เผื่อใครไม่ทันสังเกต ฝุ่น PM2.5 กำลังกลับมาแล้วนะครับพี่น้องครับ ใครที่สัมผัสไวกว่าชาวบ้าน จะเริ่มรู้สึกว่าแสบจมูกบ้างล่ะ อึดอัดบ้างล่ะ ก็ได้เวลาที่จะต้องป้องกันตัวเองเวลาออกจากบ้านแล้ว แต่ที่หลายๆ คนไม่ทันระวังตัว ก็คือตอนอยู่บ้านนี่แหละครับ เพราะไม่ทันสังเกตว่าที่บ้านนี่ อากาศมีคุณภาพดีแค่ไหน แต่สำหรับคนที่ใส่ใจเป็นพิเศษ ก็จะเริ่มหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้ที่บ้านแล้ว และผมมีเจ้านี่ครับ Vitainno รุ่น Vita-Health V50 มารีวิวให้ได้อ่านกัน
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
การรีวิวครั้งนี้ เป็นบทความ Advertorial ซึ่งเนื้อหาอันเป็นความเห็นส่วนตัวของผม ได้รับการตรวจทานโดย Vitainno เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาด อย่างไรก็ดี การรีวิวครั้งนี้ก็จะเป็นไปตามสไตล์ของผมเช่นเคย คือ ดีไม่ดี กว่ากันตามความเป็นจริงครับ
อนึ่ง ข้อมูลบางอย่าง ที่ผมไม่มีอุปกรณ์ในการช่วยตรวจวัดผล ผมใช้ข้อมูลที่อ้างอิงจากสเปก ซึ่งผมจะมีการระบุให้ทราบโดยชัดเจน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศ มันไม่ได้มีแค่ฝุ่น PM2.5
ผมเคยเขียนบล็อกเอาไว้แล้วว่า อย่าเพิ่งกลัว PM2.5 กันจนนอยด์ และคุณภาพของอากาศนั้น มันไม่ได้วัดกันแค่ที่ปริมาณฝุ่น PM2.5 เพียงอย่างเดียว … แต่ก็แน่นอนครับ ว่าฝุ่น PM2.5 มันเป็นโทษต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับเด็กๆ (ดูคลิปวิดีโอ ซับไทย ขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อพวกเด็กๆ ได้ด้านล่างนี่)
หลายๆ คนอาจเคยสังเกตว่า อุตส่าห์ซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้แล้ว มันกลับไม่ได้ช่วยให้อาการภูมิแพ้ของตัวเองดีขึ้น มันเป็นเพราะอะไร? ก็เพราะว่าเครื่องฟอกอากาศที่ใช้อาจจะทำหน้าที่แค่กรองฝุ่นออกจากอากาศเท่านั้น ซึ่งเป็นปกติของพวกเครื่องฟอกอากาศรุ่นราคาประหยัดนั่นแหละครับ พวกนี้จะมีไส้กรองแบบ HEPA เกรดเอาไว้กรองฝุ่น PM2.5 เพียงอย่างเดียว
แต่คุณภาพอากาศอ่ะ มันมีมากกว่านั้นนะครับ ไหนจะเรื่องค่า TVOC (Total Volatile Organic Compound) หรือชื่อไทยคือ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย และค่า CO2 แล้วก็พวก สารก่อภูมิแพ้และพวกเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในอากาศ อะไรพวกนี้อีก ซึ่งก็จะมีพวกเครื่องฟอกอากาศที่ราคาสูงขึ้นมาอีกนิด เขาจะมีพวกไส้กรอง หรืออุปกรณ์เสริม ที่จะช่วยกำจัดสารพวกนี้ได้ครับ
Vitainno รุ่น Vita-Health V50 กับความสามารถในการกรอง 6 ขั้นตอน
ตัวเครื่องฟอกอากาศ Vitainno (อ่านว่า วีต้าอินโน) มี 3 รุ่น โดยใช้ชื่อว่า Vita-Health แล้วตัวเลขรุ่นก็จะบอกว่าเหมาะกับพื้นที่ห้องกี่ตารางเมตร ซึ่งมี V28, V50 และ V80 โดยตัวที่ผมได้มารีวิว เป็นรุ่นกลาง คือ Vita-Health V50 เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 50 ตารางเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในห้องนั่งเล่นของบ้านทั่วไป (บ้านผมเป็นทาวน์โฮม ไซส์นี้คือพอดีๆ เลย) และพวกคอนโด สนนราคาค่าตัวก็ 18,900 บาทครับ จัดอยู่ในราคาระดับกลางๆ

