จริงๆ ว่าจะรีวิวตั้งกะมันออกมาใหม่ๆ แล้ว แต่หาจังหวะเที่ยวไม่ค่อยได้เลย และเมื่อไม่ได้เที่ยว ก็จะไม่ค่อยได้มีโอกาสถ่ายรูปไง ก็เลยรอมันสิ้นปีแล้วค่อยรีวิวฮะ หลังจากได้ใช้มาซักพักใหญ่ๆ แล้ว ก็ขอโอกาสรีวิวให้ได้อ่านกัน ในมุมมองของคนที่ใช้ GoPro Hero 7 Black กันครับ ว่ามันมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง
ดีไซน์ใหม่ ที่โดยรวมดีกว่าเดิมเยอะ
ในภาพรวมแล้ว ขนาดของ GoPro Hero 8 Black ใหญ่กว่า Hero 7 Black นิดหน่อย แต่ก็บางกว่านิดหน่อยด้วยเช่นกัน ตรงที่ส่วนเลนส์ที่ยื่นมา มันยื่นออกมาน้อยกว่า ตำแหน่งของพวกลำโพงและไมโครโฟนบนตัวกล้องก็มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่ขนาดของจอแสดงผล ทั้งหน้าและหลัง ยังมีขนาดเท่าเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ

งวดนี้ GoPro ดีไซน์ให้ Hero 8 Black มี Camera mount มาให้ในตัว ไม่ต้องไปซื้อกรอบมาใส่เพิ่ม ช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องอุปกรณ์เสริมไปได้อีกหน่อย สำหรับคนที่มั่นใจว่าจะไม่ทำกล้องหล่น (ฮา) และช่วยอำนวยความสะดวกอีกหลายๆ อย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น ติดตั้งกับขาตั้งได้รวดเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาใส่กรอบ หรือเวลาที่ถอดออกจากขาตั้งกล้อง แล้วจะวางบนพื้นเรียบๆ ก็ไม่ต้องเสียเวลาถอดออกจากกรอบด้วย

และจากเดิม GoPro Hero 7 Black จะมีฝาปิดสองด้าน คือด้านข้างกับด้านล่าง โดยด้านข้างเอาไว้ชาร์จแบตเตอรี่กับต่อออกจอแสดงผลภายนอกผ่าน Micro HDMI และด้านล่างเอาไว้ใส่แบตเตอรี่และ MicroSD card ตัว GoPro Hero 8 Black มีฝาปิดด้านเดียวเลย คือด้านข้าง ใส่แบตเตอรี่ MicroSD card และพอร์ต USB-C เพื่อใช้ชาร์จแบตเตอรี่ อยู่ตรงนี้หมดเลย และเปลี่ยนตัวล็อกซะใหม่ ดูดีและแน่นหนาขึ้นด้วย

แต่ดีไซน์ใหม่นี่ก็ไม่ใช่จะมีแต่ข้อดีนะครับ มันก็มีข้อจำกัดตามมาด้วยเช่นกัน ที่เห็นได้ชัดสุดคือ เพราะเอาทุกอย่างไปรวมอยู่ที่เดียวกันหมด มันก็เลยไม่มีพอร์ต Micro HDMI แล้ว ฉะนั้น เจ้านี่ก็เลยต่อออกจอแสดงผลภายนอกไม่ได้แล้ว ยกเว้นคุณจะซื้ออุปกรณ์เสริม Media Mod มาติดตั้งเพิ่ม ($79)

