โจทย์ของวันนี้ของผมคือ จะรีวิว OPPO Reno 10x Zoom ที่ทาง OPPO Thailand ใจดีให้ยืมมาเล่น แล้วก็อยากจะพูดถึงนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่จัดที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ที่กำลังจัดอยู่ด้วย ผมก็เลยตัดสินใจว่า ในเมื่อเดี๋ยวนี้รีวิวสมาร์ทโฟนมันหาได้ง่าย ทั่วไปแล้ว ผมก็จะขอรีวิวสมาร์ทโฟนเฉพาะในสิ่งที่ผมใช้ประจำ ใช้บ่อย และเชื่อว่าผู้ใช้งานหลายๆ คน ก็น่าจะใช้บ่อยเช่นกัน นั่นก็คือ การถ่ายภาพ เป็นหลักก็แล้วกัน
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
OPPO Reno 10x Zoom ตัวที่ผมรีวิวนี้ ได้ยืมมาจาก OPPO Thailand ครับ ไม่ได้ซื้อใช้เอง แต่ได้มาลองแล้วราวๆ 1 สัปดาห์ ฉะนั้นผมถือว่าผมสามารถบอกเล่าประสบการณ์ในการใช้งานของผมให้อ่านได้ดีพอสมควรครับ ความเห็นทั้งหมด เป็นความเห็นของผมล้วนๆ OPPO ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ
เล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับ OPPO Reno Series ก่อน
เชื่อว่าเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า OPPO Reno Series มันมีด้วยกันสองรุ่น คือ OPPO Reno เฉยๆ กับ OPPO Reno 10x Zoom ซึ่ง มันมีความแตกต่างกันแบบนี้ครับ
- OPPO Reno จะมีขนาดเล็กและเบากว่า OPPO Reno 10x Zoom ครับ คือ OPPO Reno จอ 6.4″ ส่วน OPPO Reno 10x Zoom จอ 6.6″ แต่ความละเอียดหน้าจอพอกัน และสัดส่วนของหน้าจอต่อพื้นที่ตัวเครื่องพอๆ กันครับ ถ้าไม่วางข้างๆ กัน อาจจะแยกแยะกันไม่ออก
- สเปกของ OPPO Reno จะใช้หน่วยประมวลผลระดับกลาง คือ Snapdragon 710 มีหน่วยความจำ 6GB พูดง่ายๆ เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับตลาดระดับกลาง แต่ OPPO Reno 10x Zoom คือ Snapdragon 855 หน่วยความจำ 8GB เป็นสมาร์ทโฟนตลาดระดับบน
- กล้องหลังของ OPPO Reno มีแค่กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f1.7 กล้อง Ultrawide 5 ล้านพิกเซล f2.4 แต่ OPPO Reno 10x Zoom นี่ กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f1.7 กล้อง Ultrawide 8 ล้านพิกเซล f2.2 และกล้องซูม 10x f3.0
- อ้างอิงจากสเปกบนเว็บ OPPO นี่ OPPO Reno 10x Zoom รองรับ 4G หลายย่านกว่า OPPO Reno เยอะ
- แบตเตอรี่ของ OPPO Reno 10x Zoom (4,065mAh) นี่เยอะกว่า OPPO Reno (3,765mAh) นิดหน่อย
ในส่วนของดีไซน์ บอกเลยว่าในเมื่อเจ้านี่มันคือเรือธง ไม่ว่าจะเป็น OPPO Reno หรือ OPPO Reno 10x Zoom ต่างก็ดีไซน์ออกมาสวย หน้าจอแบบเต็มตัวเครื่อง เพราะกล้องหน้ามันไปซ่อนอยู่ในตัวเครื่องตามสมัยนิยม มันเต็มตาดี ใครที่เริ่มชินกับติ่งหรือหยดน้ำหรือรูบนหน้าจอแล้วมาเจอจอเต็มๆ ตาแบบนี้ คุณจะรู้สึกชอบ
ราคาของ OPPO Reno อยู่ที่ 16,990 บาท ส่วน OPPO Reno 10x Zoom อยู่ที่ 28,990 บาท เรียกว่าราคาห่างกันเยอะทีเดียว ถ้าคุณสนใจเรื่องการถ่ายภาพมาก และเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ผมก็อยากแนะนำให้กัดฟันจัด OPPO Reno 10x Zoom ครับ ไม่ใช่อะไรนะ กล้องหลังมันดีกว่าจริงจัง คือ มีทั้ง Ultrawide ที่ความละเอียดก็สูงกว่า คือ 8 ล้านพิกเซล และมีเลนส์ซูม Optical 10x อีก
หยิบ OPPO Reno 10x Zoom ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
User Interface กล้องของ OPPO Reno 10x Zoom ก็มาสไตล์ของกล้องสมาร์ทโฟน OPPO ตัวอื่นๆ ครับ การใช้งานไม่ยุ่งยาก มีลูกเล่นเยอะทีเดียว ทั้งโหมดการถ่ายภาพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายกลางคืน พาโนรามา โปร สโลว์โมชัน ไทม์แลปส์ ฯลฯ และลูกเล่นในการตกแต่งภาพแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ฟิลเตอร์ การเร่งสีให้สด หรือ HDR เป็นต้น