ตัวเครื่องฟอกอากาศ Vitainno Vita-Health V50 มีขนาดใหญ่พอสมควรครับ คือ 425×220×630 เซ็นติเมตร ความสูงนี่ประมาณพวกโต๊ะวางของเล็กๆ สำหรับพวกโซฟาเลยฮะ

แต่ด้วยความที่หน้ากว้าง และความลึก มันไม่ได้ใหญ่มาก และน้ำหนักมันแค่ 8 กิโลกรัม และมีที่จับให้ยกได้สะดวกๆ การจะยกไปหาที่เก็บ และหยิบออกมาวางจึงไม่ใช่เรื่องยากครับ

เครื่องฟอกอากาศ ต้องวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกนะ
หลายคนเลือกวางเครื่องฟอกอากาศในซอกต่างๆ ของมุมบ้าน เพราะกลัวว่าทัศนียภาพภายในบ้านจะไม่สวยงาม แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นสิ่งที่ผิดครับ เพราะหลักการของเครื่องฟอกอากาศคือ ดูดอากาศรอบๆ เข้ามาผ่านเครื่องกรอง แล้วปล่อยเอาอากาศที่ผ่านการกรองแล้ว กลับคืนสู่สภาพแวดล้อม ฉะนั้น หากเราเอาไปวางไว้ตามซอกหลืบละก็ การถ่ายเทของอากาศจะไม่ดี และประสิทธิภาพในการฟอกอากาศก็จะลดลง
ในส่วนของการฟอกอากาศนั้น เครื่องฟอกอากาศ Vitainno Vita-Health V50 นี่มีด้วยกันสามชิ้น คือ ไล่จากนอกสุดไปด้านในสุด (ซ้ายสุดไปขวาสุด) คือ Aluminum Photocatalyst, HEPA H13 และ ไส้กรองเบื้องต้น ซึ่งประกอบไปด้วยไส้กรองคาร์บอนที่ติดกับไส้กรองแบบฟองน้ำครับ

แต่ที่เขาบอกว่ามันเป็นการกรอง 6 ขั้นตอนเนี่ย ต้องอธิบายการกรองแบบนี้ครับ
- ไส้กรองเบื้องต้น เป็นไส้กรองแบบฟองน้ำ เอาไว้กรองพวกฝุ่นผงขนาดใหญ่
- ไส้กรองคาร์บอน เป็น Activated carbon เอาไว้ฟอกกลิ่น ลดความชื้น ดูดซับพวกสารพิษพวก TVOC หรือพวกฟอร์มาลดีไฮด์ได้
- ไส้กรอง HEPA ระดับ H13 เอาไว้กรองฝุ่นขนาดเล็กระดับ 0.01 ไมครอน กรองพวก PM2.5 ได้มากถึง 99.97% สบายๆ
- ไส้กรอง Aluminum photocatalyst เอาไว้กรองพวกเชื้อแบคทีเรียครับ
- UV Sterilizer แสง UV ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยทำงานเร่งปฏิกิริยาไส้กรอง Aluminum photocatalyst (อ่าน คำอธิบายว่าเครื่องฟอกอากาศแบบ Photocatalytic ทำงานยังไง)
- Ionizer ทำหน้าที่ปล่อยประจุลบจับตัวกับพวกฝุ่นละอองในอากาศ ให้มีน้ำหนักมากขึ้นแล้วตกลงมา
พิจารณาจากความสามารถของเจ้าเครื่องฟอกอากาศนี้แล้ว มันทำหน้าที่เหมือนสามเครื่องในตัวเดียวเลย คือ ฟอกอากาศแบบกรองฝุ่นและดับกลิ่น ฟอกอากาศแบบขจัดเชื้อโรค และฟอกอากาศแบบไอออน

