ผมวางแผนไปเที่ยวสิงคโปร์กับแฟนครับ ซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย จ่ายค่าที่พักโรงแรมเรียบร้อย ซื้อแม้กระทั่งตั๋วเข้า S.E.A. Aquarium เรียบร้อยอีกเช่นกัน แต่ดันมาตกม้าตายเอาง่ายๆ คือ ผมเพิ่งสังเกตว่าพาสปอร์ตผมหมดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หรือพูดง่ายๆ เหลืออายุราวๆ 4 เดือนกับไม่กี่วันเท่านั้น!! ด้วยความที่แบบ จ่ายเงินไปเป็นหมื่นๆ แล้ว ก็เสียดายตังค์ ก็พยายามหาข้อมูลว่า แล้วจริงๆ แล้ว เขาอนุโลมให้ได้ไหม ก็พบว่ามีหลายกระทู้บนพันทิป หลายบล็อกที่มีคนเขียน บอกว่ามาจากประสบการณ์จริง 80% บอกว่าจะไม่ผ่านตั้งแต่เช็กอินที่เคาน์เตอร์สายการบินในไทยแล้ว ส่วนราวๆ 20% บอกว่าผ่านได้แบบไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สิงคโปร์เขาก็ยอมปั๊มให้ … แต่ในชีวิตจริงจะเป็นยังไงนั้น ผมอ่านประสบการณ์ตรงของผมนี่เลย
ก่อนอื่น ขอบอกก่อนว่าประเทศสิงคโปร์เขากำหนดเอาไว้เลยนะครับว่าการจะเข้าประเทศเขา เงื่อนไขอันดับแรกเลยคือ พาสปอร์ตของเราต้องมีอายุเหลือมากกว่าหกเดือนขึ้นไปครับ (อ่าน Entry Requirement จากเว็บของ ICA – Immigration & Checkpoints Authority หรือพูดง่ายๆ ก็ ตม. ของสิงคโปร์นั่นเอง)
แล้วทำไมพาสปอร์ตถึงต้องอายุเหลือหกเดือน?
ทีมข่าวเฉพาะกิจของไทยรัฐเคยทำบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้เมื่อปี 2558 ซึ่งนายรัชฎา จิวาลัย ผอ.กองหนังสือเดินทาง กระทรวงต่างประเทศ ในปีนั้น ได้กล่าวว่า ในกรณีเดินทางไปต่างประเทศด้วยเครื่องบิน เนื่องจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เขาออกข้อแนะนำว่า การเดินทางระหว่างประเทศควรจะมีอายุพาสปอร์ตมากกว่า 6 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ ตม. หลายประเทศ ก็นำไปใช้เป็นแนวปฏิบัติ แม้อาจไม่ถึงขั้นเป็นระเบียบ
แต่เนื่องจากสายการบินเอง ก็เกรงว่าเมื่อนำผู้โดยสารไปแล้ว หากถูก ตม. ประเทศนั้นๆ ปฏิเสธ แล้วจะกลายเป็นภาระ ต้องส่งผู้โดยสารกลับ สายการบินเขาเลยใช้แนวปฏิบัตินี้ ที่ได้มาจาก ICAO … แม้จะมีบางประเทศอนุโลม ก็ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของสายการบิน ที่ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติอย่างเป็นทางการ
ในความเป็นจริง หนังสือเดินทางมันก็ทำหน้าที่ของมันได้จนถึงวันหมดอายุนั่นแหละครับ แต่เพราะคำแนะนำของ ICAO ทำให้หลายๆ ประเทศนำไปปรับใช้เป็นกฎระเบียบ และประเทศสิงคโปร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งวันนี้ตอนที่ผมไปเช็กอินที่เคาน์เตอร์การบินไทย (ซึ่งมีกระทู้หลายๆ กระทู้เขียนว่า การบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินที่ยอมให้เราบินได้ แม้อายุพาสปอร์ตจะเหลือไม่ถึงหกเดือน แต่อาจต้องมีการเซ็นเอกสารยินยอมว่าจะรับผิดชอบค่าตั๋วขากลับเอง ในกรณีถูกห้ามเข้าประเทศและถูกส่งกลับ) ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบและปฏิเสธไม่ออกตั๋วให้อย่างสุภาพ และผมขอบอกตรงนี้เลยนะครับ ถ้าพาสปอร์ตอายุเหลือไม่ถึงหกเดือน แล้วจะไปสิงคโปร์ แค่ออกตั๋วก็ไม่น่าจะออกได้แล้ว การที่พยายามต่อรองว่า เรายินดีรับผิดชอบค่าตั๋วขากลับเองในกรณีที่ ตม. ไม่ให้เข้าประเทศ แล้วส่งเรากลับ ไม่ช่วยอะไร เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า หากเกิดเหตุการณ์นี้ สายการบินจะโดนปรับด้วย (เข้าใจว่าคงเพราะมีการไปวัดดวงกันเยอะ จนกระทั่งสิงคโปร์ออกระเบียบนี้ขึ้นมา?!?)
