ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นี่เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นล่าของ ASUS ที่มีความน่าสนใจตรงที่ มันไม่ได้มาแค่จอ 15.6″ ความละเอียด 4K (3840×2160 พิกเซล) และสเปกเทพๆ เท่านั้น แต่จุดเด่นที่สุดของมันจริงๆ คือ การให้หน้าจอ ScreenPad+ ความละเอียด 3840×1100 พิกเซลมาให้อีกจอ กลายเป็นโน้ตบุ๊กสองจอในเครื่องเดียว ในขณะที่ยังมีคีย์บอร์ดแบบเดิมๆ ให้ใช้ตะหาก แต่คำถามก็มีอยู่ว่า โน้ตบุ๊กดีไซน์แหวกแนวแบบนี้ สเปกเทพขนาดนี้ มันเหมาะกับใครกันแน่? ทำไมเราถึงควรจะซื้อมัน? เพราะเจ้านี่ราคาเริ่มต้นก็ 89,990 บาทแล้ว ถ้าเอาตัวท็อปสุดนี่ 114,990 บาทเลยทีเดียว แรงใช่เล่นนะ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บล็อกตอนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ASUS Thailand ให้ยืมเครื่อง ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ตัวล่างสุดที่ราคา 89,990 บาท มาให้ลองเล่น บล็อกนี้ก็เลยจะมาเล่าความเห็นของผม เกี่ยวกับมัน ในแบบที่แตกต่างไปจากรูปแบบของการรีวิว (เพราะเห็นมีคนรีวิวเจ๋งๆ แล้ว ผมแนะนำให้อ่านรีวิวจาก Notebookspec.com ครับ)
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 โน้ตบุ๊กระดับ Workstation ย่อมๆ
อันดับแรกเลยราคาโหดขนาดนี้ สเปกที่ได้ก็น้องๆ พวกเกมมิ่งโน้ตบุ๊กกันแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็น CPU Intel ที่เริ่มต้นที่ Core-i7 และสุดที่ Core-i9 และมาพร้อมหน่วยความจำมากถึง 32GB กับ SSD ความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงระดับ 3Gbps ความจุ 1TB และการ์ดจอสเปกดีอย่าง NVIDIA GeForce RTX2060 แรม 6GB และที่สุดคือ จอหลักที่เป็น OLED ความละเอียด 4K

มันคือโน้ตบุ๊กที่สเปกพร้อมจะทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป ทำงานเอกสาร (ถ้าจะทำแค่นี้ ไม่ต้องสเปกเทพแบบนี้ก็ได้) เล่นเกมกราฟิกโหดๆ ตกแต่งภาพความละเอียดสูงๆ หรือจำนวนมากๆ ด้วย Photoshop หรือ Lighroom หรือล่วงเลยไปถึงการตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูง หรืองานด้าน Content creation อื่นๆ ซึ่งดูเหมือน ASUS กับ Adobe จะร่วมมือกันรึเปล่า ไม่ทราบ แต่เวลาเปิดพวกโปรแกรมของค่ายนี้ พวกถาดเครื่องมือที่ปกติมันจะเกะกะพื้นที่การทำงานบนหน้าจอ มันจะเด้งลงมาอยู่ด้านล่างแทน ซึ่งทำให้เราได้พื้นที่การทำงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่เราก็ยังสามารถเข้าถึงพวกถาดเครื่องมือต่างๆ ได้เหมือนเดิม ผ่าน ScreenPad+ ที่เป็นจอสัมผัสด้วย
มี ScreenPad+ แล้วเหมือนพกจอเพิ่มไปในโน้ตบุ๊กเครื่องเดียว
แม้ว่าปัจจุบันจอคอมพิวเตอร์แบบ Widescreen (16:9) จะมีความละเอียดสูงแล้ว แต่เวลาใช้งานจริงๆ หลายๆ คนก็อาจรู้สึกว่าพื้นที่ในการแสดงผลไม่พอ ทางเลือกที่มีก็คือ เลือกซื้อจอแบบ Ultrawide 21:9 (หรือมากกว่านั้น) มาใช้แบบผม (ผมมีของ LG สองตัว ตัวนึงใช้ที่บ้าน อีกตัวใช้ที่ออฟฟิศ) หรือไม่ก็ซื้อจอมาต่อเพิ่มอีกตัวนึงเลย ซึ่งพวกโน้ตบุ๊กทำได้สบายๆ ต่อแบบ Extended desktop ไป เพิ่มพื้นที่การใช้งาน ช่วยให้เปิดโปรแกรมพร้อมๆ กันได้หลายตัว อ่านข้อมูลได้มากขึ้น ตอนตัดต่อวิดีโอ ก็สามารถดูผลได้จากหน้าจออีกอันเลย อะไรแบบนี้ ซึ่งอะไรเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แหละ ที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานไปได้มากทีเดียว
แต่พอใช้แบบนี้ไปพักใหญ่ๆ มันเคยตัว พอต้องพกโน้ตบุ๊กไปไหนมาไหนเพื่อทำงาน ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด เพราะพื้นที่มันไม่พอไง ก็เลยทำให้เวลาไม่ได้นั่งอยู่บนโต๊ะที่มีจอสองจอ หรือจอใหญ่ๆ ยาวๆ เราก็ไม่ค่อยอยากทำงานซักเท่าไหร่ เพราะไม่สะดวก ไม่ถนัด