ด้วยความตั้งใจที่จะไปถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแต่เช้าๆ จะได้ไม่ต้องรอนาน แต่ดันตื่นสาย (ฮา) เลยไปถึงที่นั่นราวๆ 10:00 น. (ฮา) พิพิธภัณฑ์เขาเปิด 09:00 น. ครับ ผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียว คิวคนรอก็เพียบแล้ว ยังดีว่าคิวซื้อตั๋วยังไม่ยาวเท่าไหร่ ณ จุดนี้ เลนส์ Ultrawide ของ OPPO Reno 10x Zoom ช่วยให้ผมสามารถเก็บภาพบรรยากาศการรอคอยเอาไว้ได้ประมาณนึงเลยทีเดียว และเมื่อเปิด AI ช่วยด้วย ก็มีการปรับแต่งสีภาพให้เหมาะสมด้วย สังเกตได้จากท้องฟ้าที่ฟ้า ใบไม้ที่สีเขียวสดทีเดียว

กล้องหน้าของ OPPO Reno 10x Zoom ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f2.0 ถ่ายภาพออกมาได้สวยทีเดียวเลยครับ สไตล์ของ OPPO จะดูฟรุ้งฟริ้งนิดหน่อย เลนส์มุมกว้างกว่า iPhone 8 Plus ที่ผมใช้อยู่ ถ่ายภาพเดี่ยวหรือคู่ ก็บอกได้ว่าอยู่แถวไหน เพราะมีพื้นที่เหลือให้เห็นแบ็กกราวด์พอสมควร กล้องป๊อบอัพเด้งขึ้นมา เท่ดี ผมชอบ ข้อเสียคือ มันดันเอาแฟลชไปไว้อยู่ตรงนี้ด้วย ฉะนั้นเวลาถ่ายภาพตอนกลางคืนแล้วจะใช้แฟลช อย่าเผลอเอาอุ้งมือไปบังกล้องป๊อบอัพล่ะ
อ้อ! เหมือนกับรุ่นอื่นๆ ที่เขาใช้กล้องป๊อบอัพครับ คือ ถ้าเซ็นเซอร์มันตรวจจับได้ว่าตัวเครื่องเหมือนกำลังตกอยู่ มันจะทำการหุบกล้องเก็บโดยอัตโนมัติ แต่เวลาเอานิ้วมือพยายามกดกล้องป๊อบอัพให้กลับเข้าไปในตัวเครื่อง ต้องออกแรงกดพอสมควรเลย กว่ามันจะยอมกลับเข้าไป (แต่ผมไม่แนะนำให้ทำหรอกนะ อันนี้ผมทำเพราะอยากรู้) ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะเราจะไม่เผลอไปกดให้กล้องหดโดยไม่ตั้งใจ