การควบคุมตัวเครื่องฟอกอากาศเพื่อใช้งาน มีสองช่องทาง คือผ่านรีโมทคอนโทรลที่แถมมาให้ ซึ่งสามารถสั่งงานได้ครบทุกฟังก์ชันเลย หรือผ่านหน้าจอ LED บนตัวเครื่อง ซึ่งมีปุ่มแบบสัมผัสอยู่ เพื่อใช้เปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆ รวมถึงการแจ้งข้อมูลคุณภาพอากาศ ที่ประกอบไปด้วย อุณหภูมิ, ความชื้น และปริมาณฝุ่นในอากาศ
แรงดันลมสามารถปรับได้ 3 ระดับ ซึ่งถ้าเปิดแบบเบาสุดๆ เสียงนี่แทบจะไม่ได้ยินเลย แต่ถ้าเปิดแบบแรงสุดเนี่ย ก็จะเสียงดังขั้นมาอีกหน่อย แต่อยากบอกว่าเสียงพัดลมหรือเสียงแอร์ในบ้าน ดังกว่าอ่ะ (ฮา)

ในการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ Vitainno Vita-Health V50 ถ้าเอาแบบง่ายๆ เลย ก็เปิดโหมดออโต้ (ปุ่ม Automation) เอาไว้เลย ให้มันปรับแรงพัดลมเหมาะสมตามคุณภาพของอากาศ ซึ่งเราจะเห็นได้จากไฟ LED ที่อยู่ด้านหน้าตัวเครื่องครับ สีเขียวคือคุณภาพอากาศดี สีเหลืองก็คุณภาพอากาศปานกลาง และสีแดงคือคุณภาพอากาศแย่ ซึ่งตัวเครื่องจะทำการเร่งแรงพัดลมขึ้นตามความจำเป็นในการฟอกอากาศครับ

ตัวเครื่องมันจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นอยู่ด้านข้างครับ ซึ่งทุกๆ สองเดือน ควรเปิดออกมาทำความสะอาดด้วย โดยอ่านวิธีทำความสะอาดติดเป็นสติกเกอร์อยู่ตรงนั้นเลย การทำความสะอาดเซ็นเซอร์นี่สำคัญนะครับ เพราะมันจะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศตรวจวัดปริมาณฝุ่นได้ถูกต้อง และเครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ตามสเปกแล้ว อัตราการฟอกอากาศ หรือ CADR อยู่ที่ 350-380 ลบ.ม./ชั่วโมง ซึ่งผมลองคำนวณที่เว็บไซต์ Smart Home Guide แล้วพบว่า เครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR นี้ เมื่อใช้ในห้องที่มีขนาดราว 50 ตารางเมตร (ประมาณ 540 ตารางฟุต) และห้องสูงราวๆ 2.7 เมตร (ซึ่งเป็นความสูงทั่วๆ ไป ของห้องแต่ละห้อง) แล้วค่า Air Change Rate per Hour (ACH) อยู่ที่ราวๆ 2.5 ครับ หรือพูดง่ายๆ คือ เครื่องฟอกอากาศนี้จะสามารถฟอกอากาศทั้งห้องขนาด 50 ตารางเมตรได้ 2.5 รอบ ทุกๆ 1 ชั่วโมง ครับ