แต่การมาของ ScreenPad+ เนี่ย มันช่วยจริงๆ และผิดกับตอน ZenBook Pro UX580 ที่ผมเคยรีวิวก่อนหน้านี้มาก เพราะอันนั้นจอมันเล็ก ใช้งานอะไรจริงๆ จังๆ ไม่ได้เลย นอกจากเอามาเปิด YouTube ระหว่างทำงาน (ฮา) แต่ ScreenPad+ ที่เขาบอกว่าขนาด 14 นิ้ว ซึ่งออกสัดส่วนการแสดงผลแบบแปลกๆ เพราะมันออกแนว ยาว คล้ายๆ จอ Ultrawide มันมีพื้นที่สำหรับการแสดงผลได้มากพอ รองรับหน้าต่างโปรแกรมได้อีก 2 หน้าต่างสบายๆ เลย และมันใหญ่พอใช้งานจริงๆ คิดซะว่าเราได้จอขนาด 7 นิ้ว ความละเอียดประมาณ Full HD มาอีกสองจอ (1920×1100 2 อัน)

พวกโปรแกรมของ Adobe นี่ เขามีการจัดให้พวกถาดเครื่องมือไปแสดงอยู่ในหน้าจอ ScreenPad+ แทน ช่วยให้เรามีพื้นที่ในการทำงานบนหน้าจอหลักแบบเต็มเหนี่ยวมาก ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ในการทำงานที่ดีเยี่ยมจริงๆ ใครที่ใช้งานจำพวก Photoshop, Lightroom, Premier Pro แล้วอยากได้โน้ตบุ๊กที่ทำงานพวกนี้ได้สะดวกๆ ผมแนะนำว่าน่าจะชอบ ASUS ZenBook Pro Duo นี่เลย (และการที่สามารถเอามาใช้ทำงานหาเงินได้ ก็เป็นเหตุผลที่ดีที่จะยอมจ่ายราคาสูงซักนิด) โปรแกรมของ Corel ก็รองรับ แต่คนไทยคงไม่ค่อยคุ้นชื่อเท่าไหร่ (มั้ง)
สำหรับงานบางอย่างที่เฉพาะทางจริงๆ ที่เราๆ ท่านๆ อาจจะนึกไม่ถึงกัน เช่น พวกงานดนตรี การมีหน้าจอแสดงผล ScreenPad+ เพิ่มมา มันช่วยให้สามารถทำงานได้สะดวกด้วยโน้ตบุ๊กเพียงตัวเดียว อย่างเช่นที่ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ พูดถึงในวิดีโอประชาสัมพันธ์ของ ASUS ด้านบนนั่นแหละ … ของแบบนี้ถ้าเกิดว่าไม่ได้ทำงานด้านนี้ ก็ไม่รู้จริงๆ
สายแคสเกม หรือทำ Live นอกสถานที่จะชอบสิ่งนี้
ด้วยสเปกของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 การเอามาเล่นเกมนี่สบายๆ ครับ อาจจะไม่ใช่สเปกที่ดีที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร แต่การมาของ ScreenPad+ คือการเพิ่มพื้นที่หน้าจอให้เราได้ใช้งานครับ
สายแคสเกม จะสามารถเล่นเกมไป พร้อมๆ กับเปิดพวกหน้าต่างโซเชีลมีเดีย เพื่อให้สามารถดูได้ด้วยว่าผู้ติดตามของเรากำลังพูดถึงอะไรอยู่บ้าง หรือจะดูข้อมูลจากโปรแกรมทำ Live streaming อย่าง OBS ก็ได้ด้วยเลยในทันที ซึ่งปกติมันเป็นอะไรที่เราสามารถทำได้อยู่แล้ว ถ้าเราใช้เดสก์ท็อปกับจอหลายๆ จอในห้อง แต่ถ้าทำแบบนี้นอกสถานที่ล่ะ? ไม่สะดวกแหงมๆ แต่ถ้าเป็น ASUS ZenBook Pro Duo ที่มี ScreenPad+ นี่ มันเหมือนพกสองจอไปในเครื่องเดียวจริงๆ และแน่นอน คนทำ Live นอกสถานที่ก็ได้ประโยชน์แบบเดียวกันด้วยเช่นกัน
Stylus ของ ASUS ZenBook Pro Duo ต้องทำความคุ้นเคยก่อนใช้
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นี่ถือว่าครบเครื่องมือ คือ มันยังอุตส่าห์มี Stylus ไว้ให้ใช้อีก แบบ กะว่า Creator คนไหนอยากใช้ก็มีให้ใช้อ่ะ เอากะมันดิ แต่จากที่ผมได้ใช้ บอกเลยว่าต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับมันก่อนครับ