ผมเคยพูดถึงประโยชน์ของเลนส์ Ultrawide ในการถ่ายภาพเวลาไปเที่ยวมานานมาก ตั้งกะสมัยที่มีแค่ LG เท่านั้นแหละ ที่เลือกใส่เลนส์ Ultrawide มาในสมาร์ทโฟน เพราะในหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องการถ่ายภาพอาคาร หรือภาพหมู่คน ที่ต้องการภาพมุมกว้าง อะไรแบบนี้
ในบางมุมเนี่ย การถ่ายภาพมุมกว้างมันได้ความรู้สึกอลังการกว่าจริงๆ ครับ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ภาพของพวกอาคาร หรือแลนด์มาร์กต่างๆ มันดูดีขึ้น ลองดูตัวอย่างง่ายๆ ผมถ่ายศาลาไทยที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

ลองเปลี่ยนมาถ่ายแบบ Ultrawide ดู จะเห็นว่าแม้ตัวศาลามันจะดูเล็กลง แต่ด้วยมุมที่เบี้ยวๆ ของเลนส์แล้ว กลับทำให้รู้สึกว่าศาลามันดูโดดเด่นขึ้นด้วยอ่ะ ดูมีมิติมากขึ้นด้วย
สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวชมนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ ผมแนะนำให้มาช่วงเช้าครับ ถ้ามาเช้ามากๆ ตรงประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งท่าพระอาทิตย์มันจะพอมีที่จอดรถอยู่ตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาฮะ จอดแล้วก็เดินย้อนกลับมาซัก 5 นาที ก็ถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแล้ว อย่ามาตอนบ่ายนะครับ คนเยอะมาก มากจนแบบ เหอะๆ รออ้วกอ่ะ
แนะนำอีกอย่างคือ อย่าพกกระเป๋าใบใหญ่มานะครับ เขาไม่ให้เอาเข้า กล้องนี่ก็ไม่ต้องพกมาเลย เขาให้เอาเข้าแค่สมาร์ทโฟนครับ แล้วเวลาถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนก็ห้ามใช้แฟลช ห้ามไลฟ์ หรือถ่ายวิดีโอด้วย ห้ามนำเครื่องดื่มเข้าด้วย และเขาขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ตรวจกระเป๋าด้วยฮะ

ภายในงานนิทรรศการ แสงจะสลัวๆ หน่อยครับ มีบางจุดที่ไฟทึมๆ หน่อย แต่กล้องของ OPPO Reno 10x Zoom ก็พยายามชดเชยแสงให้สว่างได้เต็มเหนี่ยว และรูรับแสงของกล้องหลัก f1.7 กับกล้อง Ultrawide f2.0 ก็ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีด้วยอะนะ

อย่างภาพด้านบน สถานที่จัดแสดงคือแสงทึมๆ มาก แต่ผมก็ยังสามารถถ่ายภาพ Ultrawide ออกมาได้ค่อนข้างโอเคด้วย OPPO Reno 10x Zoom แล้วอยากบอกว่า ถ่ายภาพด้วยเลนส์ปกติ มันจะไม่ได้ความรู้สึกที่มีมิติของตู้กระจกจัดแสดงแบบนี้
ทีนี้มาดูเรื่องเลนส์ซูมของ OPPO Reno 10x Zoom บ้าง ซึ่งด้วยเทคโนโลยีการจัดวางเลนส์ซูมแบบใหม่ ช่วยให้เจ้านี่ซูมแบบ Optical ได้สูงสุด 10x เลย ฉะนั้น การถ่ายภาพด้วย OPPO Reno 10x Zoom ก็เลยรองรับระยะต่างๆ ตั้งแต่ Ultrawide เนื่องจากมีเลนส์ Ultrawide โดยเฉพาะนี่