GoPro วางแผนดูดทรัพย์ของเราด้วยการออก Mod ต่างๆ มาให้เราซื้อไปใช้กับ GoPro Hero 8 Black เพื่อให้เราถ่ายวิดีโอได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Display Mod (เพิ่มจอที่สามารถพับเปิดขึ้นมาเพื่อให้เราดูภาพขณะที่กำลังถ่ายวิดีโอตัวเองได้), Light Mod หรือ Media Mod ที่ผมพูดถึงไปในตอนแรก ซึ่งราคาในไทยเท่าไหร่ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะในเมืองนอกเขาให้พรีออร์เดอร์เดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ราคาไม่ถูกเลยครับ นี่บอกเลย
สเปกที่ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมากมาย
GoPro Hero 8 Black ยังคงใช้เซ็นเซอร์กล้อง 12 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรขึ้นมา ฉะนั้นอย่าเพิ่งคิดว่าจะได้ภาพที่ความละเอียดสูงขึ้น แต่ถ้ามองอีกแง่นึงก็คือ 12 ล้านพิกเซลนี่มันคงโอเคแล้วสำหรับการถ่ายภาพ (ความละเอียดสูงพอในการใช้งาน) และถ่ายวิดีโอ 4K เสียดายตรงที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของเลนส์ เลยไม่รู้ว่ามันพัฒนาขึ้นมาไหม (แต่ถ้ามันพัฒนาขึ้นมามาก GoPro ก็น่าจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลนี้เนอะ)
ในขณะที่ GoPro Hero 8 Black ยังคงใช้หน่วยประมวลผล GP1 เหมือนเดิม (GoPro ใช้เจ้านี่มาตั้งกะ GoPro Hero 6 แล้ว) แต่ที่เพิ่มมาใน GoPro Hero 8 Black คือ ฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์ครับ ฟีเจอร์อย่าง HyperSmooth หรือ TimeLapse ก็พัฒนาขึ้นเป็นเวอร์ชัน 2.0 มีการปรับ User Interface ซะใหม่ ทำอะไรได้หลายๆ อย่างมากขึ้น
HyperSmooth 2.0 และ TimeLapse 2.0 ทำงานได้ดีขึ้น ฟีเจอร์อย่าง LiveBurst นอกจากจะถ่ายภาพรัวๆ ได้เหมือนฟีเจอร์ Burst เดิม ก็เพิ่มเติมการถ่ายภาพ 1.5 วินาทีก่อนที่จะกดชัตเตอร์มาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่พลาดช็อตสำคัญๆ จริงๆ
User Interface ของกล้องก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นประมาณนึง คือ เพิ่มปุ่มให้เราสามารถเลือก Output ของภาพ (SuperPhotoม, HDR, Standard, RAW) ได้เลย ซึ่งสะดวกขึ้น สามารถเซฟการตั้งค่าโหมดต่างๆ เอาไว้เป็น Custom settings ได้ ซึ่งสำหรับคนที่ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอ แล้วไม่อยากเสียเวลาในการปรับค่าไปๆ มาๆ มันมีประโยชน์มากมายจริงๆ … ตอนแรกที่ผมใช้ ผมแอบบ่นว่าใช้ไม่สะดวกเล้ย ให้ตายเหอะ แต่พอใช้ไปนานๆ เฮ้ย! มันสะดวกจริงๆ ว่ะ
ที่เพิ่มมาอีกอัน ที่ผมว่าดีมากเลยคือ Digital Lens ครับ ไม่ใช่ว่า GoPro Hero 7 Black ไม่มีนะ แต่ตอนนั้นมันมี Digital Lens แค่สองระยะ คือ Wide (ซึ่งก็คือ Ultrawide ในมุมมองของสมาร์ทโฟน คือภาพมุมโคตรกว้าง), Linear คือ ภาพมุมกว้างแหละ แต่มันจะไม่มี Distortion จากเลนส์ เพราะซอฟต์แวร์จะปรับภาพให้ตรง โดยยอมตัดขอบๆ สี่ด้านออกไปบางส่วน
แต่ GoPro Hero 8 Black นี่เพิ่ม Digal Lens มาอีกระยะ คือ Narrow ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่อยากถ่ายภาพในระยะที่มุมมองจำกัด
ลองถ่ายภาพด้วย GoPro Hero 8 Black มาดู
ผมไม่ใช่สาย Extreme ที่จะเอา GoPro Hero 8 Black ไปขี่จักรยานผาดโผน หรือไปเดินป่าเดินเขา อะไรทำนองนี้ ฉะนั้น เลยขอทดสอบการถ่ายภาพด้วยการพกไปเที่ยว แล้วก็ใช้ถ่ายภาพแทนสมาร์ทโฟนซะหน่อยนะครับ ภาพที่ผมถ่ายๆ ออกมา ก็ประมาณด้านล่างนี่แหละ







เมื่อเทียบกับการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนแล้ว ก็ต้องบอกก่อนว่าความคมชัดของภาพ โดยเฉพาะในสภาพแสงดีๆ นี่ คมชัดดีเลยแหละครับ การถ่ายภาพในเวลากลางคืนก็ทำได้ดี เรากำหนดความเร็วชัตเตอร์ไม่ได้ แต่จากที่ผมลองถ่าย ซอฟต์แวร์มันก็ตั้งค่าให้โดยอัตโนมัติมาได้ดีทีเดียว สะดวกกว่าไปตั้งค่าในโหมดโปรของกล้องสมาร์ทโฟนอีก
โดยสรุปแล้ว GoPro Hero 8 Black นั้น…
สำหรับคนที่มี GoPro Hero 7 Black (แบบผม) ยังสะกดใจไม่สอย GoPro Hero 8 Black ได้ หากไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เพราะของเก่าก็ยังดีอยู่ ส่วนพวก Mod ต่างๆ นั้น GoPro Hero 7 Black ก็มีอุปกรณ์เสริมหลายๆ อย่างที่พอกล้อมแกล้มกันได้อยู่ครับ
แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยมี หรือต้องการอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน (หรือพูดง่ายๆ คือ เอาของพวกนี้ไปทำมาหากินได้) ผมว่าราคาของ GoPro Hero 8 Black มันก็ไม่ได้แพงมากเกินไปจนซื้อไม่ไหว และของเก่าก็ยังเอาไปขายมือสองมาเป็นทุนเสริมได้งิ