คืองี้ … มันเอามาใช้เขียนบนหน้าจอหลักได้สบายๆ เลย และมันก็ตรวจจับอุ้งมือของเราได้ดีพอสมควร แต่มันอาจจะไม่ถนัดเพราะตัวเครื่องมันกางหน้าจอลงไปราบ 180 องศาไม่ได้ แถม ScreenPad+ ก็มาเกะกะอีก เพราะแขนเราอาจจะไปเผลอแตะโดน แต่เราก็มีวิธีแก้นะ คือ ปิด ScreenPad+ ไปซะ (มีปุ่มอยู่บนคีย์บอร์ด) แต่ก็ทำให้เราอดใช้ประโยชน์จากหน้าจอที่สองไปซะงั้น (เช่น เปิดรูปตัวอย่างที่เราอยากวาด เป็นต้น) ไม่งั้นต้องพยายามหาทางวาดให้ได้ครับ 555

อีกทางเลือกนึงคือ ก็วาดมันบน ScreenPad+ ไปนั่นแหละ เพราะเวลาเอา Stylus มาใช้ ASUS ออกแบบให้มันทำงานเป็นเหมือนเมาส์ปากกาเลย คือ ตัว Stylus จะไม่ได้ทัชไปบนตัว ScreenPad+ แต่จะไปควบคุมเคอร์เซอร์บนจอหลักแทน ฉะนั้น เราจึงสามารถวาดรูปโดยใช้ ScreenPad+ บวกกับ Stylus เหมือนเมาส์ปากกาได้ แต่มันก็มีข้อจำกัดคือ สัดส่วนที่ไม่สัมพันธ์กัน เพราะหน้าจอหลักมันมีส่วนส่วนแบบ Widescreen ในขณะที่ ScreenPad+ มันมาแนว Ultrawide ผลก็คือ เวลาเราลากเส้นตามแนวนอน เส้นมันวิ่งตามระยะทางที่ Stylus มันวิ่งจริงๆ แต่พอลากเส้นตามแนวตั้ง เส้นกลับวิ่งไปเร็วกว่าที่ Stylus มันวิ่ง … ถ้าอยากจะวาดรูป ต้องทำตัวให้ชินกับความไม่สัมพันธ์กันแบบนี้ก่อนครับ ซึ่งผมว่ายากอยู่
สิ่งที่ผมคิดว่า ASUS ทำได้ดี
แนวการออกแบบของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นี่ถือว่าแหวกแนวมาก ที่ทำหน้าจอสองจอแบบที่มีหน้าจอหลักตามปกติ และเสริมหน้าจอแนว Ultrawide ไว้ด้านล่าง ตรงส่วนที่ควรจะเป็นแป้นพิมพ์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าการพิมพ์เป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะเป็นการวางบนโต๊ะ หรือวางบนตัก ผมลองมาหมดแล้ว ยังพิมพ์ได้ดีสบายๆ อยู่เลย แต่ถ้าจะวางบนโต๊ะแล้วอยากได้ที่วางมือด้วย มันมีแถมมาให้ … เออ เข้าใจคิด
ScreenPad+ นี่ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ให้มาแบบใช้งานได้จริง และมีประโยชน์ในการใช้งานจริงๆ นะครับ