ฉะนั้น ผมเลยไม่ต้องไปวัดดวงต่อเลยว่า ตม. สิงคโปร์จะให้เข้าหรือไม่ให้เข้า ซึ่งตรงนี้ หลังจากได้มีการพูดคุยกับมิตรสหายท่านหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่า หากไปถึง ตม. แล้ว เขาไม่ให้เข้าประเทศ แล้วอาจจะต้องส่งไปอยู่ห้องพักรอการส่งกลับ ซึ่งในบางกรณีจะไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์เข้าไป (ต้องฝากไว้ใน Locker) ซึ่งมันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีแน่นอน และมิตรสหายท่านนี้ “ไม่แนะนำอย่างยิ่ง” ให้ลองเสี่ยงดวงใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะไม่สนุก ยังเป็นภาระคนอื่นอีกที่จะต้องคอยมา Make sure ว่าคุณสบายดี ไม่เป็นอะไร โดยมันคือการเสี่ยงที่รู้อยู่แล้วว่าโอกาสจะได้เข้าประเทศยากมาก ไม่ต่างอะไรกับการคิดเสี่ยง Overstay หรือแอบทำงานในต่างประเทศเลย (ซึ่งก้จะโดน ตม. ไม่ให้เข้าและต้องไปอยู่ในห้องพักรอการส่งกลับเช่นกัน) ซึ่งผมขอบอกเลยว่า เชื่อมิตรสหายท่านนี้ของผมเถิด
พาสปอร์ตอายุไม่ถึงหกเดือน ถ้าจะไปสิงคโปร์ เขาไม่ให้ผ่านตั้งแต่ตอนเช็กอินแล้วนะครับ ไม่ต้องไปวัดดวงเลย พวกกระทู้และเว็บต่างๆ ที่เขาอ้างว่าผ่านมาได้ ซึ่งมีราวๆ 20% ของที่ผมหาข้อมูลเจอ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาผ่านไปได้ยังไง แต่บอกได้เลยว่า เราไม่น่าจะเป็น 20% นั้นแน่ๆ
นายกาฝาก
แล้วถ้าเขาไม่ให้เดินทางแล้วทำไงดี?
ก่อนอื่นก็ไปตรวจสอบกับห้องขายบัตรโดยสาร (Ticket Office) ของสายการบินก่อน ว่าสามารถทำการเลื่อนไฟล์ทได้ไหม และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ คุ้มไหมเมื่อเทียบกับซื้อตั๋วใหม่ กรณีที่ซื้อพวกตั๋วโปร มันอาจจะเลื่อนได้โดยมีค่าใช้จ่าย แต่มักจะคืนเงินค่าตั๋วไม่ได้ถ้ายกเลิกเที่ยวบิน แต่ถ้าเป็นสายการบินไทย แม้เขาจะไม่สามารถคืนค่าตั๋วให้เราได้ แต่เขาสามารถคืนค่าภาษีให้เราได้ครับ (ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรคืนมาเลย) การเลื่อนตั๋วโปร สามารถทำได้ภายในระยะเวลาอายุตั๋ว และสามารถเลื่อนไปได้จนกว่าโปรจะหมด เช่น อายุตั๋วโปรผมคือ 1 เดือน และหมดโปรคือ 15 มีนาคม 2563 นั่นหมายความว่า ผมสามารถแจ้งขอเลื่อนไฟล์ทได้ภายในเวลา 1 เดือน และกำหนดวันเดินทางใหม่เป็นไม่เกิน 15 มีนาคม 2563 ได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายนะครับ
จากนั้น ถ้าจองโรงแรมไปแล้ว ก็เช็กกับโรงแรม ว่าสามารถยกเลิกแล้วขอเงินคืนได้ไหม แต่ถ้าเกิดจองผ่านพวกเว็บอย่าง Agoda, Expedia ให้ติดต่อไปตามเว็บพวกนี้แทน ตรงนี้จะมีประเด็นตรงที่ว่า ตอนคุณจอง คุณเลือกจองแบบสามารถขอ Refund ได้ไหม และต้องแจ้งล่วงหน้าเท่าไหร่ … ถ้าไม่ทำตามนั้น ก็ต้องอีเมลไปต่อรองกันเอาเอง ซึ่งทางโน้นเขาก็มีสิทธิในการปฏิเสธเราเช่นกัน
และสุดท้ายก็คือ ทำใจ และวางแผนเที่ยวใหม่ด่วนฮะ