ถัดมาคือระยะ 1x ซึ่งขอเรียกว่าเป็นระยะปกติของกล้องสมาร์ทโฟน ภาพที่ได้ เมื่อถ่ายจากจุดเดียวกับที่ถ่ายรูปด้านบน ก็จะเป็นแบบนี้ครับ คือ ระยะเกือบๆ จะได้ใกล้เคียงกับที่ตาเรามองเห็น

ถัดมาคือระยะ 2x ซึ่งก็คือระยะของเลนส์ Telephoto ที่สมาร์ทโฟนอย่าง iPhone เขามีให้ ภาพที่ได้ ก็จะกระเถิบเข้ามาอีกนิดแบบรูปด้านล่างนี่

และระยะถัดมา ถ้าใช้วิธีแตะไอคอนเพื่อซูม เราจะได้ระยะ 6x ครับ ซึ่งภาพที่ได้ จะซูมเข้ามาใกล้มากขึ้นมากๆ แต่ถ้าถ่ายในสภาพแสงน้อย ต้องทำใจเลยว่า Noise จะเพิ่มขึ้นจนซอฟต์แวร์ต้องพยายามเกลี่ยให้หายไปแล้วรายละเอียดของภาพก็จะหดหายไปพอสมควรเลย ทั้งนี้เพราะรูรับแสงของเลนส์ Telephoto มันคือ f3.0 สถานเดียวครับ

กดอีกที วิ่งไป 10x เลยครับ ถ้าระยะแบบที่ผมยืนถ่ายนี่คืออยู่ห่างจากเป้าหมายราวๆ ซัก 5 เมตรนี่ เราแทบจะได้รูปภาพบุคคลเฉพาะไหล่และศีรษะเลยแหละ

แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเลือกซูมได้ตามใจชอบนะครับ แตะปุ่มซูม แล้วเลื่อนขึ้นลง จะเป็นการเลือกระยะซูมตามใจ ได้ตั้งกะ Ultrawide ยัน 60x เลยครับ แต่จากที่ผมลองดู ระยะ 1x – 4.9x เนี่ย รูรับแสงจะยังเป็น f1.7 อยู่ แต่ถ้า 5x ขึ้นไปเมื่อไหร่ รูรับแสงไหลกระโดดไป f3.0 เลยแจ้
รูปด้านล่างคือผมถ่ายด้วย 30x ครับ เมื่อแสงยิ่งน้อย การเกลี่ย Noise ยิ่งเยอะ แถมยังเจอซอฟต์แวร์ที่ช่วยปรับภาพซูม 30x อีก (อย่าลืมว่าเจ้านี่มัน Optical แค่ 10x) ภาพเลยเริ่มคล้ายๆ ภาพสีน้ำมันแทนแล้ว

พอซูมไปถึง 60x นี่ แม้ว่ารายละเอียดจะหายไปเยอะ และการถ่ายก็ยากพอสมควร เพราะแค่หายใจตามปกตินี่ ภาพก็เคลื่อนขึ้นลงๆ เยอะแล้ว กว่าจะกะจังหวะถ่ายได้ แทบแย่ แต่น่าสนใจว่าภาพไม่ค่อยเบลอเท่าไหร่ เออ ดีแฮะ

