมก็อาจจะจุ 1TB แล้วเราจะเอาฮาร์ดดิสก์ความจุเยอะๆ ไปทำไม แต่ในความเป็นจริง ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่เขาต้องการเนื้อที่สำหรับเก็บข้อมูลเยอะๆ โดยเฉพาะคนทำงานด้านวิดีโอครับ เพราะเดี๋ยวนี้ไฟล์วิดีโอมันใหญ่โตอลังการเหลือเกิน ผมเห็นเวลาเขาไปถ่ายวิดีโอกัน เก็บกันแบบ 4K เลย นี่ล่าสุดเห็นมีกล้อง 360 องศาตัวใหม่ ความละเอียด 8K ซึ่งถ้าถ่ายวิดีโอ 360 องศาออกมาแล้ว ก็จะได้ภาพความละเอียดระดับ 2K ในมุมมองปกติ เหลือเฟือสำหรับงานแจ่มๆ เลย แต่ก็แลกมาด้วยขนาดไฟล์ซักราวๆ นาทีละ 2GB!! แล้วแบบนี้จะไม่อยากได้ WD My Passport 5TB เอาไว้เก็บงานถ่ายฟุตเทจเหรอ?
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
WD My Passport 5TB ที่ได้มาใช้ในการรีวิวครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก WD Thailand มายืมลองเล่นพักใหญ่ๆ ครับ แต่เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฏในรีวิวตอนนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ชอบไม่ชอบ ว่ากันไปตรงๆ ตามสไตล์ผม
ดีไซน์ของตัว WD My Passport 5TB
ตัวนี้เพิ่งเปิดตัวไปตอนปลายปี 2562 เองนะ มีจำหน่ายสามสี คือ ดำ แดง และฟ้า สำหรับรุ่น Windows ตัวที่ผมได้ยืมมารีวิวเป็นสีดำครับ ขนาดของตัว WD My Passport 5TB นี่ออกแบบมาดีมาก กะทัดรัดทีเดียว ใหญ่กว่าฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วนิดเดียวจริงๆ (เทียบกับ SSD 2.5 นิ้ว) แต่มันจะหนาๆ นิดนึง คือ ราวๆ 2 เซ็นติเมตรครับ

ทั้งตัวฮาร์ดดิสก์ ก็มีแค่พอร์ต Micro USB-B ให้เห็นนี่แหละ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนมาเป็น USB-C นั่นก็ดพราะตัวฮาร์ดดิสก์มีความเร็วในการอ่านและเขียนแบบ Sequential ราวๆ 130MB/s ซึ่งใช้แค่ USB 3.0 (ปัจจุบัน ชื่อทางเทคนิคจะเรียก USB 3.2 Gen 1) มันก็พอแล้ว แบนด์วิธเหลือเฟือ การเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C มันไปเพิ่มต้นทุนการผลิตโดยใช้เหตุ แต่ผมก้อยากรู้จริงๆ แฮะ ว่าต้นทุนมันเพิ่มขึ้นมาแค่ไหน (ฮา)

น้ำหนักของตัวฮาร์ดดิสก์ ลองชั่งแล้วอยู่ที่ 209 กรัม ก็หนักประมาณสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ๆ ตัวนึง (เบากว่า iPhone 11 Pro Max ที่หนัก 226 กรัม อยู่นิดหน่อย)
ว่ากันด้วยเรื่องของประสิทธิภาพ
อย่างที่บอกไปในตอนต้น ฮาร์ดดิสก์ปกติจะมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลอยู่ราวๆ 130MB/s บวกลบกันนิดหน่อย แล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่รุ่น ส่วน WD My Passport 5TB นี่ ลองวัดความเร็วด้วย CrystalDiskMark 7.0.0 แล้ว ผลที่ได้ก็ตามภาพด้านล่างครับ

ความเร็วในการเขียนและอ่านข้อมูลแบบ Sequential ก็อยู่ที่ระดับ 120-130MB/s ครับ เรียกว่าได้ตามสเปกของฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กทั่วๆ ไป ส่วนการอ่านข้อมูลแบบ Random access ค่อนข้างต่ำ คือ 0.5MB/s ซึ่งเป็นจุดอ่อนของฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก แต่ความเร็วในการเขียนแบบ Random นี่ถือว่าค่อนข้างโอเคอยู่นะ ได้ราวๆ 10MB/s เลย
โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องความเร็วของการอ่านและเขียนแบบ Random access เท่าไหร่ เพราะฮาร์ดดิสก์ขนาด 5TB แบบนี้มันเหมาะกับการเอาไว้เก็บพวกไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ๆ ไปเลยครับ ซึ่งจะเน้นไปที่การอ่านและเขียนแบบ Sequential ที่มีความเร็วค่อนข้างโอเคอยู่แล้ว

ในส่วนการใช้งานอื่นๆ ภายในตัวฮาร์ดดิสก์ มีไฟล์ติดตั้งโปรแกรม WD Discovery มาไว้ให้ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเหมือนศูนย์กลางในการแสดงรายชื่ออุปกรณ์สื่อบันทึกข้อมูลของ WD ทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีโปรแกรมจำพวกยูทิลิตี้ คือ
- WD Drive Utilities เอาไว้สำหรับตรวจสอบสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์
- WD Security เอาไว้เข้ารหัสข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ เกิดทำหายจะได้มั่นใจว่าไม่มีใครอ่านข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ได้
- WD Backup เอาไว้ตั้งค่าเพื่อสำรองข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ลงฮาร์ดดิสก์ได้โดยอัตโนมัติ
เราไม่จำเป็นต้องติดตั้งหมดทุกโปรแกรมหรอกนะ แต่ผมก็อยากแนะนำให้ติดตั้ง WD Drive Utilities กับ WD Backup เป็นอย่างน้อยครับ มันช่วยได้เยอะในเรื่องการใช้งาน ส่วน WD Security นี่ เฉพาะคนที่ต้องการความมั่นใจว่าอยากล็อกรหัสสำหรับอ่านข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ และอย่าเผลอลืมรหัสล่ะ จบเกมเลยนะนั่น
บทสรุปการรีวิว WD My Passport 5TB
เป็นฮาร์ดดิสก์พกพาที่ขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณนึง (เพราะมัน 5TB) มีความเร็วในการอ่านและเขียนไฟล์ขนาดใหญ่ได้เร็วตามสเปกที่มันควรจะทำได้ ราคาไม่แพงมาก (เช็กราคาดีๆ ก่อนซื้อออนไลน์ เพราะราคามันมีแตกต่างกันพอควร) ไม่ใช่อะไรที่เหมาะสำหรับคนที่เก็บไฟล์ยิบย่อยนะครับ ถ้าคิดจะซื้อมาเก็บไฟล์ Word, Excel, PowerPoint นี่คุณคิดผิดมาก แต่ถ้าคุณจะเอามาเก็บวิดีโอ Full HD, 4K, 8K อะไรพวกนี้ ที่ขนาดไฟล์ใหญ่เบ้ง โอเคเลย
ผมเช็กราคาแล้ว ซื้อที่ Banana IT บน Lazada 3,790 บาท แต่ถ้าซื้อกับ WD Official Store บน Shopee นอกจากราคาจะเท่ากันแล้ว เห็นว่ามีแถมกระเป๋าใส่ฮาร์ดดิสก์อีก น่าจะคุ้มกว่าฮะ