เมื่อเร็วๆ นี้ Plantronics เปิดตัวหูฟังใหม่ออกมาสามรุ่นครับ หนึ่งในนั้นมีรุ่นที่น่าสนใจคือ Plantronics BackBeat Pro 5100 ที่เป็นดีไซน์แบบ True wireless ด้วย มีไมโครโฟน 4 ตัวที่ดีไซน์ตัดเสียงลม มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถฟังได้ต่อเนื่อง 6.5 ชั่วโมง และกล่องเก็บที่เป็นที่ชาร์จในตัว ที่สามารถอัดแบตเตอรี่เข้าไปให้ใช้งานต่อได้รวม 13 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ในราคา 6,590 บาท รับประกัน 2 ปี
ออกตัวล้อฟรี…
รีวิวครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจากบริษัท Systems 2000 ที่ส่ง Plantronics BackBeat Pro 5100 มาให้ลอง ให้รีวิวครับ แต่ความเห็นทั้งหมดที่ปรากฏในรีวิวฉบับนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ครับ
ภายในกล่อง Plantronics BackBeat Pro 5100
สิ่งที่มาในกล่อง Plantronics BackBeat Pro 5100 ก็มีตัวหูฟังที่เก็บไว้ในกล่องชาร์จเรียบร้อย กับตัวยางหูฟังสำรอง ที่ซีลเก็บมาอย่างดี ซึ่งแอบรู้สึกว่าแปลก เพราะปกติแล้ว พวกยางหูฟังพวกนี้มันจะใส่แค่ซองซิบเฉยๆ ครับ ยางหูฟังสำรอง ก็มีให้เลือกสามขนาดเช่นเคย ตัวไซส์ M มันติดตั้งมากับหูฟังแล้ว ที่แถมมาให้เพิ่มก็คือ S และ L ซึ่งเลือกใช้ตามขนาดรูหูครับ

วิธีการเปลี่ยนยางหูฟังก็ไม่ยาก ตรงตัวหูฟังมันจะมีรองเล็กๆ อยู่ ให้เราเอาเล็บสะกิดตรงนั้นนิดหน่อย แกะออกมาได้สบายๆ ครับ

นอกจากนี้ในแพ็กเกจก็มีสาย Micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และคู่มือมาให้ด้วย นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแล้วล่ะ
ประสบการณ์ในการใช้งาน Plantronics BackBeat Pro 5100
ทีนี้ก็ถึงเวลาเอามาลองใช้งานกันบ้างครับ ตอนนี้การเชื่อมต่อทำได้ไม่ยากแล้ว ดาวน์โหลดแอป BackBeat (iOS/Android) มาติดตั้ง แล้วเพิ่มหูฟังเข้าไปในแอป เดี๋ยวมันก็สแกนหาหูฟังเจอ แล้วแนะนำวิธีเชื่อมต่อให้เราเอง (อ่านคู่มือในกล่องก่อนนะ ว่าวิธีการเปิดใช้งานครั้งแรกทำยังไง)

ดีไซน์ของหูฟังถูกออกแบบมาให้ใช้ง่ายครับ เราไม่ต้องเปิดปิดหูฟังอะไรหรอกนะครับ แค่หยิบออกจากกล่องมา มันก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ และถ้าเราเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้ว มันก็จะเริ่มเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเลย แล้วถ้าเราถอดหูฟังออกมาเก็บลงในกล่อง มันก็จะปิดหูฟัง แล้วทำการชาร์จแบตเตอรี่ไป

หูฟังมีน้ำหนักโคตรเบามากเลยครับ ข้างนึงหนักแค่ 5.8 กรัมเท่านั้นเอง เรียกว่าใส่แล้วไม่รู้สึกหรอกว่าหนัก ก็มันมีแบตเตอรี่แค่ 60mAh เองนี่นา แต่ด้วยความที่ใช้เทคโนโลยีบลูทูธ 5.0 มันช่วยประหยัดพลังงานไปได้เยอะเลยอะ เลยใช้งานต่อเนื่องได้ยาวถึง 6.5 ชั่วโมง
การใช้งานนั้น โดย Default หูฟังข้างขวาจะเป็นตัวหลัก แต่เราสามารถเลือกปรับในแอปได้ว่าจะให้ข้างไหนเป็นข้างหลัก ข้างที่เป็นหลัก จะใช้ควบคุมการเล่นเพลงครับ ตรงกดปุ่มตรงส่วนที่เป็นโลโก้ PLT หูฟังนั่นแหละ ส่วนอีกข้างก็จะเป็นข้างรอง ที่เอาไว้ควบคุม Volume โดยการแตะเบาๆ (ไม่ต้องกด) ทีนึงเพื่อเพิ่มเสียง 1 ระดับ หรือแตะค้างไว้แป๊บนึงเพื่อลดเสียง 1 ระดับ ถ้าแตะค้างก็จะลดเสียงลงเรื่อยๆ