แต่อย่างที่เห็นนะครับ ถ้าเรากะว่าจะใช้งานในระยะซัก 4-5 เมตรละก็ คุณแทบไม่มีความจำเป็นต้องซูมยัน 60x เลย แค่ 10x ก็เหลือเฟือแล้ว และที่ผมอยากแนะนำก็คือ 10x นี่แหละ เพราะมันเป็น Optical zoom แต่ถ้าสภาพแสงน้อย ผมอยากแนะนำว่าพยายามซูมไม่เกิน 4.9x น่าจะดีกว่า เพราะจะได้อานิสงส์จากรูรับแสง f1.7 ครับ
กลับมาที่งานนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ คือ ผมว่าทำมาได้ดีทีเดียว ทำออกมาดีมาก มีข้อมูลเยอะทีเดียว แต่เนื่องจากน่าจะทำมาเพื่อเชิดชูพระเกียรติของจิ๋นซีฮ่องเต้ ก็เลยเน้นไปที่คุณความดีที่พระองค์ได้ทรงทำไว้ มากกว่าอีกมุมหนึ่งของพระองค์ (ฆ่าบัณฑิตเผาตำรา การสร้างกำแพงเมืองจีนที่เป็นเหตุให้คนจำนวนมากต้องตาย เป็นต้น)

จุดไฮไลท์ของงาน น่าจะเป็นพวกโบราณวัตถุสำคัญๆ เป็นร้อยชิ้นที่มีอายุกว่า 2,200 ปี จากพิพิธภัณฑ์ 14 แห่งในประเทศจีนมาจัดแสดง และมีหุ่นดินเผาทหารสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้แท้ๆ มาให้ได้ชมกันแบบชนิดที่ไม่ต้องไปถึงซีอานนี่แหละ
ชมนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้เสร็จแล้ว ชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติต่อได้นะ
หลังจากชมนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้เสร็จแล้ว บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่เราซื้อไป (ค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าฟรี) สามารถนำไปใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติต่อได้นะ ใช้เวลาเดินอีก 1-2 ชั่วโมง หากเดินไม่ละเอียดมาก ไปชมของไทยๆ เราบ้าง มีอะไรน่าสนใจเยอะอยู่

แวะไปชมพระมหาพิชัยราชรถก็ได้ และยังมีอีกหลายๆ อย่าง ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทย ทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่อีกด้วย ภาพที่ถ่ายมานี่เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้นครับ เอาไว้ทดสอบเรื่องกล้องของ OPPO Reno 10x Zoom


บอกตรงๆ ว่า ลูกเล่นของกล้อง OPPO Reno 10x Zoom นี่มีมากกว่าที่ผมพูดถึงอีกเยอะ แต่สำหรับผม ผมว่าคนทั่วไปก็คงไม่ได้ใช้อะไรไปเยอะแยะมากมายหรอกครับ ลำพังแค่โหมดออโต้อย่างเดียว ก็ใช้งานง่าย เลนส์สามแบบนี่ใช้ถ่ายได้แทบจะทุกสถานการณ์เลย
บทสรุปการพา OPPO Reno 10x Zoom ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
สมาร์ทโฟนมันต้องมีเลนส์ครบสามช่วง ระยะปกติ เทเลโฟโต้ และ Ultrawide เสะ มันถึงจะสมบูรณ์แบบ และพกไปเที่ยวที่ไหนก็ใช้งานได้สะดวกจริงๆ ครับ อย่างไรก็ดี เลนส์ซูม 10x นี่ผมมองว่าคือขีดจำกัดของการใช้งานแล้วล่ะ ไปไกลกว่านี้ คุณภาพมันจะลดลง ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ ยกเว้นว่าจะรับได้กับคุณภาพที่ลดลง (คือ ต้องการแค่ “เห็น” และไม่ต้อง “ชัด” มาก) ผมว่าติ่งเกาหลีนี่น่าจะชอบ เพราะพกเข้าคอนเสิร์ตสะดวก ซูมถ่ายสบายเลย
ส่วนเรื่องของประสบการณ์ในการใช้งาน จริงๆ อยากแนะนำให้ไปอ่านเว็บอื่นที่เขารีวิวกันไปหมดแล้ว (ฮา) แต่จริงๆ ผมก็อยากบอกว่า ในการใช้งานทั่วๆ ไปเนี่ย พวกสมาร์ทโฟนสเปกระดับปานกลางขึ้นไป มันตอบโจทย์การใช้งานส่วนใหญ่ของเราหมดแล้วแหละ