ส่วนตัว TouchPad ที่ย้ายที่สถิตมาอยู่ด้านข้างแทน ไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่ถนัด อาจจะเพราะผมคุ้นชินกับพวก Wireless keyboard ที่มี TouchPad อยู่ด้านข้าง (มีของ Microsoft กับ Logitech) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และการใช้เมาส์ ปกติมันก็อยู่ด้านข้างคีย์บอร์ดอยู่แล้วปะ แถมเจ้านี่ถูกออกแบบมาให้สามารถเปิดใช้งาน NumPad ได้อีก ดีจะตาย
แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีข้อให้ตินะ สำหรับ ASUS ZenBook Pro Duo UX581
เดี๋ยวจะหาว่าเขียนบล็อกมาเพื่ออวย ASUS (ฮา) ต้องมาพูดถึงข้อติของเจ้านี่กันบ้าง อันดับแรกเลยคือเรื่องแบตเตอรี่ ซึ่งแม้ว่าจะให้มามากถึง 71,000mAh (อ้างอิงจากข้อมูลของ Battery report ที่ Generate มาจาก Windows 10) แต่ว่าด้วยความที่จอมันใหญ่มาก (15.6″) แถมมีสองจอ (ScreenPad+) อีกต่างหาก และสเปกโหดร้าย (Core-i7/i9 บวกกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX2060) แบตเตอรี่ลดฮวบๆ มาก

เอาเป็นว่า ขนาดผมไม่ได้เล่นเกมนะ แค่เปิดโน้ตบุ๊กมาทำงานเอกสาร ตอบอีเมล แล้วก็เปิด Photoshop บ้างนิดหน่อย แบตเตอรี่ 98% ตอน 13:22 ลดลงมาเหลือ 8% ตอน 15:36 ได้อะ แค่สองชั่วโมงเศษๆ เท่านั้นเอง แบตแทบเกลี้ยง การนำไปใช้งานนอกสถานที่แบบไม่พึ่งพาปลั๊ก จึงเป็นแค่การใช้งานชั่วคราวมากกว่ายิงยาวมากกว่า ไม่งั้นก็ต้องเสียบปลั๊กเอา
อันดับถัดมาคือเรื่องน้ำหนัก ก็อย่างที่บอก เจ้านี่มันคือ Workstation ฉะนั้นเมื่อเทียบกะโน้ตบุ๊กตัวอื่นๆ ในปัจจุบัน ถือว่าหนักกว่าเยอะมาก เจ้านี่หนัก 2.5 กิโลกรัมเลยทีเดียวนะฮะ พวก 15.6 นิ้วปัจจุบัน น้ำหนักจะอยู่แถวๆ 1.5-1.8 กิโลกรัม ครับ
นี่ยังไม่นับที่จะต้องแบกอะแดปเตอร์ไปไหนมาไหนด้วย (ด้วยเหตุผลตามที่ได้พูดถึงไปข้างต้น) ซึ่งขนาดของอะแดปเตอร์ก็เขื่องมาก เพราะมันเป็นอะแดปเตอร์แบบ 230 วัตต์!!! ใหญ่โคตร
สรุปแล้ว ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นี่จะเหมาะกับใคร?
ก็ตามชื่อรุ่นนั่นแหละครับ รุ่น Pro ก็เหมาะกับพวกมือโปรทั้งหลายแหล่ ที่นำเจ้าเครื่องนี่มาหารายได้ได้คุ้มค่าเครื่อง และต้องเป็นพวกมือโปรที่ต้องการ Workstation สำหรับทำงานนอกสถานที่ และคุ้นชินกับการใช้หน้าจอหลายๆ หน้าจอ คือมันจะตอบโจทย์มาก
อีกกลุ่ม น่าจะเป็นพวกแคสเกม ทำไลฟ์นอกสถานที่ หรือเหล่า YouTuber หรือ Creator ต่างๆ ที่จะได้ใช้ประโยชน์จากเจ้านี่ ซึ่งแม้จะไม่มากเท่ากับกลุ่มมือโปร แต่มันก็ช่วยสร้างภาพลักษณ์เก๋ๆ ได้ แบบ โห โน้ตบุ๊กอะไรอ่ะ มีสองจอด้วย เจ๋ง อะไรแบบนี้ คือ มันมีดีไซน์ที่มีความว้าวที่ดีพออะครับ
ผมเห็นบล็อกเกอร์ และเว็บไซต์หลายแห่ง เขาชมเชย ASUS มากในแง่ของความกล้าที่จะออกแบบให้แตกต่าง แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งผมก็เห็นด้วยจริงๆ ครับในเรื่องนี้ และถือว่าปรับปรุงได้ดีมากจากรุ่นเดิมคือ ZenBook Pro UX580 ที่ผมมองว่าดีไซน์มันใหม่ แต่มันขาดตรงที่การใช้ประโยชน์จริงๆ