ไส้กรองของเครื่องฟอกอากาศ Vitainno Vita-Health V50 นี่เป็นแบบที่ถอดล้างไม่ได้นะครับ อย่าเผลอล้างเข้าล่ะ เมื่อตัวเครื่องส่งไฟเตือนให้เปลี่ยนไส้กรองแล้ว เราก็แค่เปิดฝาหน้าออกมา ไม่ยากเลย เพราะมันยึดติดกันด้วยแรงแม่เหล็กครับ และมันยังทำหน้าที่เป็น Proximity sensor เพื่อตัดการทำงานของเครื่อง ในกรณีที่มีใครเผลอเปิดฝาออกมาระหว่างที่เครื่องทำงานอยู่ด้วยครับ … ทำไมต้องระวังกันขนาดนั้น? ก็เพราะมันมีหลอดไฟ UV อยู่ข้างในไงครับ แสงมันเป็นอันตรายต่อสายตานะครับ เลยต้องกันไว้ก่อน ซึ่งผมถือว่าเป็นดีไซน์ที่คำนึงถึงความปลอดภัยดีครับ

การถอดไส้กรอง ทำได้ไม่ยาก มันมีริบบิ้นผ้าติดเอาไว้ให้ดึงออกมาได้ง่ายๆ ครับ ขนาดของไส้กรองก็พอดิบพอดีกับช่อง ถอดออกมาหรือใส่กลับเข้าไปได้ฟิตๆ พอดี
แต่แม้ว่าเราจะถอดไส้กรองมาล้างทำความสะอาดไม่ได้ แต่เราก็ควรที่จะเอาไส้กรองชั้นแรก ที่เป็นฟองน้ำกับ Activated carbon กับไส้กรอง HEPA H13 มาดูดฝุ่นทุกๆ 6 เดือน ครับ และเมื่อใช้งานครบ 3,000 ชั่วโมง หรือ 1 ปีแล้ว ก็อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองด้วยครับ แต่ถ้าใช้บ่อยๆ มากๆ แนะนำให้เปิดฝาแกะไส้กรองมาดูว่ามีฝุ่นเกาะอยู่เยอะไหม หมั่นทำความสะอาดซักหน่อย และอาจต้องเปลี่ยนไส้กรองเร็วกว่าที่คิดครับ
บทสรุปปิดท้าย
ด้วยฟังก์ชันการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ Vitainno Vita-Health V50 มันเหมาะกับการเป็นเครื่องฟอกอากาศประจำบ้าน จะวางไว้ในห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน หรือใครที่อยู่คอนโด ก็ค่อนข้างจะเหมาะครับ ประสิทธิภาพของเจ้านี่ ถ้าถามผมนะ เอาแบบเนียนๆ ดีๆ เลย เหมาะกับห้องขนาดซัก 30-35 ตารางเมตร สูงซัก 2.7 เมตร ตามาตรฐาน กำลังดี แต่หากจะเอาไปใช้กับห้องใหญ่มากๆ แบบ 50 ตารางเมตร ตามสเปกเขาก็บอกว่าจะใช้ถึงห้องขนาด 57 ตารางเมตร ก็ยังไหวอยู่

เครื่องฟอกอากาศ Vitainno Vita-Health V50 นี่ขจัดได้ทั้งกลิ่น กรองพวกสารก่อภูมิแพ้ได้ และสามารถดักและฆ่าพวกเชื้อแบคทีเรียได้อีก แม้เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝุ่น เราก็สามารถเปิดใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าภายในห้องนอน หรือในบ้าน เราจะได้อากาศที่บริสุทธิ์ครับ
ตอนนี้ถ้าจะซื้อ สามารถซื้อได้โดยตรงจากทางเว็บไซต์วีต้าอินโน ตามลิงก์ด้านล่าง ส่งฟรีทั่วไทย และจากราคาเต็ม 18,900 บาท เห็นราคาลดเหลือ 15,900 บาทอยู่นะ
และสามารถสั่งสินค้าอื่นๆ ผ่านช่องทาง Online ได้ตามนี้เลยฮะ
- เว็บไซต์: www.vitainno.com
- เฟซบุ๊ก: vitainno
- LINE OA: @vitainno (ถ้าใช้สมาร์ทโฟนอยู่ คลิกลิงก์เลย จะเปิดไปที่ LINE เลย)
- โทร : 097-174-0216 และ 061-625-3559