แต่ในแอป BackBeat เนี่ย เราจะสามารถปรับตั้งโหมดเป็น Volume หรือ My Tap ก็ได้ คือ การแตะที่หูข้างเป็นหูรอง สามารถเลือกสลับได้ว่าจะใช้คุมระดับเสียงของหูฟัง หรือ แตะ 1 ครั้งให้ทำอะไร แตะ 2 ครั้งให้ทำอะไร
นอกจากนี้ในแอป เรายังสามารถปรับแต่งอื่นๆ ได้อีก เช่น
- เปิด HD Voice เพื่อให้คุณภาพเสียงในการสนทนาดีขึ้น (แต่ต้องใช้กับสมาร์ทโฟนและเครือข่ายที่รองรับด้วยนะ)
- Smart Sensors ที่เลือกได้ว่าเมื่อถอดหูฟังทั้งคู่ออกจากหูแล้ว จะให้ทำอะไร เลือกได้ระหว่างปิดเสียงไมโครโฟน หรือ ย้ายไปคุยต่อผ่านสมาร์ทโฟนแทน
- เลือกภาษาที่ตัวหูฟังจะพูดกับเราได้ มีทั้งอังกฤษ ไทย สวีดิช รัสเซีย นอร์เวเจียน จีนกลาง สเปน เกาหลี ญี่ป่น อิตาลี อินโดนีเซีย เยอรมัน ฝรั่งเศส แดนิช จีนกวางตุ้ง โปรตุเกส (บราซิล)
ลองใช้ฟังแล้ว เสียงค่อนข้างดีทีเดียวเลยครับ เสียงสูง เสียงกลาง เสียงต่ำ แสดงผลได้ดีทีเดียว น่าจะเป็นผลมาจากการที่ไดรเวอร์มีขนาดพอสมควร 5.8 มม. แม้ว่าขนาดหูฟังจะดูเล็กๆ แถมยังต้องเผื่อพื้นที่ไว้ใส่แบตเตอรี่อีก ไมโครโฟน 4 ตัวช่วยตัดเสียงลมก็ทำงานได้โอเคอยู่ คือ ลองขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแล้วโทรหาเพื่อนดู ไมโครโฟนตัดเสียงลมได้ดีพอสมควรครับ แม้จะยังไม่ดีเท่า Plantronics Voyager 5200 ก็ตาม แต่ถ้าเกิดเจอรถยนต์เร่งเครื่อง หรือไปอยู่ในที่ที่เสียงดังๆ โดยเฉพาะเสียงย่านต่ำดังๆ คู่สนทนาก็อาจจะไม่ได้ยินเสียงเราได้อยู่ดีอะนะ
ถ้าจะถามผมว่าอะไรที่ผมไม่ถูกใจที่สุดในหูฟังตัวนี้ ก็น่าจะเป็นตรงที่มันสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้แค่เครื่องเดียวนี่แหละครับ คือ สำหรับคนที่พกสมาร์ทโฟนสองเครื่อง และมีโอกาสที่คนจะโทรหาผมทั้งสองเครื่องเนี่ย มันไม่ตอบโจทย์จริงๆ แต่สำหรับคนที่ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องเดียว หรือแม้จะพกสองเครื่อง แต่ก็เน้นฟังเพลงและโทรศัพท์จากเครื่องเดียว ก็น่าจะใช้ได้แบบไม่ติดขัดครับ
บทสรุปการรีวิว Plantronics BackBeat Pro 5100
ถ้าไม่นับเรื่องที่ว่าหูฟังมันเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้แค่ทีละเครื่อง ซึ่งไม่ตอบโจทย์ผม ในแง่คุณภาพเสียง ดีไซน์ การพกพา เจ้านี่ถือว่าเป็น True wireless ที่ดีงามตัวนึงเลยแหละครับ แบตเตอรี่ก็อึดพอสมควรเลย สามารถใช้งานได้ 6 ชั่วโมงครึ่ง และด้วยความที่มีการออกแบบกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 ที่แม้ว่าจะไม่ใช่อะไรที่ให้เอาไปลงว่ายน้ำ ดำน้ำได้ แต่ถ้าคิดจะใส่วิ่งออกกำลังกายนี่เหลือเฟือครับ แม้ตัวหูฟังจะเป็นแบบ In-ear แต่เสียบหูได้แน่นหนาดีทีเดียว
ในแง่ของการตัดเสียงรบกวน ผมเทียบกับหูฟังแบบใส่ออกเดินอย่าง Plantronics BackBeat Go 410 แล้ว ผมว่ายังสู้ไม่ได้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะขนาดมันเล็กกว่า แบตเตอรี่ก็น้อยกว่าเยอะ ต้องทำใจ แต่ผมยังไม่ได้ลองกับ Sony WF-1000XM3 ที่เขาร่ำลือกัน แต่ผมคิดว่า Sony น่าจะตัดเสียงได้ดีกว่าฮะ แต่ราคาก็แพงกว่าสองพันกว่าบาทเช่นกัน ก็ต้องเลือกพิจารณาละครับ